27 มิ.ย. 2023 เวลา 08:20 • ประวัติศาสตร์

ผัวเดียว-เมียเดียว ถูกต้องแล้วหรือ ?

สมมุติว่าการกินเนื้อสัตว์เลี้ยง เช่น เนื้อสุนัขหรือเนื้อแมวเป็นที่นิยมในมิติคู่ขนาน (โลกสมมุติ) คุณรู้สึกรังเกียจพวกเขาเหล่านั้นหรือไม่ ในขณะที่พวกเขาเลี้ยงแกะเลี้ยงวัวเป็นสัตว์เลี้ยง แต่โลกของเรากลับกินพวกมันเป็นอาหาร นั่นล่ะครับที่ตัวผู้เขียนอยากจะสื่อถึงค่านิยม "ผัวเดียว-เมียเดียว" (Monogamy) มันเริ่มต้นเป็นความถูกต้องในสังคมเราตั้งแต่ตอนไหน แล้วมันถูกต้องจริงหรือไม่ เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านค่อยๆถอยหลังไปสู่ความจริงอันน่าพิศวงนี่ร่วมกัน
ก่อนเดินทางกรุณาอ่านคู่มือต่อไปนี้เพื่อปกป้องตนเองจากความคิดและเคมีในสมองที่จะนำไปสู่การ "อคติ", "ด่วนสรุป" หรือความทุกข์ขุ่นมัวใดๆที่จะทำให้ท่านเกิดรอยย่นบนใบหน้าจนหมดสวยหมดหล่อ
1.กรุณาอ่านให้จบก่อนจึงค่อยสรุป
2.อย่าว่าแต่วิจารณญาณเลย ท่านต้องใช้ทุกอย่างที่มีในการอ่านบทความนี้ อันเนื่องมาจากการเกี่ยวโยงกับเรื่องละเอียดอ่อน
3.มีสติอยู่ตลอดเวลา
4.Monogamy = ผัวเดียวเมียเดียว Polygamy = ผัวเดียวหลายเมีย และ
Polyandry = เมียเดียวหลายผัว
เมื่อพร้อมแล้วออกเดินทางกันเลยครับ
ปัจจุบันมนุษย์มีการจดทะเบียนสมรส-หย่า และ การรับรองบุตรเพื่อให้ง่ายด้านกฏหมาย เพื่อชัดเจนในความเป็นผัวเมีย หรือ พ่อแม่ลูก เป็นการสนับสนุนค่านิยมผัวเดียว-เมียเดียวอย่างชัดเจน ซ้ำยังมีกฏหมายแพ่งที่ใช้ฟ้องร้องบุคคลใดก็ตามที่อยู่นอกเหนือจากใบทะเบียนสมรส แต่มีพฤติกรรมชู้สาวกับคู่ของเรา (ชู้) ให้จำคุกและปรับฐานทำให้เสียชื่อเสียง เสียใจ อาจจะรวมถึงเสียหน้าด้วย
แต่ครับแต่ ย้อนกลับไปสมัยก่อน ร่มเกล้า รัชกาลที่ 4 สยามเรามีค่านิยม ผัวเดียว-หลายเมีย (Polygamy) ยิ่งชายใดมีเมียมาก แสดงถึงความภูมิฐาน สง่า มีอันจะกิน จำนวนของภรรยาแสดงถึงความสูงศักดิ์ของชายคนนั้น
จำนวนเจ้าจอมในรัชกาลที่ 4 นั้น จะเปรียบก็เหมือนดาวในท้องฟ้า
เสนีย์ ปราโมช [1]
(ค.ศ. 1837-1901) การมาถึงของประเทศล่าอานานิคมผู้เรืองอำนาจอย่างอังกฤษ ตอนนั้น ร่มเกล้า ร.4 ถูกตำหนิด้วยจดหมายเหตุที่เขียนโดย แดน บีช แบรดลีย์
มิชชันนารีผู้มาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ให้กับสยาม อันที่จริง แบรดลีย์เป็นนายแพทย์ด้วย คนสยามสมัยนั้นนิยมเรียกเขาว่า "หมอแบรดลีย์" ข้อความในจดหมายเขียนทำนองว่า การมีหลายเมีย เปรียบเหมือนเลี้ยงแวมไพร์ (ผีดูดเลือดตามความเชื่อของอังกฤษ) คอยดูดเลือดดูดเนื้อให้อ่อนกำลัง และอยากให้ร่มเกล้า ร.4 ยกเลิกระบอบนี้เสีย
การที่มีพระสนมหลายสิบหลายร้อยคนนั้น
เป็นการทับถมเมืองสยามเหมือนต้นหญ้าขึ้นทับต้นข้าวในนา
ต้นข้าวไม่งอกงามบริบูรณ์ได้
แดน บีช แบรดลีย์ [2]
อังกฤษผู้เรืองอำนาจไม่ได้เข้าปกครองประเทศเราโดยตรง แต่ก็กดขี่เราไม่ต่างจากประเทศใต้อานานิคม หรือจะเรียกว่า "กึ่งอานานิคม" ก็ได้ เพราะเราถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญาเบาว์ลิง จากนั้นความอิสระก็หายไปจากสยาม พวกเขาใช้ความเชื่อทางศาสนาเป็นเครื่องมือในการยืดเวลายึดครอง โดยอ้างว่า สยามนั้นยังไม่ "ศิวิไลซ์" เท่าพวกเขา จนกว่าจะยกเลิกค่านิยมผัวเดียวหลายเมียได้ เมื่อนั้นจึงจะคืนอิสระให้ กว่าจะปรับเปลี่ยนค่านิยมนี้ได้ สยามใช้เวลานานโข ทั้งๆที่ประเทศอังกฤษเอง ณ เวลานั้น ลอนดอนก็เต็มไปด้วยโสเภณีเช่นกัน
อังกฤษรู้อยู่แล้วครับว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนค่านิยมนี้ (ได้รับการพิสูจน์ด้วยประเทศของพวกเขาเอง) พวกเขาจึงนำใช้เป็นเหตุผลอ้างสิทธิ์ยืดเวลายึดครองพวกเรา เอาเป็นว่า"ค่านิยม"นี้พัฒนามาเป็น"บรรทัดฐานใหม่"ของไทยในปัจจุบันครับ (สรุป เรารับค่านิยมนี้มาจากอังกฤษ)
แล้วศาสนาคริสต์สนับสนุนระบบผัวเดียวเมียเดียวจริงหรือไม่ คำตอบคือ จริงครับ! แต่ก็มีกล่าวถึงระบบผัวเดียวหลายเมียด้วยเช่นกัน! โดยระบบความสัมพันธ์เหล่านี้มีเหตุผลของมันเอง เช่น การขาดแคลนประชากรชายอันเนื่อมาจากสภาวะสงคราม ทำให้เกิดระบบเมียเดียวหลายผัวเพื่อเพิ่มประชากร, สภาวะความอดอยากที่ผัวเดียวเมียเดียวเพื่อลดอัตราการเกิดและการแย่งทรัพยากรกันเอง หรือ อัตราส่วนระหว่างชายกับหญิงที่ไม่สมดุลกันทำให้เกิดวัฒนธรรมหลายผัวหลายเมียในครอบครัวเดียวกันได้ในบางประเทศ
ในเมื่อศาสนาเป็นเครื่องมือที่ส่งผลกับค่านิยมนี้อย่างมาก แล้วยุคที่ไม่มีศาสนาล่ะ มนุษย์เราผัวเดียวเมียเดียวหรือไม่
ถอยหลังกลับไปอีกราว 40,000 ปีที่แล้ว หลักฐานกระดูกมากมายของเหล่าโฮโมเซเปียนส์มักถูกขุดค้นพบว่าอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นสังคม เราสามารถแยกอายุและเพศของพวกเขาได้จากลักษณะกระดูก ทำให้รู้ว่า กระดูกไหนคือแม่ กระดูกไหนคือลูก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเพศผู้และเพศเมียเต็มวัยนั้นกลับคลุมเครือ
นักมานุษยวิทยาวิเคราะห์ความสัมพันธ์เหล่านี้โดยคำนึงจากสรีระต่างๆแทน
1. มวลกล้ามเนื้อ สัตว์ที่มีขนาดร่างกายที่ใหญ่และแข็งแรงจะปกครองด้วยระบบจ่าฝูง มีตัวผู้เพียงตัวเดียวดูแลตัวเมียหลายตัว ความสัมพันธ์ในสัตว์จำพวกนี้มักเป็นแบบ Polygamy เช่น กอริลล่า สิงโต ในขณะที่ลูกๆเพศผู้จะแยกตัวออกไปสร้างฝูงของตัวเองเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
2.สัดส่วนร่างกายระหว่างเพศผู้และเพศเมีย สัตว์ที่สัดส่วนร่างกายแตกต่างกันราวๆ 25-30% ระหว่างเพศผู้และเพศเมียมักเป็น Polygamy เช่น มนุษย์ ชิมแพนซี
กอริลล่า อุรังอุตัง สิงโต
3.ลักษณะอวัยวะเพศ เดิมมนุษย์เพศชายมีหนามที่อวัยวะเพศเอาไว้ทำร้ายเพศหญิงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เพศหญิงบาดเจ็บจนไม่ร่วมเพศกับเพศชายคนอื่นได้ กระทั่งมนุษย์เพศชายสูญเสียรหัส DNA หนามที่อวัยวะเพศไปเนื่องจากสร้างปัญหาให้เพศหญิงมากเกินควร พวกเขาวิวัฒนาการอวัยวะเพศจนเหมือนกับมนุษย์ยุุคปัจจุบัน โดยส่วนปลายอวัยเพศชายที่มีลักษณะบานออกจะทำให้ภายในช่องคลอดของเพศหญิงเป็นสุญญากาศจนดึงอสุจิของเพศผู้คนอื่นออกจนหมดเหลือไว้แค่ของตัวเอง [4]
ทุกทฤษฎีที่กล่าวมาสนับสนุนว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมที่มีความสัมพันธ์ทางเพศในรูปแบบสวิงกิ้ง ผัวเดียวหลายเมีย เมียเดียวหลายผัว มาตั้งแต่อดีตกาล ถึงกระนั้น มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงไม่กี่ชนิดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สามารถอยู่ร่วมกันแบบ Monogamy หรือ ผัวเดียวเมียเดียวได้ (ชะนีเป็น Monogamy เช่นกัน) เทียบกับชิมแพนซี ญาติห่างๆของเราที่มีเพศสัมพันธ์กันแทนการพูดว่า สวัสดี, แล้วเจอกันนะ หรือ บ๊ายบาย
ตัวผู้เขียนเองไม่ได้สนับสนุนว่ามนุษย์ควรมีฮาเร็มเป็นของตนเอง เพียงแต่ต้องการสืบหาความจริงจากหัวเรื่องที่น่าสนใจ การที่เราคิดว่าอะไรผิดหรือถูกนั้นบางครั้งมีอิทธิพลมาจากค่านิยม ขอให้ทุกท่านคิดอย่างระมัดระวัง ไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อมูลใดๆนอกจากภายใต้สติ สุขภาพจิตแข็งแรงทุกท่านครับ ตัวผู้เขียนขอกล่าวอำลา "สวัสดี" "แล้วเจอกันครับ" "บ๊ายบาย"
References
[1] เสนีย์ ปราโมช. คิงมงกุฎ ในฐานะทรงเป็นนักนิติศาสตร์. กรุงเทพฯ: วิญญูชน, 2558. หน้า 52.
[2] แดน บีช แบรดลีย์ The Bangkok recorderใฃ. 1 มีนาคม 1865, เล่ม1
[3] พระจอมเกล้า "King Mongkut" พระเจ้ากรุงสยาม; 2547 : 168.
[4] Philip L. Reno, Cory Y. McLean, Jasmine E. Hines, Terence D. Capellini,
Gill Bejerano, David M. Kingsley. Penile Spine/Vibrissa Enhancer Sequence Is Missing in Modern and Extinct Humans but Is Retained in Multiple Primates with Penile Spines and Sensory Vibrissae. PLoS One. 2013; 8(12): e84258. Published online 2013 Dec 19.
doi: 10.1371/journal.pone.0084258
โฆษณา