Blockdit Logo (Mobile)
ข่าวไฮไลท์ญี่ปุ่น
•
28 มิ.ย. 2023 เวลา 17:47 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ญี่ปุ่น “ฟองสบู่จะกลับมาอีกหรือไม่” เบื้องหลังราคาหุ้นขึ้นสูงสุดหลังฟองสบู่แตก

ญี่ปุ่น “ฟองสบู่จะกลับมาอีกหรือไม่!?” “อ่านทิศทางลม” เบื้องหลังราคาหุ้นที่ขึ้นสูงสุดชั่วขณะหลังฟองสบู่แตก
ภาวะเงินของญี่ปุ่นที่ฝืดเคืองมานาน ปัจจุบัน
ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีนโยบายผ่อนคลายทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ส่งผลให้
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอีก จากที่ค่าเงินลงมาเรื่อยๆ
ตั้งแต่ปี 2541 สร้างความหวังการฟื้นตัวของบริษัทญี่ปุ่น
เวลานี้ รายการสินค้าอุปโภคบริโภคที่ราคาคงเดิม
มาตลอดในประเทศญี่ปุ่น เริ่มไม่เหมือนเดิม มีการปรับขึ้นราคากันมาก นอกเหนือจากราคาพลังงาน เช่น
ราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส ที่ปรับราคาขึ้นตั้งแต่ปี 2565
ในเดือนมิถุนายนนี้ บริษัทการไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ 7 บริษัท
ได้ปรับขึ้นค่าไฟ ถัวเฉลี่ยขึ้นตั้งแต่ 15~40%
จนประชาชนโอดครวญกับภาระค่าไฟฟ้าที้สูงขึ้น
บางครัวเรือนต้องเสียค่าไฟมีทั้งพันบาทและหลัก
หมื่นบาทขึ้นไป
เนื่องจากอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว และร้อนเร็วกว่า
ปีปกติ ฝนตกในฤดูฝนในช่วงก่อนย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ตกในปริมาณน้อยลง อุณหภูมิหลายแห่งทะลุ 30 องศาตั้งแต่ยังไม่พ้นฤดูฝนก่อนเข้าฤดูร้อน ทำให้ชาวญี่ปุ่น
ที่ต้องอยู่กับเครื่องปรับอากาศในฤดูร้อน ยิ่งทำให้
เครื่องปรับอากาศ พัดลม ขายดี มีความต้องการ
เปิดใช้งานมากขึ้น ค่าไฟมากขึ้น บางครอบครัว
ถึงกับซื้อพัดลมใหม่มาคนละเครื่อง เตรียมรับฤดูร้อน หวังใช้แทนเครื่องปรับอากาศ เพื่อลดค่าใช้จ่าย
จากความกังวลจากค่าไฟที่แพงขึ้น
1
ยิ่งปีนี้ นักพยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นพยากรณ์ว่า ญี่ปุ่นจะประสบกับภาวะซุปเปอร์แอลนีโญ่ในฤดูร้อนนี้ ที่อาจเสี่่ยงฝนตกหนักเป็นช่วงๆ และกังวลโรคลมแดด ก็อาจเป็นอีกทางหนึ่งที่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจเครื้องดื่มแช่เย็น
ไอศครีม ผลิตภัณฑ์แช่แข็งขายดี
ราคาสินค้าในเดือนมิถุนายนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลักๆ จะเป็นสินค้าจำพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และประเภทเครื่องปรุงรสต่างๆ ที่ประกาศปรับขึ้นราคา
ถึง 3,575 รายการแล้ว
ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ มีกำหนดจะปรับราคา
ของสินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นอีก 3,485 รายการ
ราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในเมืองหลัก
มีราคาที่สูงขึ้นแล้วจากการฟื้นตัว และสูงขึ้นเรื่อยๆ
แบบฟองสบู่
ทั้งตลาดหุ้น อาคาร ที่ดิน ที่มีการซื้อขายกันมากขึ้น
ทั้งชาวต่างชาติที่เปิดให้เข้ามาซื้อถือครองกันได้ง่ายขึ้น
หากเกินจากราคาพื้นฐานไปมาก ญี่ปุ่นจะประสบกับภาวะฟองสบู่จะกลับมาอีกครั้งในรอบประมาณ 30 ปี
หรือไม่
ภาพ: แนวโน้มราคาเฉลี่ยของตลาดหุ้นนิตเคอิในข่วงปี 2565 จนถึงเดือนมิถุนายน 2566 ล่าสุด
ในขณะที่ความเชื่อมั่นในขีดความสามารถในการแข่งขันของญี่ปุ่น ที่จัดอันดับโดย IMA ประจำปี 2566 ล่าสุด
ลดอันดับลงไปอยู่ในอันดับ 35 ที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์เศรษฐกิจจะกลับมาสดใสเหมือนอดีตหรือไม่
ภาพ: แนวโน้มของตลาดหุ้นนิคเคอิตั้งแต่หลังฟองสบู่แตก จนถึงปัจจุบัน กับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา
เหตุการณ์ภาวะฟองสบู่ของญี่ปุ่น เคยเฟื่องฟูในช่วง
ปี 2523 ที่ราคาหุ้น อาคาร และที่ดิน สูงขึ้น
อย่างกระทันหัน
ณ ขณะนั้น กล่าวกันว่า ราคาที่ดินในรอบวงแหวนของรถไฟฟ้าสายยามาโนเทะ เส้นสีเขียว แพงสูงลิ่วติดอันดับระดับโลก กล่าวขานกันตอนนั้นว่า ราคาในรอบวงแหวนของสายสีเขียวดังกล่าว ซื้อได้ทั้งสหรัฐอเมริกาทั้งแผ่นดินก็ว่าได้ ส่งผลให้ราคาหุ้นถัวเฉลี่ยของตลาดนิคเคอิในสมัยนั้น เคยเด้งขึ้นไปถึง 38,957 เยน จนฟองสบู่แตกเมื่อปี 2534
ราคานิคเคอิ หมายถึง ถัวเฉลี่ยของราคาหุ้นของ 225 บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่น การที่ราคา
นิคเคอิขึ้นสูงขึ้น หมายถึง ราคาหุ้นบริษัทใหญ่ปรับตัว
ขึ้นสูงขึ้น
ปัจจุบัน ส่วนหนึ่งที่สงสัยว่า จะเกิดภาวะฟองสบู่ได้หรือไม่นั้น คือ ราคาทาวเวอร์แมนชั่นระดับไฮเอนท์ โดยเฉพาะห้องมุมบนตึกที่สูงระฟ้า กำลังเป็นที่นิยมของคนมีฐานะ
มีการตั้งราคาไว้สูง ทั้งยังขายดีมากกว่าเดิม
ภาพ: ตึกสูงระฟ้าซุปเปอร์ไฮคลาสขนาด 42 ชั้น ในเมืองนาโกย่า ที่ต้องการเป็น “TOP OF RESIDENCE” ที่น่าภาคภูมิใจระดับโลก ราคาตั้งแต่ 41.58 ล้านเยน เป็น 278.88 ล้านเยน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 36.17㎡～135.45㎡ 1LDK～3LDK ส่งมอบมิถุนายน 2566
เช่นที่เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ตึกที่เห็นทัศนียภาพ
พาโนราม่าที่สวยงามเป็นมุมกว้าง ราคาบนชั้นสูงสุด
มีราคาสูงสุดมากกว่า 400 ล้านเยน (ราคาประมาณ
100 ล้านบาท (ทำสัญญาแล้ว))
ตึกสูงระฟ้าซุปเปอร์ไฮคลาส ขนาด 42 ชั้น เมืองนาโกย่า ต้องการเป็น “TOP OF RESIDENCE” ให้เป็นอีกหนึ่งความน่าภาคภูมิใจระดับโลก มีราคาตั้งแต่ 41.58 ล้านเยน ถึง 278.88 ล้านเยน (100 เยน เท่ากับประมาณ 25 บาท) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 36.17㎡～135.45㎡ 1LDK～3LDK กำหนดส่งมอบมิถุนายน 2566
จากเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองมาก่อน บวกกับเงินเยนที่อ่อนค่าลง (จากเดิม ในปี 2535 อยู่ที่ประมาณ 25 บาทช่วงเงินบาทวิกฤติ เงินเยนเคยปรับขึ้นไปถึงร้อยละ 44 บาท
และในช่วงก่อนโควิด -19 ราคา 100 เยนเท่ากับ ประมาณ 32 บาท ปัจจุบัน ตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 25 บาท) และมีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลงอีก บวกกับดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูก บวกกับการเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามา
ท่องเที่ยว ลงทุน และทำงานกันได้มากขึ้น
เพื่อแก้ปัญหาแรงงานในสังคมญี่ปุ่นที่มีผู้สูงอายุอายุยืนจำนวนมากขึ้นด้วย ตามด้วยอัตราการเกิดกลับต่ำลงปีต่อปีเหลือเพียงปีละประมาณ 770,747 คน หรืออัตราร้อยละ 1.26 ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และน้อยกว่าปีก่อน 5%
ด้วยจำนวนคนวัยทำงานน้อยลง คนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำงานที่เป็นงานประจำ และไม่จำเป็นต้องยึดติดกับการจ้างงานตลอดชีพเหมือนแต่ก่อนที่ต้องทำงานกับองค์กรเดียวจนเกษียณอายุ กลายเป็นวาระวิกฤติที่เร่งให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องรีบกระตุ้นเศรษฐกิจทุกวิถีทางด้วย
จากที่กล่าวข้างต้น กลับเป็นโอกาสที่นักลงทุน และ
ชาวต่างชาติเริ่มเห็นแสงในญี่ปุ่นมากขึ้น ปัจจุบันมีทั้ง
ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ชาวจีนฮ่องกง ชาวจีนไต้หวัน
ชาวตะวันตก และชาวต่างชาติอื่นๆ ที่มีฐานะดีนิยมเข้าไปกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์กันมากขึ้น ตั้งแต่ก่อนหน้าที่ราคายังไม่แพงตั้งแต่ก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับเงินหยวนแล้ว ถือว่า ถูกลงในรอบ 30 ปีโดยประมาณ
ภาพ: ตึกโทราโนมง ฮิลล์เรซซิเดนส์ ย่านโทราโนมง ใจกรุงโตเกียว สูง 52 ชั้น ราคาปล่อยเช่า ￥640,000〜￥1,330,000 สูงเป็นอันดับต้นๆ
แมนชั่นสร้างใหม่ในเขตกรุงโตเกียว 23 เขต
ที่สถาบันวิจัยเศรษฐกิจอสังหาริมทรัพย์สำรวจ พบว่า
ราคาถัวเฉลี่ย ณ เดือนพฤษภาคม 2566 อยู่ที่
114.75 ล้านเยน หรือประมาณ 28.69 ล้านบาทไทย
ราคาขึ้นสูงกว่าเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วประมาณ 48％
ตึกโทราโนมง ฮิลล์เรซซิเดนส์ ย่านโทราโนมง
ใจกรุงโตเกียว สูง 52 ชั้น ราคาปล่อยเช่า 640,000 เยน (ประมาณ 160,000 บาท) ถึง 1,330,000 เยน (ประมาณ 332,500 บาท) สูงเป็นอันดับต้นๆ
ภาพ: กรุงโตเกียว 23 เขต ที่หนาแน่นไปด้วยอสังหาริมทรัพย์ ราคาที่ดินและอาคาร กำลังขยับตัวสูงขึ้น
อีกส่วนหนึ่ง ราคาที่ขึ้นเห็นได้จากราคาหุ้นในตลาด
นิคเคอิที่สูงขึ้น นับตั้งแต่ย่างเข้าเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นมา ราคาเฉลี่ยของตลาดหุ้นนิคเคอิ ณ วันที่ 1 มิถุนายน อยู่ที่ 31,148 เยน ณ วันศุกร์ที่ผ่านมา
วันที่ 23 มิถุนายน ราคาเฉลี่ยของของตลาดหุ้นนิคเคอิ อยู่ที่ 32, 781 บาท และราคาขึ้นสูงสุดถึง 33,772 เยน ชั่วขณะ ณ วันที่ 16 มิถุนายน (ศุกร์)
ภาพ: ราคานิคเคอิฟื้นตัวกลับมาแตะที่ 30,000 เยน วันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ถือเป็นการฟื้นตัวกลับมาอยู่เกณฑ์ในรอบ 32 ปี 9 เดือน
ราคานิคเคอิฟื้นตัวกลับมาแตะที่ 30,000 เยน วันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลายคนที่คาดกันว่า น่าจะแตะ 30,000 เยน ในครึ่ง
ปีหลัง ไม่ใช่ครึ่งปีหน้า ถือเป็นการฟื้นตัวกลับมาอยู่เกณฑ์ในรอบ 32 ปี 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2533 หลังภาวะเศรษฐกิจแบบฟองสบู่ ถือว่า ราคาสูงสุดนับตั้งแต่หลังภาวะฟองสบู่ของญี่ปุ่นแตกลง ประหนึ่งว่า ภาวะฟองสบู่ได้กลับมาเยือนอีกครั้ง ผู้ที่มีหุ้นอยู่แล้ว
ส่วนหนี่งร่ำรวยจากการขายหุ้น ทำให้ผู้ที่มีฐานะดี
มีความมั่งคั่งมากขึ้น
ขณะที่ผู้ที่มีรายได้ปานกลาง ถึง รายได้น้อย ต้องประสบกับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมี
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการท่องเที่ยว การส่งเสริมการมีบุตร การกระจายรายได้ และการขึ้นเงินเดือนก็ตาม แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงนัก และกังวลกันว่า รายได้อาจเฟ้อไม่ทันร่าครองชีพ
ภาพ: คุณปู่วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ ประธานกรรมการและ ซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เยือนญี่ปุ่น ในปี 2554 (Image Credits: Bloomberg | Getty Images)
เหตุที่ราคาหุ้นญี่ปุ่นแพงขึ้น และคึกคักมากและเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์หลานคนคาดการณ์ ส่วนหนึ่งน่าจะมีผลพวงมาจากยาแรงของคุณปู่วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ (Warren Edward Buffett) วัย 93 ปี ชาวสหรัฐอเมริกา นักธุรกิจและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก
ผู้มีทรัพย์สินสาธารณะ 106,544,304,470 ดอลล่าร์สหรัฐ
Image Credits: คุณปู่วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ (Warren Edward Buffett) วัย 93 ปี นักธุรกิจและนักลงทุน และ ประธานกรรมการและ ซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway Inc.) (ภาพ: MarketScreener|Business Leader)
คุณปู่วอร์เรนต์ บัฟเฟตต์ เป็นประธานกรรมการและ
ซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway Inc.) กลุ่มบริษัทโฮลดิ้งของคุณปู่
ผู้เป็นมหาเศรษฐีฉายา “เทพเจ้าแห่งการลงทุน”
คุณปู่เป็นไอเดลนักลงทุนหุ้นคุณค่าของนักลงทุนทั่วโลกจำนวนมาก เป็นนักเลือกหุ้นระดับตำนาน ที่หันมาหลงใหลและสนใจลงทุนซื้อหุ้นของญี่ปุ่นในช่วงระยะหลังนี้ ที่มองว่า ราคาหุ้นในตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังถูกอยู่ บวกกับธุรกิจหลายธุรกิจของญี่ปุ่นเป็นธุรกิจเก่าแก่ มีพื้นฐานที่ดี มีความแข็งแกร่ง ประกอบกิจการหลายอย่างตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
หลังจากที่คุณปู่ประกาศจะซื้อหุ้นบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน ปีนี้ว่า จะซื้อหุ้น 5 บริษัทเทรดดิ้งใหญ่ของญี่ปุ่น ที่รู้จักในชื่อกลุ่ม “โซโก-โชชา” หรือเป็นบริษัทเทรดดิ้งครบวงจร โดยได้ทยอยซื้อหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่ข่วงโควิด-19 ระบาด บวกกับเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและยุโรปไม่มั่นคง จึงได้หันมาเพิ่มสัดส่วน จากหุ้นบริษัท
เทรดดิ้งทั้ง 5 แห่งที่เลือก บริษัทละ 5% โดยจะซื้อทั้งหมดไม่เกิน 9.9 %ในแต่ละบริษัท
โดยคุณปู่ซื้อผ่านบริษัทในเครือของบริษัทเบิร์กเชียร์
ฮาธาเวย์ อย่าง National Indemnity Company ที่เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมด คาดว่า จะมีมูลค่ามากถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตาราง: มูลค่าของกลุ่มบริษัทเทรดดิ้งครบวงจรก่อนการลงทุนของคุณปู่วอร์เรนต์ บัฟเฟตต์ ประธานกรรมการและ ซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway Inc.) (Image Credits: Bloomberg)
โดยหุ้นที่ซื้อมีเกณฑ์การเลือก คือ
- เป็นบริษัทใหญ่ ที่มีประวัติตั้งมานาน
พื้นฐานดี ประกอบธุรกิจมาเป็นร้อยปี
มีกระแสเงินสดดี เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
- มีปันผลดี และมีแนวโน้มจะได้รับปันผลสูง
- ชนะหรือแกร่งต่อเงินเฟ้อ
- ราคายังถูก PE อาจจะต่ำกว่า 10
- เป็นธุรกิจที่ถือต่อได้แม้อีก 10 ปีก็ยังอยู่
หุ้นกลุ่มบริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ ที่คุณปู่เลือกลงทุน
มี 5 บริษัทต่อไปนี้
โลโก้บริษัท Mitsubishi Corporation
1. Mitsubishi Corporation
เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เก่าแก่
ประกอบธุรกิจยานยนต์ ก๊าซธรรมชาติ วัสดุ
อุตสาหกรรม ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ เหมืองแร่
โลโก้ Mitsui & Co., Ltd.
2. Mitsui & Co., Ltd.
เป็นบริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่เก่าแก่
ประกอบธุรกิจทั่วโลก
นำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็ก
ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงการสำรวจ พัฒนา
ผลิตน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจี
ภาพ: โลโก้ ITOCHU Corporation
3. ITOCHU Corporation
อายุกว่า 150 ปี มีธุรกิจทั่วโลก
นำเข้า-ส่งออก ธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม
บริการด้านวิศวกรรม งานก่อสร้าง เหมืองแร่
บริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ถือหุ้น 7.4%
ภาพ: โลโก้บริษัท Marubeni Corp.
4. Marubeni Corporation
เป็นบริษัทเก่าแก่ มีธุรกิจทั่วโลก
ซื้อขายธัญพืช ส่วนผสมอาหารสัตว์ อาหารผสม
อาหารปกติ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและ
ประมง เนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์แปรรูป และ
บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วย
ภาพ: โลโก้บริษัท . Sumitomo Corp.
5. Sumitomo Corporation
เป็นบริษัทใหญ่ที่ประกอบธุรกิจหลายอย่างทั่วโลก
ผลิตภัณฑ์โลหะ ธุรกิจขนส่งและก่อสร้าง
โครงสร้างพื้นฐาน สื่อดิจิทัล อสังหาริมทรัพย์
เหมืองแร่ พลังงาน และอิเล็กทรอนิกส์
ภาพ: วันที่ 19 มิถุนายน (จันทร์) ที่คุณปู่บัฟเฟ่ต์ได้ประกาศว่าจะซื้อหุ้นบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่นเพิ่มอีก บริษัท ละ 5% ในนาม National Indemnity Company บริษัทย่อยของคุณปู่
โดยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน (จันทร์) ที่ผ่านมา
คุณปู่บัฟเฟ่ต์ได้ประกาศว่าจะซื้อหุ้นบริษัทของญี่ปุ่นเพิ่มอีกเพื่อถือระยะยาว ก็ยิ่งส่งผลให้หุ้นบริษัทเทรดดิ้งต่างๆ ราคาขยับตัวสูงขึ้น ทำให้มูลค่ารวมของหุ้นของ
บริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway Inc.)ที่ถืออยู่ในประเทศญี่ปุ่นมีมากรองจากสหรัฐอเมริกา
หลังจากที่มีกระแสข่าวดังไปทั่วทั้งในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ราคาหุ้นของบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่นก็ขยับตัวขึ้นสูงอีก มีผู้เข้าซื้อหุ้นของบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น
นายสึโยชิ ฮาจิมูระ รองประธานบริหาร ซีเอฟโอ
บริษัทอิโตชู เทรดดิ้ง แถลงว่า คุณปู่บัฟเฟต์พอใจ
ที่ตนลงทุนในบริษัทเทรดดิ้งครบวงจร จึงเป็นเรื่อง
น่ายินดียิ่ง ที่คุณปู่วางญี่ปุ่นให้เป็นประเทศสำคัญ
รองจากสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นขึ้น ยังมีอีกปัจจัยหนี่ง คือ มาจากการที่บริษัทซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งเป็นการป้องกันการซื้อกิจการจากบริษัทคู่แข่งด้วย
ศูนย์สำรวจโตเกียวภาคโตไค เกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว(TOKYO STOCK EXCHANGE) พบว่า ในเดือนพฤษภาคม
เดือนเดียว มีมูลค่าการซื้อมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ในรอบ 33 ปี หลังภาวะฟองสบู่ โดยมีมูลค่ามากกว่า 3.2 ล้านล้านเยนขึ้นไป
ศาสตราจารย์ ดร. จุนอิจิ ชุกุวะ นักวิเคราะห์
ด้านเศรษฐศาสตร์ จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย
เทเคียว ประเทศญี่ปุ่น มองว่า น่าจะต้องมีปัจจัยสาเหตุนอกเหนือจากการซื้อหุ้นคืน
ส่วนหนึ่งคือ มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนถือครองหุ้นญี่ปุ่นอยู่มากกว่า 30 เปอร์เซนต์ซึ่งซื้อแบบพาสซีพ มีผลต่อราคาหุ้นอย่างมาก อันป็นเพราะการเงินด้านยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาไม่มั่นคงปลอดภัย เท่ากับกลุ่มบริษัทเทรดดิ้งครบวงจรที่ยังแข็งแกร่งและราคาที่เหมาะสมยังถูกอยู่ และปันผลดีของญี่ปุ่น
ซึ่งมีผลสะท้อนจากการบริหารจัดการของสถาบัน-
การเงินในยุโรป เช่นการล้มละลาย การปิดฉากลงของธนาคารเครดิต สวิส(Credit Suisse) ในสวิสเซอร์แลนด์ ปิดตำนาน 167 ปี จนธนาคารยูบีเอส (UBS) ธนาคารใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ต้องเข้าซื้อกิจการหลังบรรลุ “การช่วยเหลือฉุกเฉิน”
Credit Images: https://en.m.wikipedia.org/wiki/Silicon_Valley_Bank
สถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา เช่น ธนาคารซิลิคอน วัลเล่ย์(Silicon Valley Bank (SVB)) ธนาคารที่เก็บ
เงินทุน ร่วมทุน และลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพต่าง ๆ (Venture Capital (VC)) ระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาสั่งปิดกิจการ หลังขาดสภาพคล่องอย่างปัจจุบันทันด่วนอย่างรุนแรง จากที่มีผู้คนเข้าแถวฝากเงินถอนเงินจำนวนมากพร้อมๆ กัน ที่เรียกว่า “แบงค์รัน”จากการสูญเสียความเขื่อมั่น ในฐานะการเงินหลังรายงานขาดทุน 1,800 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัญหามากกว่าปัญหาหนี้เสีย
จนรัฐบาลโจ ไบเดนและธนาคารกลางของสหรัฐฯ (FED) ต้องเร่งหามาตรการคุ้มครองเงินฝากอย่างเร่งด่วน
เมื่อคืนวันที่ 12 มีนาคม 2023 (อาทิตย์)
ภาพ: ธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) ล้มละลายเมื่อเดือนมีนาคม
ธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) ที่ล้มละลาย
เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้บริษัทคริปโตเคอร์เรนซี รัฐบาลยืนยันให้ความคุ้มครองเงินฝากของลูกค้า
ภาพ: ธนาคารเฟิร์ส รีพลับบลิ (First Republic Bank รร(FRB)) ล้มละลายในเดือนพฤกษคม 2566
ธนาคารเฟิร์ส รีพลับบลิ (First Republic Bank (FRB)) กิจการธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ที่เป็นธนาคารระดับภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 14 ของสหรัฐอเมริกา ที่ล้มละลายในเดือนพฤษภาคม 2566 แต่หยุดการแห่ถอนเงินออกจากธนาคารของลูกค้าได้ หลังจากที่มีธนาคารขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งก้าวเข้ามาช่วย ด้วยการฝากเงินจำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเงินฝากที่ไม่มีหลักประกัน
ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติหาตลาดลงทุนที่ปลอดภัยกว่าอย่างหุ้นญี่ปุ่น เหมือนเข่นคุณปู่ ทำให้หุ้นญี่ปุ่นมีราคาแตะสูงสุดชั่วขณะระหว่างเวลาซื้อขายในตลาด
หลักทรัพย์ นับตั้งแต่หลังเศรษฐกิจแบบฟองสบู่ และทำให้หุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นสูงต่อเนื่องหลายวัน
ผู้ลงทุนรายย่อยกล่าวว่า ราคาหุ้นที่สูงขึ้นเดือนต่อเดือนอยู่แล้ว ในเดือนนี้ กลับสูงมากขึ้นกว่าเดิมอีกมากจน
น่าตกใจซึ่งราคาหุ้นญี่ปุ่นได้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2556 และได้ร่วงลงไปในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด แต่ได้ปรับขึ้นสูงกว่าเดิม
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และการกีฬา ชี้ว่า ค่าจ้างแรงงานขึ้นตามไม่ทันค่าครองชีพที่สูงขึ้น
สร้างความกดดันให้กับประชาชน
ขณะที่ประชาชนบางคนให้สัมภาษณ์ว่า บางคนอาจจะเศรษฐกิจดี แต่คนที่ไม่ได้ดีตามน่าจะมีมากกว่า บางคนก็มองว่า สมัยฟองสบู่นั้น ญี่ปุ่นยังมีศักยภาพการแข่งขันที่แข็งแกร่งกว่า ยังมีการขึ้นเงินเดือนด้วย ยังมีความรู้สึกชื่นชอบกับฟองสบู่ที่เกิดขึ้น แต่ปัจจุบัน เงินเดือนยังไม่ขึ้น หรือยังปรับขึ้นไม่เพียงพอต่อการครองชีพ
มีแต่ค่าครองชีพที่สูงขึ้น
จากสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ราคาหุ้นทีสูงขึ้น
อาจเป็นผลดีกับคนบางส่วนที่มั่งคั่ง แต่ผู้ทีมีรายได้ที่
น้อยกว่า 3 ล้านเยนต่อปี ในปี 2565 (กรมสรรพากร ประกาศเมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว) กลับต้องแบกภาระค่าครองชีพสูงขึ้น 36.2 บ่งบอกถึงช่องว่าระหว่างผู้มีฐานะมั่งคั่ง กับ ฐานะระดับล่าง ทำให้ธุรกิจสัมมนาเรื่องการลงทุน มีผู้สนใจมาเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มขึ้นจากเดิม 60%
นอกเหนือจากนี้ จากประกาศของ IMD สถาบันจัดอันดับประจำปีที่เป็นที่เชื่อถือของทั่วโลกพบว่า ในการจัดอันดับขีดความสามารถระดับโลกทั้งหมด 64 ประเทศ พบว่า ญี่ปุ่นตกลงไปอยู่ในอันดับต่ำสุด ถึงอันดับที่ 35 ถือว่าอยู่ในอันดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ที่เคยได้รับการจัดอันดับมาบ่งบอกถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ฝืดเคือง และถดถอยเรื่อยมา จึงยังไม่สามารถจะบอกได้ว่า พบแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว
จากราคาหุ้นที่สูงขึ้นปัจจุบัน ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจจริง หากเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับช่วง
ฟองสบู่ของญี่ปุ่นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เศรษฐกิจภาวะฟองสบู่ในช่วงปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ.1990) ผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นจังมีศักยภาพการแข่งขันที่สูงอย่างยิ่งและได้กำไรดังกล่าว แล้วนำเงินที่ได้ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจทั่วประเทศญี่ปุ่นเกิดภาวะฟองสบู่
แต่ในสำหรับครั้งนี้นั้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ผู้ที่มีหุ้นต่างๆ มีความมั่งคั่งมากขึ้น แต่คนที่ไม่มีหุ้นก็จะยากจนลง เกิดช่องว่างระหว่างคนรวย กับคนชั้นกลาง และชั้นล่างมากขึ้น กลายเป็นตัวกำหนดชนชั้นฐานะขึ้นซึ่งไม่ดีกับสังคม
ขณะที่รัฐบาลในระบบทุนนิยมแบบใหม่จำเป็นต้องหามาตรการที่ได้ผลทุกวิถีทาง เพื่อพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นจากความเสี่ยงใดๆ ที่จะเกิดกับญี่ปุ่น
สำหรับตลาดหุ้นของญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า การเงินของ
ยาฮูคาดว่า จะแกว่งระหว่าง 33,400 เยน ถึง 32,000 เยน ปัจจัยที่หุ้นญี่ปุ่นมีราคาขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ จึงมีสาเหตุมาจากหลายอย่าง
เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากโรคระบาดของโควิด -19 เงินเยนที่ถูกลงมาก นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น สัดส่วนการซื้อสินค้าแบรนด์เนมมีมากขึ้น ซื้อรถใหม่กันมากขึ้น สินค้าขึ้นราคา ราคาที่ดิน บ้าน หุ้น ราคาสูงขึ้น
ภาพ: เงินเยนอ่อนค่าลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2541
ทำให้เงินสดไหลเวียนคล่องขึ้น บวกกับรัฐบาลสนับสนุนเงินเยนอ่อนค่า เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์แล้ว สามารถนำเงินมาใช้จ่ายในญี่ปุ่นได้มากขึ้น รัฐบาลเน้นกระจายรายได้ให้ประชาชนทั่วประเทศ สนับสนุนการขึ้นเงินเดือนให้พนักงานมากขึ้นจากที่หยุดชะงักการขึ้นเงินเดือนมา 30 ปีหลังฟองสบู่แตก นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ตลาดหุ้นมีโอกาสกลับมาแตะ 40,000 เยนได้ในปีหน้า
เมื่อราคาในตลาดหุ้นสูงขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น แต่มูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์สูงขึ้น บริษัทระดมเงินลงทุนได้ง่ายขึ้น ส่งเสริมการลงทุน ซื้อเครื่องจักร เพื่อเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิตให้แข็งแกร่ง
รองรับตามอุปสงค์ที่ต้องการได้เต็มที่มากขึ้น เพิ่มผลกำไร เป็นรายได้ตอบแทนเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานได้มากขึ้น มีเงินบำรุงกองทุนบำนาญมากขึ้น มีเงินสด
นำมาจับจ่ายซื้อของอุปโภคบริโภคได้มากขึ้น
เศรษฐกิจคล่องตัวสูง เป้นวัฏจักรเชื่อมโยงเกื้อหนุนให้ปัจจัยต่างๆ ดีขึ้นตามมา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่รัฐบาล
ญี่ปุ่นพยายามทุกวิถีทางที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญก้าวไปข้างหน้า ณ ปัจจุบัน แต่การลงทุนต่างๆ ย่อมมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนต้องศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน
ว่าจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส หรือเป็นความเสี่ยงที่จะนำไปสู่วิกฤติ
แต่เศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนตอนภาวะฟองสบู่เมื่อ 33 ปีที่แล้วหรือไม่นั้น ยังไม่ชัดเจนนัก ขึ้นอยู่กับนโยบายการแก้ปัญหาสังคมและการกระต้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ต้องติดตามต่อไป
หากท่านชอบคอนเทนท์นี้
อย่าลืม กด “ไลค์”
หากท่านเห็นว่าคอนเทนท์นี้ มีประโยชน์
อย่าลืม กด “แชร์”
หากท่านมีข้อเสนอแนะหรือเพิ่มเติมความคิดเห็น
อย่าลืม ส่ง “คอมเมนท์” ด้วยจักขอบคุณยิ่ง
อย่าลืม… ติดตามสาระดีๆ ในตอนต่อไป ได้ที่
https://www.blockdit.com/japanhilightnews
โฆษณา