18 มิ.ย. 2023 เวลา 15:35 • บันเทิง

วันหยุด ดูหนัง ได้คลังปัญญา

วันหยุดนี้ นั่งดูหนังไปหลายเรื่อง
เรื่องที่น่าจดจำ ได้คติแนวคิดที่อยากจดจำไว้คือ
Cruella-หนังของ Walt Disney, และอีกเรื่องชื่อ The School for Good and Evil.
Cruella ของ Walt Disney ค่อนข้างสนุกกว่า แบบอารมณ์ แรงกว่า
แต่สิ่งที่ได้ (แฝงspoil จุด climax) ของเรื่องนี้คือ
1- พรสวรรค์ รึ แรงจิตส่วนลึกด้านในของคนเรา มีความ เกี่ยวข้องกับสายเลือดแท้ๆ พอสมควร
ตัวอย่างเช่น Cruella ในเรื่อง มีพรสวรรค์ด้านเสื้อผ้าและแฟชั่นโดดเด่นเหนือใคร และเป็นคนฉลาด สู้คน ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากคนทั่วไปจนเกินไป แม่เลี้ยงรึโรงเรียนไม่ได้เคยสอนรึให้การศึกษา แต่สายเลือดของแม่แท้ ผู้เป็นเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่น ที่มีความโหดร้ายแต่ฉลาดมีพรสวรรค์ นั้นแอบแฝงอยู่ในตัว
2- การอบรมเลี้ยงดู อย่างถูกต้อง ด้วยความเข้าใจและความรักแท้ สามารถประคองและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนิสัยและความประพฤติได้อย่างมาก
ตัวอย่างเช่น แม่เลี้ยง (ซึ่ง Estella เข้าใจว่าเป็นแม่แท้ๆนั้น) มอบความรักให้Estella ทำให้เธอยึดแนวคำสอนของแม่เลี้ยงไว้ประคองให้เธอเป็นคนที่อ่อนโยนและเข้ากับคนทั่วไปได้
ความที่ แม่เลี้ยง ตระหนักถึงสายเลือดของแม่แท้ๆที่โหดร้ายแต่ฉลาดเป็นกรดเป็นอย่างดี จึงได้แฝงวิธีการสอน ให้ Estellaรู้สึกตัวเอง เวลาที่อยาก ทำความแสบ เกรี้ยวกราดรึทำร้ายตอบคนที่มาแกล้งกันแบบแรงเกินไป นางได้แนะให้ Estella เรียกภาคตัวร้ายที่ซ่อนอยู่ในใจเธอเอง ว่า Cruella โดยให้ถือเป็นอีกคนนึง ที่ต้องทำการควบคุมไว้ ไม่ให้เด่นกว่าตัวจริงที่เป็นEstella ลูกรักของแม่
นี่เป็นวิธีการ ที่เฉียบคมมาก ในการให้คนๆนึง ตระหนักถึงความดีความชั่ว ที่อาจสลับกันไปมา ในแต่ละช่วงเวลาของตัวเราเอง
ในเรื่องนั้น Estella ตั้งใจให้ Cruella ออกมาแสดงบทบาทชัดเจนเพื่อบรรจุเป้าหมายบางอย่างที่ต้องอาศัยความเด็ดขาดและกร้าวแกร่ง ในการชนกับศัตรู
หากแต่ ลึกๆแล้ว Estella ที่เป็นลูกของแม่เลี้ยงต่างหาก ที่เธอเชื่อและยอมรับความเป็นตัวตนของเธอไว้จริงๆ และด้วย สภาพแวดล้อมและเพื่อนที่คอยให้สติเธอ ทำให้เธอกลับภาคมาเป็น Estella ได้อีกครั้ง
และสุดท้าย เธอจึง เรียนรู้ที่จะ ควบคุมและดึงเอาจุดเด่นของภาคร้ายในตัวเองมาใช้ จนสามารถ นำพาตัวเองและเพื่อนสนิท ให้ล้มเจ้าแม่และเป็นผู้ชนะในที่สุด
จุดสำคัญที่น่าเรียนรู้ คือแนวการตระหนักตนเอง และควบคุมความสุดโต่งของความคิดด้านมืดของใจให้ได้ หากใครควบคุมได้ และหาทางใช้ตัวตนที่ซ่อนอยู่ได้อย่างสมดุล สิ่งนั้น จะบันดาลให้คนเราหาทางออกของชีวิตได้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ กัลยาณมิตรที่แวดล้อมเราอยู่ ก็มีผลอย่างมากทีเดียว
อีกเรื่องนึง ที่ได้การเรียนรู้ เรื่องจิตใจฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว คือ The School for good and evil.
ซึ่งในเรื่อง แสดงให้เห็นว่า การแบ่ง ดำกับขาว นั้นเป็นไปไม่ได้ ไม่มีมนุษย์คนไหน ดีบริสุทธิ์ รึชั่วบริสุทธิ์ 100%, ทุกคนต่างมีดีชั่วปะปน
สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การที่เราแปะป้าย ว่าใครเป็นฝ่ายไหน
ฝ่ายดี ที่เชื่อว่าการที่เราเป็นคนของฝ่ายนี้ คือฝ่ายดี กลับไม่ได้กังขาความประพฤติปฏิบัติของฝ่ายตน ว่า ควรเรียกสิ่งที่ทำกันอยู่ว่า ดีแล้ว จริงๆหรือ
ส่วนฝ่ายที่ เชื่อว่า ฉันเกิดมาเป็นพวกวายร้าย เป็นตัวแสบเพราะต้นตระกูลเป็นยอดแห่งวายร้าย ก็กลับพยายามดึงความร้ายที่แม้จะมีน้อยนิด ออกมาฝึกใช้ให้คล่องแคล่วซะงั้น
ความร้ายที่มาในคราบของ "ความเชื่อ" ว่าฉันเป็นคนดี เป็นส่วนสำคัญที่ปิดบังการรับรู้ของคนนั้น และจะถูกความชั่วครอบงำและชักจูงได้ง่ายกว่า
ในขณะที่ คนส่วนใหญ่ กลับเชื่อรูปลักษณ์ภายนอก และมักใช้ความรู้สึกต่อรูปลักษณ์นั้น ในการประเมินว่า เขารึเธอ น่าจะเป็นพวกวายร้าย เพียงเพราะเป็นคนตัวดำ ผมหยิก ลึกลับอย่างกับแม่มด เป็นต้น
นี่คือสิ่งที่หนังเรื่องนี้สื่อออกมาอ้อมๆ
การตรวจสอบ จิตใจตัวเองเรื่องการแปะป้ายคน ไม่ว่าจะแปะผู้อื่นรึตนเอง และการยึดติด จนแบ่งแยกอย่างหลงผิดนั้น จึงควรระวังอย่างยิ่ง
สองเรื่อง นี้ ให้คติสอนใจ ใกล้เคียงกัน เรื่องความคิดความตระหนักรู้ ความดีความชั่ว ตามความเป็นจริง อย่างมีสติ เป็นตัวอย่างที่เก็บไว้สอนใจ ได้อย่างดี
สิ่งสำคัญคือ เมื่อตระหนัก เรียนรู้ แล้วยินดี จะปรับปรุงแก้ไข พัฒนาความดีต่อไป
โฆษณา