Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
HistroTalk
•
ติดตาม
27 มิ.ย. 2023 เวลา 07:36 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตโล้ดโผนของสุนทรภู่
บทความนี้เขียนหลังวันเกิดท่านสุนทรภู่ ๑ วัน
ชื่อเดิมของสุนทรภู่คือ “ภู่” เกิดวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ หลังสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ได้ ๔ ปี ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ พ่อแม่ไม่ปรากฏชื่อ รู้แค่ว่าพ่อเป็นของเมืองแกลง จังหวัดระยอง ส่วนแม่เป็นชาวเมืองใดไม่ทราบได้ ทั้งคู่มาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากนั้นก็ได้เลิกรากันไป พ่อไปบวช ส่วนแม่ได้สามีใหม่แล้วมีลูกสาวกับสามีใหม่ ๒ คน
แม่ของสุนทรภู่มีโอกาสได้ไปเป็นแม่นมพระธิดาองค์หนึ่งในพระราชวังหลัง สุนทรภู่จึงได้ติดสอยห้อยตามแม่เข้ามาอยู่ที่วังหลังกับมารดาตั้งแต่เด็กๆและได้ถวายตัวเป็นข้าในวังตั้งแต่ยังเด็ก
สุนทรภู่มีโอกาสได้เล่าเรียนในสำนักวัดชีปะขาว(วันศรีสุดาราม) และได้ทำงานเป็นเสมียนสังกัดกรมพระคลังสวน อุปสินัยของสุนทรภู่เป็นคนที่ไม่ชอบทำงานอะไรเลยนอกจากแต่งบทกลอน เขาฉายแววการเป็นกวีเอกของสยามตั้งๆยังหนุ่มๆและมักแต่งกลอนจีบสาวอยู่เนืองๆ ด้วยพฤติกรรมนี้เองทำให้ครั้งหนึ่งเขาได้แต่งกลอนจีบสาวในวังชื่อจัน และลักลอบได้เสียกัน ทั้งคู่ถูกตัดสินจำคุก
เมื่อพ้นโทษออกมาสุนทรภู่ก็ได้ออกเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง และได้แต่ง “นิราศเมืองแกลง” อันเลืองชื่อในการเดินทางนี้ สมัยก่อนการเดินทางยังไม่สะดวกสบายเท่ากับปัจจุบัน การเดินทางข้ามจังหวัดใช้เวลานานมาก สุนทรภู่ใช้เวลานี้ในการแต่งกลอนรีวิวสิ่งที่เห็นระหว่างทาง สุนทรภู่แต่งนิราศเมืองแกลงประมาณอายุได้ ๒๑ ปี ในการเดินทางนี้มีลูกศิษย์ติดตามไปด้วย ๒ คน ทำให้รู้ว่าสุนทรภู่ในเวลานี้เริ่มมีชื่อเสียงมีลูกศิษย์ติดสอยห้อยตามแล้ว
เมื่อกลับจากเมืองแกลงก็ได้งานเป็นมหาดเล็กและได้นางจันที่เคยเป็นคดีกันก่อนหน้านี้มาเป็นเมียและได้มีลูกชายกับนางจัน พฤติกรรมขี้เมาของสุนทรภู่เริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงนี้ ว่ากันว่ายิ่งดื่มเหล้ากรึ่มๆยิ่งแต่งกลอนได้สละสลวย เหล้าเข้าปากแล้วแต่งกลอนได้ลื่นเสียจนเสมียนจนตามไม่ทัน
หลังจากนั้นสุนทรภู่ได้งานเป็นอาลักษณ์ มีเรื่องเล่าว่าสมัยนั้น ร.๑ กำลังทรงติดขัดในการพระนิพนธ์ละครเรื่องรามเกียรติ์ พระองค์ทรงขอคำปรึกษาจากเหล่าข้าราชการในพระองค์ก็ไม่มีใครช่วยพระองค์แต่งบทละครต่อได้ แต่สุนทรภู่กลับสามารถแต่งบทละครต่อได้จนพระองค์พอพระทัย จากเหตุการณ์นี้สุนทรภู่จึงได้ตำแหน่งเป็น “ขุนสุนทรโวหาร” พระราชทานที่ให้ปลูกบ้านอยู่ที่ท่าช้าง และทรงให้เข้าเฝ้าอยู่บ่อยๆ
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๒ แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตแล้วสุนทรภู่ก็ยังเป็นคนขี้เมา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เมาไปหาแม่แล้วโดนแม่ด่า สุนทรภู่ด่าแม่คืน แม่ก็ไปทูลเกล้าฯถวายฎีกาจนสุนทรภู่ถูกจับขังคุกรอบที่ ๒ ขณะที่ติดคุกนี้เองที่สุนทรภู่เริ่มแต่งพระอภัยมณีกะไว้ขายเลี้ยงชีพเมื่อพ้นโทษ ไม่มีข้อมูลว่าสุนทรภู่ติดคุกครั้งที่ ๒ นานแค่ไหน แต่ว่ากันว่าเมื่อสุนทรภู่ติดคุกไปก็ไม่มีใครเป็นที่ปรึกษาด้านการแต่งบทกลอนให้พระพุทธเลิศหล้าฯได้ดีเท่า จึงมีรับสั่งให้ปล่อยตัวสุนทรภู่และกลับมารับราชการดังเดิม
สมัยที่พระพุทธเลิศหล้าฯกำลังทรงพระนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา พระองค์ทรงมอบหมายให้สุนทรภู่ตรวจดูคำและภาษาที่พระองค์แต่งซึ่งสุนทรภู่ก็กราบทูลว่าทรงแต่งดีแล้ว พระองค์จึงทรงนำบทละครนี้ไปแสดงให้กับบรรดาขุนนางคนอื่นๆได้อ่าน แต่สุนทรภู่กลับพึ่งมาทักท้วงว่าที่พระองค์แต่งยังไม่ดีต่อหน้าคนอื่นๆ ควรแก้ไข เรื่องนี้ทำให้พระพุทธเลิศหล้าไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก การกระทำของสุนทรภู่เหมือนเป็นการหักพระพักตร์ของพระองค์
ระหว่างที่รับราชการในสมัย ร.๒ สุนทรภู่กับนางจันมีลูกชายอีก ๒ คน แต่หลังจากนั้นก็เลิกกัน นางนิ่มก็ไปได้สามีใหม่ สุนทรภู่ไม่น้อยหน้าได้เมียใหม่ชื่อนิ่มและก็มีลูกด้วยกัน ๑ คน แต่หลังจากนางนิ่มคลอดลูกได้ไม่นานก็ตาย บทกลอนของสุนทรภู่อ้างว่าสุนทรภู่ยังมีเมียๆกิ๊กๆอยู่อีกหลายคนแต่ก็อยู่กันไม่ยืดยาวสักคนเดียว มักผิดหวังกับเรื่องความรักอยู่บ่อยๆ
พอถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใดแต่สุนทรภู่มีเรื่องไม่ลงรอยกับรัชกาลที่ ๓ ถูกถอดยศจากขุนสุนทรโวหาร คนจึงเรียกกันว่า “สุนทรภู่” ตั้งแต่ตอนนั้น พ.ศ.๒๓๖๘ เวลานั้นอายุได้ ๔๑ ปี สุนทรภู่ก็ออกบวช ว่ากันว่าที่สุนทรภู่บวชก็เพราะเกรงกลัวพระอาญา ชีวิตของสุนทรภู่ก็ตกต่ำลงเรื่อยๆจากจุดนี้
สุนทรภู่ออกบวชอยู่ ๑๘ ปี วัดแรกที่บวชคือวัดราชบูรณะ อยู่ได้ ๓ พรรษาก็มีเรื่องอื้อฉาวว่าสุนทรภู่แอบเสพสุราจึงถูกขับไล่ออกจากวัดไป หลังจากถูกไล่ออกจากวัด พ.ศ.๒๓๗๓ จึงมีโอกาสได้เดินทางไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองและแต่งนิราศภูเขาทอง จากนั้นก็ย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯแล้วมาอยู่ที่วัดอรุณฯ อยู่ได้ไม่นานก็ย้ายไปอยู่วัดเทพธิดา และวัดเชตุพน นอกจากนั้นยังได้ไปอยู่ที่วัดมหาธาตุในพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย
หลังจากสึกออกมาสุนทรภู่ก็กลายเป็นกวีไส้แห้ง ไม่มีแม้แต่บ้านช่องจะอยู่ ไม่มีใครอยากอุปการะเขาอีกต่อไป ต้องมาอาศัยอยู่ในเรือเที่ยวจอดอยู่ตามสวน หาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างแต่งกลอนและทำการค้านิดๆหน่อยๆ จากนั้นไม่นานก็ได้เมียใหม่ชื่อว่าม่วง
ไม่แน่ใจว่าสุนทรภู่ต้องตกอับอยู่นานแค่ไหน แต่แล้วก็มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับสุนทรภู่ ด้วยพระปิ่นเกล้าฯโปรดให้เขากลับไปอยู่ในวังดังเดิม และต่อมากรมหมื่นอุปสรสุดาเทพก็ทรงพระเมตตาเขาอีก ว่ากันว่าเพราะพระองค์ได้อ่านหนังสือเรื่องพระอภัยมณีแล้วชอบพระหฤทัย ถึงขนาดรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งพระอภัยมณีต่อไปอีก อย่าพึ่งรีบจบที่เล่มที่ ๕๐ สุดท้ายเรื่องพระอภัยมณีก็ไปจบเอาที่ที่เล่ม ๙๔
ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ ทรงแต่งตั้งให้สุนทรภู่ได้ยศ “พระสุนทรโวหาร” ยศเดิมสมัยตอนรัชกาลที่ ๒ ขณะนั้นสุนทรภู่ก็อายุอานามล่วงเลยไปได้ ๖๖ ปีแล้ว สุนทรภู่รับราชการอยู่ต่ออีกเพียง ๕ ปีก็ถึงแก่กรรมใน พ.ศ.๒๓๙๘ มีอายุได้ ๗๐ ปี ว่ากันว่าลูกหลานที่สืบสายเลือดของสุนทรภู่ปัจจุบันใช้นามสกุล “ภู่เรือหงษ์”
หนังสือและบทกลอนที่สุนทรภู่แต่งไว้นั้นมีมาก รู้ชื่อหนังสือแต่ปัจจุบันหาไม่เจอก็มี แต่เฉพาะที่ค้นพบในปัจจุบัน มี ๒๔ เรื่อง คือ นิราศ ๙ เรื่อง นิทาน ๕ เรื่อง สุภาษิต ๓ เรื่อง บทละคร ๑ เรื่อง บทเสภา ๒ เรื่อง และบทเห่กล่อม ๔ เรื่อง หากจัดอันดับว่างานไหนคืองานที่ดีที่สุดคงเห็นว่าจะเป็นเรื่องพระอภัยมณีนั่นเอง ส่วนที่ว่าแย่ที่สุดเขาว่ากันว่าเป็นบทละครเรื่องอภัยณุรา
สุนทรภู่ถือเป็นกวีเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสยาม พ.ศ.๒๕๒๙ องค์การยูเนสโกยกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านวรรณกรรม งานของสุนทรภู่ถูกบรรจุอยู่ในแบบเรียนของกระทรวงศึกษาฯ คนไทยทุกคนต้องเคยได้อ่านได้ศึกษางานของเขา เป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพจ HistroTalk ขอสดุดีท่านสุนทรภู่ด้วยความเคารพยิ่งเนื่องในวันคล้ายวันเกิดมา ณ โอกาสนี้ครับ
เรียนรู้อดีต เพื่อเข้าใจปัจจุบัน
HistroTalk
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย