Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฮวงจุ้ยเพื่อชีวิต
•
ติดตาม
24 มิ.ย. 2023 เวลา 19:59 • ไลฟ์สไตล์
อัญมณีปรับชะตา
คำว่า อัญมณี เดิมทีหมายถึง หินรัตนชาติ (Gem Stone) ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาผ่านกระบวนการแปรสภาพ อาทิเช่น การเจียรไน หรือ การแกะสลัก โดยปกติจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ เพชร กับ พลอย ซึ่งพลอยจะหมายถึงอัญมณีทุกชนิด ยกเว้นเพชร รวมถึงพวกสารประกอบ ที่ได้จากสิ่งมีชีวิต เช่น ไข่มุก และปะการังและอำพัน
พลอยส่วนใหญ่จะมีสีสันแตกต่างกัน จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า หินสี (Color Stone) เกิดจากแร่ธาตุที่เจือปนอยู่ในผลึกของแร่รัตนชาติเหล่านั้น อาทิเช่น แร่คอรันดัมบริสุทธิ์ ที่เป็นอะลูมิเนียมออกไซด์ จะมีสีขาว โครเมียมทำให้มีสีแดง ส่วนเหล็กกับไทเทเนียม จะให้สีน้ำเงิน โดยเกณฑ์ที่ใช้แบ่งประเภทของอัญมณี คือ ความแข็, ความถ่วงจำเพาะ และค่าดัชนีหักเหแสง
แร่รัตนชาติส่วนใหญ่ จะเกิดอยู่ตามสายแร่คริสตัล (Crystallline) ที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น เพชรกับทับทิม จะเกิดตามสายแร่ที่สะสมตัวแบบหินตะกอน หรือ สายแร่เพกมาไทต์ (Pegmatite veins) ที่เป็นแหล่งกำเนิดของผลึกแร่ขนาดใหญ่ เช่น พวกควอตซ์ และ เค-เฟลด์สปาร์ โดยกระบวนการกำเนิด จะแปรไปตาม ปฏิกิริยาเคมี (Chemicals) ความร้อน (Heat) และ แรงดัน (Pressure) ซึ่งปฏิกิริยาเคมี จะเป็นตัวกำหนด
โครงสร้างและสีสันของผลึกรัตนชาติ ขณะที่ความร้อนและแรงดัน จะเป็นตัวกำหนดขนาดและรูปร่าง ด้วยเหตุนี้แร่รัตนชาติส่วนมาก จึงมักจะเกิดลึกลงไปในโลก และถูกส่งขึ้นมาที่ผิวโลก ผ่านการระเบิดของหินหลอมเหลว (Molten rock) จากนั้นผลึกรัตนชาติ ก็จะค่อยเย็นลงและแข็งขึ้น อาจมีบ้างที่เกิดจากการก่อตัว จากแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในของเหลว และถูกกรองผ่านรอยแตกของหิน เช่น โอปอล
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้แร่รัตนชาติเกิดเป็นคุณสมบัติ 3 ประการคือ 1.ความแข็ง บอกถึงความต้านทานคงทนการขูดขีด การขัดสี หรือ การสึกกร่อน 2.ความเหนียว บอกถึงความต้านทานคงทน ต่อการกระเทาะ และการแตกร้าว 3.ความเสถียรทางเคมี บอกถึงความต้านทานต่อการซีดจาง
การสูญเสียเนื้อแร่ หรือการสูญเสียสี อันเนื่องจากความร้อน การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและแสง หรือสารเคมีบางอย่าง จากคุณสมบัติทั้งสามดังกล่าว จึงทำให้รัตนชาติ เป็นแร่ที่มีความคงทน มีผลึกที่แวววาว เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ ทั้งเพื่อความสวยงาม หรือ เพื่อเป็นเคล็ดวัตถุเสริมมงคล
รูปที่ 4-1 แสดงกลไกนาฬิกาควอส (SOURCE : MGRONLINE.COM)
เนื่องจากรัตนชาติ มีโครงสร้างที่เป็นผลึก ที่มีเนื้อมวลสารที่หนาแน่นสูง เพราะผ่านการกดอัดแรงดันสูง จากภายใต้พื้นโลก จึงทำให้ผลึกรัตนชาติมีความคงตัว และด้วยความแข็งจึงทำให้มีอัตราความถี่ในการสั่นสะเทือนของตัวผลึก ที่มีค่าคงที่เฉพาะ สำหรับรัตนชาติแต่ละชนิด ดังตัวอย่างที่มีการนำเอาผลึกของควอตซ์ มาทำเป็นกลไกในการขับเคลื่อนนาฬิกา เพื่อบอกเวลา (ดังรูปที่ 1) โดย วอร์เรน มอร์ริสัน เป็นคนสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1929
ซึ่งนาฬิกาชนิดนี้จะทำงานโดยใช้ พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี เป็นตัวหมุนเข็มบอกเวลา หรือแสดงผลผ่านจอดิจิตอล ขณะที่พลังงานบางส่วน จะถูกส่งผ่านผลึกควอตซ์ ให้เกิดการสั่นสะเทือน และนำความถี่ที่ได้ ไปควบคุมจังหวะการเดินของนาฬิกา ซึ่งจะมีความผิดพลาดเพียงหนึ่งในพันของวินาที อันอาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
ด้วยหลักการเดียวกันนี้ จึงสามารถนำเอารัตนชาติ ซึ่งควรผ่านการปรับสภาพเป็นอัญมณีแล้ว มาใช้ในการบำบัดโรคได้ โดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า ความถี่พ้อง (Resonance Frequency) แต่ก่อนจะบรรยายต่อไป ต้องอธิบายบางอย่างให้รับทราบกันก่อน นั่นคือ กระบวนการเกิด EMS (Electro Magnetic Field) ของร่างกายมนุษย์
เนื่องจากองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ของเลือดมนุษย์ที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญอยู่ในเซลเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่จับและปล่อยอ๊อกซิเจน จึงช่วยนำอ๊อกซิเจนไปแจกจ่ายให้ส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย องค์ประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินคือ อณูของฮีม (Heme) ที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ทำหน้าที่จับกับอ๊อกซิเจน เป็นเหล็กอ๊อกไซด์ (Fe2O3) หรือสนิมเหล็กที่มีสีแดง จึงเป็นเหตุให้เลือดมนุษย์เป็นสีแดงด้วย
อีกส่วนคือ โกลบิน (Globin) เป็นสายโปรตีนเส้นยาวขดพันกันอยู่ ด้วยเหตุที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบในเลือด เมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายด้วยแรงดัน จึงทำให้อะตอมของธาตุเหล็กเกิดการเสียดสีกัน ทำให้เกิดเป็นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ EMS อ่อนๆ เรืองอยุ่ทั่วทั้งร่างกาย
เมื่อเรานำเอาอัญมณีที่มีความถี่เหมาะสม ในการบำบัดโรคชนิดต่างๆ เมือโครงสร้างผลึกของอัญมณีได้รับการกระตุ้นจาก EMS ของร่างกาย ก็จะเหมือนผลึกของควอทซ์ ที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ทำให้ผลึกของอัญมณีแต่ละชนิด สั่นสะเทือนและสร้างความถี่เฉพาะออกมาไม่เหมือนกัน และอัญมณีที่มีความถี่สอดคล้องกับศูนย์ควบคุมอวัยวะกลุ่มใด ก็จะช่วยกระตุ้นและปรับค่าความถี่ของศูนย์ควบคุมเหล่านั้นให้เข้าสู่ดุลยภาพที่เหมาะสม
ซึ่งย่อมจะส่งผลให้อวัยวะในกลุ่มดังกล่าว ได้รับการปรับแต่งไปด้วย จนสามารถทำงานได้เป็นปกติ ก็ย่อมจะหายจากโรคที่เป็นอยู่ได้ แต่ในที่นี้ก็ต้องเน้นย้ำว่า การบำบัดด้วยอัญมณี เป็นการบำบัดในส่วนของศูนย์ควบคุม ซึ่งอยู่ในระดับปราณ มิใช่กายภาพภายนอก หากโรคร้ายที่เป็นอยู่คุกคามมาถึงร่างกายภายนอกแล้ว ก็ต้องใช้การรักษาด้วยเภสัช ไม่ว่าจะเป็นแบบการแพทย์สมัยใหม่ หรือแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ควบคู่ไปกับการใช้อัญมณีบำบัด
จึงอาจกล่าวได้ว่า อัญมณีบำบัด จะเป็นการบำบัดที่มูลเหตุของโรคโดยตรง เพื่อให้เข้าใจในเรื่องราวเหล่านี้มากยิ่งขึ้น ก็ต้องมาคุยกันถึงองค์ประกอบในระดับละเอียดของร่างกายมนุษย์ก่อน โดยโครงสร้างระดับที่ละเอียดสุดของร่างกายก็คือ กายพลังงาน หรือ ที่บ่อยครั้งจะเรียกกันว่า กายละเอียด (Etheric body) ซึ่งจะเป็นส่วนที่กำหนดโครงสร้างระดับที่สองที่หยาบถัดมาคือ กายปราณ (Prana body) หรือ เส้นปราณต่างๆ ที่มีการพูดถึงบ่อยครั้ง
ในวิชาการแพทย์แผนจีนโบราณ เช่น เส้นที่เป็นที่อยู่ของจุดต่างๆ ในวิชาฝังเข็ม และโครงสร้างสุดท้าย จึงเป็นกายสสาร (Matter body) หรือ ที่เรียกกันว่า กายเนื้อ คือกายที่เราพบเห็นกันอยู่ ซึ่งจะรวมทั้งตั้งแต่อวัยวะภายในออกมา จนถึงรูปกายภายนอก ดังนั้นกายเจ็บป่วยเป็นโรคของมนุษย์ จึงสามารถเริ่มต้นได้ ตั้งแต่กายละเอียดภายในออกมา ซึ่งถ้าเป็นมากก็จะส่งผลกระทบมายังกายปราณ มากขึ้นก็จะส่งผลออกมาที่กายเนื้อภายนอก ดังนั้นการบำบัดรักษา จึงต้องวินิจฉัยให้แจ้งชัดก่อนว่า มูลเหตุของโรคเกิดขึ้นในระดับใด
ถ้าเกิดที่กายละเอียด จะต้องบำบัดด้วยกระบวนการที่ละเอียดเท่ากัน เช่น การทำสมาธิระดับลึก ถ้าเป็นระดับของปราณ ก็ต้องใช้กระบวนการบำบัดปราณ เช่น การฝังเข็ม การเดินลมปราณ หรือ ชี่กง รวมไปถึง การใช้อัญมณีบำบัด แต่ถ้าเป็นถึงระดับกายเนื้อ ก็ต้องใช้สสารระดับเดียวกัน เช่น อาหารเสริม สมุนไพร เภสัชภัณฑ์ และ เวชภัณฑ์สมัยใหม่
รูปที่ 4-2 แสดงโครงสร้างของจักระทั้งเจ็ด (SOURCE : FRIAMIN.COM)
ดังนั้นการบำบัดด้วยอัญมณี จึงถือเป็นการบำบัดในระดับที่ลึกกว่า การรักษาพยาบาลในระดับกายภาพภายนอก เมื่อโครงสร้างของปราณเข้าสู่ภาวะสมดุลย์ตามปกติแล้ว ก็ย่อมจะไม่ก่อผลกระทบต่อกายเนื้อเพิ่มขึ้นอีก เมื่อรักษาพยาบาลกายเนื้อจนหายเป็นปกติแล้ว ก็จะไม่หวนกลับมาเจ็บป่วยอีก เมื่อเข้าใจถึงตรงนี้แล้ว ก็จะขอหวนกลับไปพูดถึงเรื่องอัญมณีบำบัดต่อ ดังกล่าวข้างต้นเกี่ยวกับ ความถี่พ้องของอัญมณีแต่ละชนิด ที่สอดคล้องกับศูนย์ควบคุมกลุ่มอวัยวะ ซึ่งในศาสตร์โบราณ เรียกศูนย์ควบคุมเหล่านี้ว่า จักระ (Chakras)
ซึ่งจักระหลักๆ จะมีอยู่ทั้งหมด 7 จักระด้วยกัน (ดูรูปที่ 2) ซึ่งถือกันว่าเป็นศูนย์รวมของพลังอันมหาศาลแต่เร้นลับ ที่ซ่อนเร้นอย่างเงียบงันอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ แต่ในที่นี้เราจะยังไม่พูดถึงพลังเร้นลับดังกล่าว โดยจะขอเน้นไปที่ การเป็นศูนย์ควบคุมการทำงานของกลุ่มอวัยวะภายในต่างๆ ของมนุษย์ เพื่ออธิบายความเชื่อมโยงเกี่ยวกับความถี่พ้อง ที่สอดคล้องกับความถี่ของอัญมณีแต่ละชนิด ซึ่งได้ถูกใช้เป็นตัวแทนของจักระทั้งเจ็ดดังกล่าวนั้น
จักระทั้งเจ็ด จะเรียงตัวกันตามแนวกระดูกสันหลังจากล่างขึ้นไปถึงกึ่งกลางศีรษะด้านบน โดยมีโครงสร้างรูปแบบของจักระ และความถี่ในการหมุนของจักระแตกต่างกันไป รวมไปถึงสีที่เป็นเหมือนรหัสตัวแทนของแต่ละจักระ ประกอบด้วย
1.จักระมูลธาร (Muladhara Chakra หรือ The Root Chakra) อยู่ที่ปลายสุดของกระดูกสันหลังด้านล่าง หรือที่เรียกว่า กระดูกก้นกบ เป็นศูนย์ควบคุม กล้ามเนื้อ, โครงกระดูก, กระดูกสันหลัง, คุณภาพเลือด, ต่อมหมวกไต ไต ลำไส้ใหญ่ ขาทั้งสองข้าง จัดรูปแบบเป็นดอกบัว 4 กลีบ มีสีแดง อัญมณีที่ใช้ได้คือ เรดแจสเปอร์ (Red jasper)
2.จักระสวาธิษฐาน (Svadhisthana Chakra หรือ The Sacral Chakra) อยู่ที่บริเวณสะดือ เป็นศูนย์ควบคุม รังไข่, อัณฑะ, ต่อมลูกหมาก, อวัยวะเพศ, ม้าม, มดลูก, กระเพาะปัสสาวะ จัดรูปแบบเป็นดอกบัว 6 กลีบ มีสีส้ม อัญมณีที่ใช้ได้คือ คาร์นีเลียน (Carnelian)
3.จักระมณีปุระ (Manipura Chakra หรือ Solar Plexus Chakra) อยู่ที่บริเวณตรงกลางระหว่างลิ้นปี่กับสะดือ เป็นศูนย์ควบคุม ระบบการย่อย, การดูดซึมอาหาร, ควบคุมอุณหภูมิ, ตับอ่อน, ตับ, ถุงน้ำดี จัดรูปแบบเป็นดอกบัว 10 กลีบ มีสีเหลือง อัญมณีที่ใช้ได้คือ ซิทริน (Citrine)
4.จักระอนาหตะ (Anahata Chakra หรือ Heart Chakra) อยู่ที่บริเวณตรงกับหัวใจ เป็นศูนย์ควบคุม หัวใจ ปอด, ต่อมไทมัส, ภูมิต้านทาน, แขนทั้งสองข้าง จัดรูปแบบเป็นดอกบัว 12 กลีบ มีสีเขียว อัญมณีที่ใช้ได้คือ อเวนจูรีน (Aventurine)
5.จักระวิสุทธะ (Vishuddha Chakra หรือ Throat Chakra) อยู่ที่บริเวณกลางลำคอ เป็นศูนย์ควบคุม การหายใจ, ต่อมไทรอยด์, พาราไทรอยด์, ลำคอ, ปาก จัดรูปแบบเป็นดอกบัว 16 กลีบ มีสีฟ้า อัญมณีที่ใช้ได้คือ เทอร์คอยซ์ (Turquoize)
6.จักระอาชนะ (Ajna Chakra หรือ Third Eye Chakra) อยู่ที่บริเวณกลางหน้าผาก เป็นศูนย์ควบคุม สมองส่วนล่าง, ระบบประสาท, ต่อมใต้สมอง, ต่อมฐานสมอง, ตาข้างซ้าย, จมูก, หูทั้งสองข้าง จัดรูปแบบเป็นดอกบัว 2 กลีบใหญ่ มีสีน้ำเงิน อัญมณีที่ใช้ได้คือ ลาปีส ลาซูรี่ (Lapislazuri)
7.จักระสหัสธาร (Sahasrara Chakra หรือ Crown Chakra) อยู่ที่บริเวณกลางกระหม่อม เป็นศูนย์ควบคุม ต่อมไพเนียล, ตาข้างขวา, ระบบประสาทศูนย์กลาง จัดรูปแบบเป็นดอกบัว 1000 กลีบ มีสีม่วง อัญมณีที่ใช้ได้คือ อมีทีส (Amathyse)
จากที่บรรยายมา เมื่อต้องการปรับแต่งศูนย์ควบคุมของอวัยวะกลุ่มใด ก็สามารถใช้อัญมณี ที่สอดคล้อง หรือ มีความถี่พ้อง กับจักระนั้น เพื่อทำให้ความถี่ของจักระ กลับคืนสู่สภาพปกติ ซึ่งนั่นย่อมหมายถึง การทำงานที่เป็นปกติ ในกลุ่มที่จักระนั้นควบคุมอยู่ด้วย จึงทำให้โรคที่เป็นอยู่กับอวัยวะในกลุ่มดังกล่าว พลอยหายเป็นปกติตามไป นอกจากการใช้อัญมณีช่วยในการบำบัดแล้ว ในอารยธรรมโบราณหลายยุคสมัย
ก็ยังมีบันทึกเกี่ยวกับการใช้อัญมณี ในการเป็นพลังเพื่อเกื้อกูล หรือ หนุนเสริม ความปรารถนาของมนุษย์ได้ด้วย เช่น ดึงดูดทรัพย์สิน ปกป้องคุ้มครอง หรือ แม้กระทั่งการกระตุ้นสติปัญญา และ ญาณทัศน์ด้วย ดังตัวอย่างที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์โบราณ ชื่อ มณิมาลา (मणिमाला Mani mala) บัญญัติโดย เอส.เอ็ม ฐากูร (ค.ศ.1879) เป็นภาษาสันสกฤต ความว่า
“माणिक्यं तरणेः सुजात्यममलं मुक्ताफलं शीतगोः माहेयस्य च विद्रुमं मरकतं सौम्यस्य गारुत्मतम देवेज्यस्य च पुष्पराजमसुराचार्यस्य वज्रं शनेः नीलं निर्मलमन्ययोश्च गदिते गोमेदवैदूर्यके”
หรือ “มาณิกฺยํ ตรเณะ สุชาตฺยมมลํ มุกฺตาผลํ ศีตโคะ มาเหยสฺย จ วิทรุมํ มรกตํ เสามฺยสฺย คารุตฺมตม เทเวชฺยสฺย จ ปุษฺปราชมสุราจารฺยสฺย วชฺรํ ศเนะ นีลํ นิรฺมลมนฺยโยศฺจ คทิเต โคเมทไวทูรฺยเก” ซึ่งแปลความได้ว่า “ทับทิม เพื่อ พระอาทิตย์, ไข่มุก เพื่อ พระจันทร์, ปะการัง เพื่อ พระอังคาร, มรกต เพื่อ พระพุธ, บุษราคัม เพื่อ พระพฤหัสบดี, เพชร เพื่อ พระศุกร์, ไพลิน เพื่อ พระเสาร์, โกเมนเอก เพื่อ พระราหู และ ไพฑูรย์ เพื่อ พระเกตุ”
ซึ่งเมื่อเทียบกับ ความหมายแฝงที่ดาวทั้งเก้าเป็นตัวแทน ก็จะได้ว่า ทับทิม ส่งผลด้าน ฐานะอำนาจ เกียรติยศ, ไข่มุก ส่งผลด้าน เสน่ห์ มนตราเร้นลับ, ปะการัง ส่งผลด้าน ความเข้มแข็ง ความกร้าวร้าว, มรกต ส่งผลด้าน การเจรจา ธุรกิจการค้า, บุษราคัม ส่งผลด้าน วิชาการ การศึกษา, เพชร ส่งผลด้าน ศิลปะ ความลุ่มหลง กามคุณ, โกเมนเอก ส่งผลด้าน อำนาจเร้นลับ โชคลาภ และ ไพฑูรย์ ส่งผลด้าน อารมณ์ความรู้สึก จิตวิญญาณ
ซึ่งต้องบอกว่า พลังแฝงอันเร้นลับของอัญมณีเหล่านี้ ล้วนมาจากการสังเกตเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลายาวนาน ผ่านกาลเวลาหลายยุคหลายสมัย เหตุผลเบื้องหลังส่วนหนึ่ง ยังคงอธิบายได้ด้วย หลักการความถี่พ้อง ที่สอดคล้องกับความถี่ของจักระทั้งเจ็ด เนื่องจากกลไกการทำงานของจักระทั้งเจ็ดนั้น นอกจากจะเป็นศูนย์ควบคุมกลุ่มอวัยวะแล้ว ยังมีผลต่อจิตวิญญาณมนุษย์ในด้านต่างๆ
กล่าวคือ สามารถกระตุ้นให้เกิดพลังในการขวนขวายไขว่คว้า สิ่งที่มนุษย์ปรารถนามาได้ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง รวมไปถึงพลังในการปกป้องคุ้มครอง ด้วยการเชื่อมโยงความถี่ของจักระกับความถี่พ้องที่ตรงกับพลังจักรวาลในระดับละเอียดด้วย
รูปที่ 4-3 แสดงตัวอย่างการจัดเรียงอัญมณีเป็นสร้อยข้อมือ
จากรูปที่ 3A เป็นตัวอย่างการนำอัญมณีหลากหลายชนิด มาร้อยเรียงลำดับกันเข้าเป็นสร้อยข้อมือ เพื่อใช้ในการบำบัด โดยอัญมณีประธานในกรณีนี้คือ clear quartz (ถ้าได้เป็นจุยเจียจะยิ่งมีพลังมาก) ใช้ในการจ่ายพลังให้แก่รัตนชาติอื่น ในสร้อยเดียวกัน โดยถัดไปทางซ้ายจะเป็นชุดหินบำบัด 8 ชนิด ประกอบด้วย ไหมดำ (แก้วขนเหล็ก) ควบคุมเนื้องอก และเซลมะเร็ง, อเมทีส บำบัดโรคเกี่ยวกับสมอง,
ทับทิม บำบัดระบบเลือด, ไหมทอง บำบัดโรคในช่องท้อง, อความารีน บำบัดโรคไต, ฟลูออไรด์ บำบัดโรคเกี่ยวกับกระดูก มาลาไคท์ บำบัดโรคตา และ บลัดสโตน บำบัดหัวใจ ส่วนที่ถัดไปทางขวาจะเป็นชุดกระตุ้นจักระทั้ง 7 ชนิด เพื่อปรับจักระทั้ง 7 ในร่างกาย (ซึ่งควบคุมอวัยวะทั้งหมด) ให้สมดุลย์
จากรูปที่ 3B แสดงรูปแบบการจัดวางตำแหน่งของอัญมณี เพื่อใช้ในการส่งเสริมจุดแข็ง และ บำบัดจุดอ่อน ให้ดวงชะตามีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนการส่งเสริม ประกอบด้วย Yellow tiger ช่วยเสริมญาณทัศน์ในการอ่านผู้คน, Blue tiger ช่วยปกป้องคุ้มครอง, Red tiger ช่วยกระตุ้นชะตาให้มีกำลัง, Iolite ช่วยลดทอนการสูญเสียทรัพย์สิน, Kyanite ช่วยเพิ่มพูนสติปัญญา, Hessonite ช่วยส่งเสริมด้านเงินทอง จากอาชีพการงาน, Amethyst ช่วยทำให้จิตใจสงบ, Lapis lasuli ช่วยเสริมอำนาจบารมี
และ Unikite ช่วยส่งเสริมด้านเงินทอง จากโชคลาภลอย ในส่วนของการบำบัด ประกอบด้วย Black Rutilliated Quartz ช่วยบำบัดมะเร็ง และปกป้องคุณไสย หรือ การคุกคามเร้นลับ, Rutile Quartz ช่วยบำบัดโรคในช่องท้อง, Silver Rutilliated Quartz ช่วยบำบัดโรคประสาท และ คลายเครียด, Blood stone ช่วยบำบัดโรคหัวใจ, Moonstone ช่วยบำบัดโรคเบาหวาน และ Fluorite ช่วยบำบัดเกี่ยวโรคเส้นเอ็น หรือ กระดูก
อนึ่ง ตัวอย่างสร้อยข้างต้น ยังมิได้ผ่านการจัดชุดหิน และรูปแบบให้เหมาะสม ที่สำคัญต้องได้หินรัตนชาติแท้ จึงจะมีพลังตามธรรมชาติ และต้องนำมาทำการชำละล้าง เพื่อขจัดพลังร้ายที่อาจติดมากับหิน และประจุพลังที่ดีเข้าไว้ในเนื้อหิน พร้อมกำกับโองการให้พลังในหิน ทำหน้าที่ตามต้องการ การจัดทำสร้อยหินอัญมณี จึงควรให้เป็นหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะช่วยจัดทำให้
การเลือกหินเอง อาจไม่ได้หินแท้ และอาจได้พลังตกค้างที่ไม่ดีมาด้วย ทำให้เกิดผลเสียต่อการนำไปใช้งานได้ อาทิเช่น เป็นหินที่เคยถูกใช้บำบัดผู้ป่วยอื่นมาก่อน ซึ่งย่อมมีพลังป่วยไข้ติดมากับเนื้อหินด้วยเป็นธรรมดา ก่อนนำมาใช้จึงต้องทำการชำระล้างพลังให้สะอาดหมดจดเสียก่อน แล้วค่อยประจุและกำกับพลังที่เหมาะสม ก่อนนำไปใช้งานต่อไป
(มิติทางเคล็ดอาถรรพ์ ep.1 อัญมณีปรับชะตา)
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
มิติทางเคล็ดอาถรรพ์
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย