20 มิ.ย. 2023 เวลา 17:21 • ข่าวรอบโลก
สุพรรณบุรี

WMO เตือนชาวโลกรับมือปรากฏการณ์ ‘เอลนีโญ’

ด้าน สส. สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา เร่งให้ความรู้พี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน
โดยภายหลังจากที่ทางองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ ดับเบิลยูเอ็มโอ (WMO) องค์กรหนึ่งของสหประชาชาติ เปิดเผยว่า WMO ได้ประมาณการว่า มีโอกาส ร้อยละ 60 ที่จะเกิดปรากฏการณ์ ‘เอลนีโญ’ ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมปีนี้ และมีโอกาสร้อยละ 80 ที่จะเกิดเอลนีโญภายในสิ้นเดือนกันยายนปี 2023 นี้ สำหรับที่ผ่านมานั้น ปรากฏการณ์เอลนีโญ เป็นรูปแบบสภาพภูมิอากาศที่มักจะเกี่ยวข้องกับการที่อุณหภูมิอากาศปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงความแห้งแล้งที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่บางส่วนของโลก และเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ส่วนอื่นของโลก
โดยเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 2018-2019 และนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นมา หรือ 3 ปี โลกเผชิญกับสภาวะอากาศที่เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ ‘ลานีญา’ เป็นระยะเวลายาวนาน และสิ้นสุดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ภูมิอากาศมีสภาพเป็นกลางจนมาถึงปัจจุบัน
สภาวะอากาศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ที่เราจะสังเกตได้ว่าจากหน้าหนาวที่ไม่หนาวแต่ฝนกลับตก ส่วนหน้าฝนที่ไม่มีฝนแต่กลับมีอากาศที่ร้อนอบอ้าวมากขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาภายหลังจากที่ทางกรมอุตุได้แจ้งว่าเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการเมื่อปลายๆ เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะมีฝนตกแต่อย่างไร มีอากาศที่ร้อนอบอ้าวไปทั่วประเทศไทย และมีพายุฤดูร้อน มากระหน่ำบ้างเป็นบางจังหวัด
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมาเป็นวันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก ได้มีทางด้านนาย เสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ออกมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ไว้เป็นความรู้ว่า สำหรับปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา เพื่อรณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้ประชากรโลกหันกลับมาใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ในประเทศไทยกว่า 58 จังหวัด กำลังเผชิญปัญหาภัยแล้งที่มากขึ้นทุกปี
เหตุเกิดจากปริมาณน้ำฝนที่ลดลงและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้พืชผลของเกษตรกรได้รับความเสียหายอย่างหนัก สุพรรณบุรี ก็เป็น 1 ในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง โดยเฉพาะกลางปีนี้เป็นต้นไป ที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ปรากฏการณ์ เอลนีโญ
ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา เห็นความสำคัญของปัญหาภัยแล้ง ที่มาจากภาวะโลกร้อน จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบน้ำบาดาลในพื้นที่ทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา กว่าหมื่นโครงการ
โดยเป็นโครงการที่อยู่ใน จ.สุพรรณบุรี ทั้งสิ้น 194 โครงการ และเราพร้อมจะเดินหน้าทำต่อ เพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวสุพรรณบุรีอย่างยั่งยืนครั้ง พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวแบบเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย คือการปลูกข้าวแบบ เปียกสลับแห้ง ซึ่งอาจเป็นทางรอดหนึ่งของชาวนาสุพรรณบุรีและชาวนาไทยทุกท่าน ในที่เกิดภัยแล้ง เอลนีโญ่ในตอนนี้ก็ได้
สำหรับข้อดีของการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งมีข้อดีดังนี้
ต้องเปลี่ยนมาทำนาแบบ #เปียกสลับแห้ง
ลดน้ำ ลดปุ๋ย ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ จากการขายคาร์บอนเครดิต
กลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่ ลดโลกร้อน เดิมบางนางบวช ทำแล้ว ได้ผลจริง
ลดน้ำ 50%
ลดปุ๋ย 70%
ลดยาฆ่าแมลง 70%
ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น 30%
เพิ่มรายได้จากการคาร์บอนเครดิต ไร่ละ 470 บาท
ดังนั้นพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมสนับสนุนการส่งต่อองค์ความรู้ ให้ทั่วถึงพี่น้องชาวนา ทั่วทั้ง จ.สุพรรณบุรี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวนาทุกคนอีกด้วย โดยท่านสามารถชมภาพความสำเร็จของพี่น้องชาวนาเดิมบาง : https://www.facebook.com/photo/?fbid=200800859503575&set=a.110516495198679
โฆษณา