Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PD Okhun
•
ติดตาม
28 มิ.ย. 2023 เวลา 14:00 • ดนตรี เพลง
Ado [Campanella]
เมื่อวาน แผ่น Blu-ray Concert Campanella ของ Ado มาส่ง หลังจากที่ผม Pre-Order ไปตั้งแต่เขาประกาศวางขาย เมื่อเห็นว่าแผ่นมาส่งในตอนเช้า วันนั้นทั้งวันเป็นวันที่ดีของผม และเนื่องจากประสบเรื่องเครียด ๆ มาเป็นอาทิตย์ ผมตัดสินใจเปิดเบียร์และนั่งดูคืนนั้นเลย
แผ่น คอนเสิร์ต Campanella ที่ผมสั่งมา ประกอบด้วย แผ่นคอนเสิร์ตแบบ Blu-ray พร้อมด้วย Photobook, Poster ขนาด A4, และ Postcard
ภาพประกอบคอนเสิร์ต Campanella
Ado เล่นทั้งหมด 24 เพลง และมีเพียงเพลงเดียวที่ผมไม่คุ้นหู ตั้งแต่วันที่ Ado แสดงเมื่อปีที่แล้วจนมาถึงวันนี้ Ado มีเพลงใหม่อีกมากมาย ผมก็ได้แต่คิดว่า หาก Ado ทำคอนเสิร์ตในปีนี้อีก Set List มันจะเป็นแบบไหนกันนะ ซึ่งปีนี้ Ado มี National Tour ชื่อ [Mars] ผมก็คาดหวังแต่ว่าจะได้รับชม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อจะได้เห็นการเติบโตของนักร้องคนนี้
ต้องยอมรับว่า เมื่อคอนเสิร์ตเริ่มด้วยเพลงแรกอย่างกะทันหัน ไม่มี MC เลยแม้แต่นิด ผมสัมผัสถึงความตื่นเต้นของ Ado ได้ เพราะแอบมีร้องหลุดไปบ้าง แต่เมื่อร้องไปเรื่อย ๆ เหมือนมันจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง และแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการร้องเพลงที่แทบจะ Perfect เมื่อเพลง Love ka? ขึ้น ผมก็ขมวดคิ้วว่า นางร้องเพลงนี้ด้วยเสียงแบบนั้นสดเลยเหรอ น่าสนใจไม่น้อยครับ
Love ka? (Rabu ka?) ต้นฉบับโดย Hiiragi Kiari feat. Flower https://www.youtube.com/watch?v=1Esz9ONM9X8 และ Ado Cover https://www.youtube.com/watch?v=YTQV48V44Sw
ถึงแม้ผมจะบอกว่า แทบจะ Perfect แต่แน่นอนว่ามันไม่ Perfect แน่นอนว่าผมทึ่งกับความสามารถของเธอในการร้องสดบนเวที แต่บางจังหวะบางตอนก็คิดว่า มันเป๊ะเกินไปหรือเปล่า เป๊ะเสมือนกับว่าเปิดแผ่นเลยด้วยซ้ำ เพราะนางเล่นร้องเพลง Non-stop ไม่หยุดพูดอะไรทั้งนั้น ไม่ได้พูดอะไรกลางเพลง หรือระหว่างเพลง แต่เมื่อมีเสียงที่ไม่คุ้นหู (นั่นคือต่างจากต้นฉบับที่ผมฟังเป็นประจำ) ก็กลับมาคิดได้ว่า ใช่! Ado ไม่ใช่หุ่นยนต์ เธอเป็นมนุษย์จริง ๆ
หากจะถามว่า Ado เล่นบนเวทีอย่างไรแบบปกปิดใบหน้า คงจะอธิบายยากเหมือนกัน จริง ๆ สามารถไปชมเพลง Odo ที่ Ado ร้องสดได้ เป็นคลิปที่ตัดมาจากคอนเสิร์ต และเป็นเพลงสุดท้าย นั่นคือ เพลงที่ 24 ของคอนเสิร์ตของเธอ วิธีการคือไม่มี Spotlight ใช้จอขนาดยักษ์ที่เป็น Backdrop บนเวทีเป็นแสงหลัก เราจึงจะเห็นเพียง Silhouette ของ Ado บนเวทีเท่านั้น แม้จะไม่เห็นหน้า แต่ก็เห็นเธอร้องเพลงชัดเจน ทั้งชุดที่เธอใส่และท่วงท่าของเธอ
เงา Ado บนเวที https://www.youtube.com/watch?v=9ZNRpDMKw2E
วิธีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ นักร้องญี่ปุ่นหลายคนเลือกที่จะใช้นามแฝงและปกปิดใบหน้าและตัวตนของตัวเอง แม้จะแสดงสดบนเวที เช่น Zutomayo ก็ใช้เทคนิกแบบเดียวกันในการเล่นคอนเสิร์ตของเธอ
ผมเคยดูแต่คลิป New Genesis และ Odo Live ที่ Ado แต่งตัวแบบชุดราตรี (ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร) เมื่อเปิดคอนเสิร์ตมาเห็นเธอใส่ชุดที่เป็นเครื่องแต่งกายของอวตารของเธอ ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ประหนึ่งตัวละครในภาพวาดหลุดออกมาในโลกแห่งความเป็นจริง และร้องเพลงให้เราฟัง จริง ๆ ผมไม่น่าจะตื่นเต้นขนาดนั้นเลย เพราะ Ado เคยถ่ายชุดนั้นลง Twitter แล้ว แต่การที่ได้เห็นเธอใส่มันจริง ๆ กลับเป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่ออย่างแปลกประหลาด
ในเมื่อเราเห็นแต่เพียงเงาของ Ado สิ่งที่เธอใช้ทดแทนใบหน้าของเธอบนเวทีก็คือการขยับร่างกาย คงต้องใช้คำว่า Expressive ในการบรรยายท่วงท่าของเธอ เพราะคนดูไม่เห็นหน้าของเธอ Ado จึงจะต้องแสดงกิริยาการร้องเพลงสดของเธอผ่านการขยับร่างกาย จริง ๆ Ado มีการเต้นด้วย เป็นการเต้นที่ฝึกซ้อมมาอย่างดี ไอผมก็สงสัยและลุ้นไปด้วย เพราะเธอขยับตัวเยอะมาก กลัวว่าน้องจะเหนื่อยหอบเลยทีเดียว แต่น้องก็ควบคุมเสียงดุดันนั้นได้อย่างดีเยี่ยม
ผมเริ่มเรียก Ado ว่าน้อง จริงอยู่ว่าเธอเด็กกว่าผมเป็นรุ่นน้อง อายุเท่า ๆ กับน้องชายของผมเลย แต่ด้วยความเคารพจึงมักแทน Ado ด้วยคำว่า เธอ แต่มาถึงจุดนี้ต้องใช้คำว่าน้อง เพราะผมแอบตื่นเต้นที่จะได้เห็นน้องแสดงเพลง Darling Dance แบบสด ๆ
Darling Dance โดย Ado (Cover) https://www.youtube.com/watch?v=2EmstVQeEiAhttps://www.youtube.com/watch?v=9ZNRpDMKw2E
Darling Dance เป็นเพลงโดย Kairiki Bear ใช้ Hatsune Miku เป็นเสียงร้อง ผมเคยฟังทั้งสองเวอร์ชั่น ต้นฉบับเป็นเสียงที่สดใส แตกต่างจากเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ado มาก แต่แน่นอนว่า Ado โตมากับความน่ารักของ Vocaloid จึงไม่แปลกที่จะเห็นน้อง Cover เพลงของ Vocaloid ด้วยเสียงของน้องเอง
ผมเคยเห็นคอมเมนต์หนึ่งอธิบายเบื้องลึกเบื้องหลังของการที่น้อง Cover เพลงนี้ ไม่รู้ว่าจริงหรือเล่น ตามที่เขาเล่ากัน ประมาณว่า ด้วยความที่ Ado มีเสียงเอกลักษณ์ที่ดุดัน เน้นที่การใช้เสีย Fry และ Distortion ในหลาย ๆ เพลง จึงมีคนติว่า น้องเสียงไม่น่ารัก น้องเลย Cover Darling Dance มันซะเลย ตอนที่ผมได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกัน เพราะเป็นเสียงที่น่ารักใส ๆ เหลือกัน ผิดหูผิดตาไปหน่อย แต่พอเพลงดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็ค่อย ๆ ดุขึ้น จนเสียงตอนท้ายเพลงต่างจากเสียงตอนต้นอย่างสิ้นเชิง
ที่ผมตื่นเต้นกับการได้ฟังเพลงนี้สดมีสองเหตุผล หนึ่งคือ Darling Dance เป็นเพลงที่มีจังหวะเร็วมาก ขนาดว่า น้องใช้อะไรหายใจ แน่นนอนว่าในเวอร์ชั่นลงอินเตอร์เน็ต ก็ใช้วิธีการแยกบันทึกเสียงเป็นปกติ เช่น God-ish (Kamippoi na) ที่ใช้เสียงที่ต่างกันประมาณร้อยล้านเสียงในเพลงเดียวกัน (ซึ่งผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าใครจะสามารถร้องแบบนั้นสดได้ เพราะจริง ๆ มันเป็นไปไม่ได้)
God-ish (Kamippoi na) ต้นฉบับโดย PinnochiaP ใช้เสียง Hatsune Miku https://www.youtube.com/watch?v=EHBFKhLUVig และ Cover Ado https://www.youtube.com/watch?v=7i_nc5GGIsI
แต่ Darling Dance ยังพอทำได้ และก็สมเหตุสมผลที่จะใช้แสดงสด อีกทั้ง ผมอยากจะได้ยินเสียงน่ารัก ๆ ของน้องสด ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นโหดร้าย ดุดันในช่วงท้ายของเพลง
สองคือ Ado เคยพูดว่า ตัวเองพอจะสามารถดูตัวเองเล่นสดเพลง Odo ได้ (แม้ว่าจะไม่มีทางที่จะดูอีกเป็นครั้งสองก็ตาม) แต่คงจะกล่อมตัวเองให้ดูตัวเองเต้นเพลง Darling Dance ไม่ได้ ตั้งแต่นั้นผมก็ตั้งตารอวันที่จะได้เห็นน้องเต้นเพลง Darling Dance น้องเต้นน่ารักมากครับ 555555 น่ารักแบบเข้าใจได้ว่าทำไมน้องไม่คิดจะดูตัวเองเต้นแบบนั้น มันออกจะผิดบุคลิกของน้องไปมากเลย เป็นครั้งเดียวที่ผมลั่นว่า น้องงง ดูไปก็กลั้นขำไปครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพลง Darling Dance เป็นอีกเพลงที่แสดงให้เห็นความหลากหลายในการใช้เสียงของ Ado แม้ว่าจะมีพื้นหลังเสียงร้องที่กรีดร้อง แต่ก็สามารถร้องเพลงรักที่กินใจได้เหมือนกัน อย่าง Aitakute หรือเพลงโปรดส่วนตัวของผมอย่าง Eien no Akuruhi และเพลง Cover God-ish ก็ทำให้เราประจักษ์เห็น Vocal Range อันบ้าคลั่งของเธอ
Eien no Akuruhi โดย Ado https://www.youtube.com/watch?v=ZHAnZTVF_10
ความสามารถในการร้องเพลง และ Range ที่กว้างของเธอ การจะบอกว่า Ado เป็นนักร้องสาย Rock ก็คงไม่ถูกนัก หากจะถามว่า Ado ร้องเพลงแนวไหน ก็คงจะตอบไม่ได้ ได้แต่เพียงบอกว่า Ado ร้องเพลงแนว Ado เพราะไม่มีเพลงไหนของเธอเหมือนกันหรือคล้ายกันสักเพลง ผิดกับผู้สร้างดนตรีหลายรายที่ผมสังเกตเห็น ที่พัฒนาสไตล์เพลงและเสียงของตัวเองแล้วก็ยึดและสไตล์นั้นในทุกเพลง (ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมเบื่อหน่ายดนตรี และแยกเพลงไม่ค่อยออก)
จริง ๆ แล้วอาจจะมาจากการที่ Ado ไม่ได้เขียนเพลงเอง แต่ร่วมงานกับผู้สร้างมากมายที่มีสไตล์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ทั้งแนวดนตรี เรื่องที่ต้องการจะสื่อ และความหลากหลายนั้น เมื่อประกอบกับความหลากหลายในการใช้เสียงของ Ado ที่ศึกษาข้อความที่บทเพลงต้องการจะสื่ออย่างจริงจัง ทำให้แต่ละเพลงมีความสดใหม่อยู่เสมอ และได้อารมณ์ที่แตกต่างเสมอ
ในคอนเสิร์ต Campanella นี้ Ado แสดงทั้งหมด 24 เพลง 20 เพลงแรก เธอร้องรวดเดียวแทบไม่พักเลย ไม่มีการพูดอะไรคั่นระหว่างเพลงทั้งสิ้น เรียกได้ว่า ร้องรวดเดียว 20 เพลงแบบ non-stop คอนเสิร์ตจึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็แอบเป็นกังวลหน่อย ๆ ว่าเธอไม่เหนื่อยบ้างเหรอ หรือแอบคิดว่า จะไม่คุยกับคนดูเลยเหรอ ฟังแต่ละเพลงที่ใช้พลังเสียงเยอะมาก ๆ และเธอก็ขยับตัวไปมาตลอดเวลา ก็คิดแต่ว่า แรงเหลือได้ยังไงกันนะ
ก่อนเพลงที่ 20 ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายของช่วงหลัก Ado พูดคุยกับคนดูเล็กน้อย และเพิ่งจะแนะนำตัวเองว่า นี่ Ado น้า ด้วยเสียงห้าว ๆ ของเธอ พูดไม่กี่นาทีก็เล่นเพลงสุดท้ายทันที ผมที่รู้อยู่แล้วว่า Set list มี 24 เพลง ประกอบด้วย Encore อีก 4 เพลง คือ New Genesis (หาดูได้บน YouTube), Crime and Punishment, Usseewa, และ Odo (หาดูได้บน YouTube) ก็รีบลุกไปเข้าห้องน้ำ และกลับมานั่งรับชมต่อ
ครั้งนี้ Ado เปลี่ยนเป็นชุดราตรี แน่นอนว่าเห็นแค่เงา และเริ่มร้อง New Genesis เพลงประกอบ One Piece Film RED อย่างไร้ที่ติ เพลงนี้น้องเต้นเยอะด้วย ผมที่ลุ้นอยู่เพลงเดียว คือ Crime and Punishment ก็ได้แต่คิดว่า จะเหลือแรงเปล่งเสียงในเพลงในตำนานนั้นหรือไม่ ต้องยอมรับว่า ฟังจากเสียงแล้ว น้องเริ่มเหนื่อยมากแล้ว มันก็แหงอยู่แล้ว ก็เล่นร้องเล่นเต้นบนเวทีคนเดียว 20 เพลงรวด
Crime and Punishment (Tsumi Batsu) โดย Ado (Cover) https://www.youtube.com/watch?v=x1UsJ2Znjk0
Crime and Punishment เป็น Cover ของ Ado ที่ผมชอบมากที่สุด ผมฟังครั้งแรกตอนกลายคืน ตอนนั้นอยู่บนเตียงแล้ว กำลังจะนอน คิดยังไงไม่รู้ไปลองฟังดู กลายเป็นว่าคืนนั้นนอนไม่หลับเลย ใจเต้นหนักมาก หน้าร้อนไปหมด ร่างกายไม่รู้จะต้องแสดงกิริยายังไงจนขนาดน้ำตาจะไหล ปากพูดได้แค่ว่า เอางั้นเลยหรอ Ado ร้องได้ขนาดนี้เลยหรอ เป็นเพลงที่ผมฟังไม่ออกสักคำ แต่อารมณ์ชัดเจนผ่านเสียงร้อง เต็มไปด้วยความเสียใจ คับแค้น และเจ็บปวดปะปนไปหมด
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เล่าถึงเรื่องเพลงนี้หน่อยละกัน Crime and Punishment หรือ Tsumi to Batsu เป็นเพลงของ Sheena Ringo เจ้าแม่ Punk Rock ของญี่ปุ่น ออกเมื่อปี 2000 Ado นับถือคุณชีนะเป็นไอดอล และพอจะจับทางได้ว่าน้ำเสียงของเธอได้รับอิทธิพลมาจากนักร้องชื่อดังคนนี้ หากไม่แน่ใจว่าคุณชีนะร้องเพลงอะไร เร็ว ๆ นี้มีเพลงชื่อ WORK ร่วมกับ Millennium Parade เป็นเพลงเปิดอนิเมะเรื่อง Hell’s Paradise นั่นเอง
Sheena Ringo ภาพประกอบเพลง Crime and Punishment
Ado ทำโพลให้คนเข้ามาเลือกเพลง Cover เพลงต่อไป ในตอนนั้นสรุปออกมาเป็น 2 เพลง นั่นคือ Crime and Punishment และ God-ish ซึ่งออกมาพร้อม ๆ กัน
Cover Crime and Punishment ของ Ado โด่งดังมากจนแน่นอนว่าไปถึงหูเจ้าของเพลงอย่างคุณชีนะ เวลาต่อมา Ado ได้มีโอกาสร่วมทำเพลงกับคุณชีนะ ประหนึ่งเป็นการเติมเต็มความฝันของ Ado ในฐานะแฟนคลับและนักร้อง คุณชีนะเขียนเพลงชื่อ Missing มอบให้ Ado เป็นคนร้อง เพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Karada Sagashi เป็นเพลงที่เพราะมากเพลงหนึ่งครับ
Missing (Yukue Shirezu) Ado และ Sheena Ringo https://www.youtube.com/watch?v=VQtmqpSE64w
ในบทสัมภาษณ์ ตอนหนึ่ง Ado กล่าวว่า
มันคือความฝันที่เป็นจริง ในการได้แสดงเพลงที่ชีนะ ริงโงะเป็นคนแต่ง
Ado จากเว็บ https://www.moshimoshi-nippon.jp/627396
และกล่าวต่อไปว่า
ฉันรู้สึกเหมือนว่าโชคที่สะสมไว้กำลังจะหมดไป โดยการที่ฉันได้รับมอบโอกาสที่น่าเหลือเชื่อเหล่านี้
Ado จากเว็บ https://www.moshimoshi-nippon.jp/627396
ในโอกาสเดียวกัน คุณชีนะให้สัมภาษณ์ไว้ตอนหนึ่งว่า
หากเธอเกิดเร็วกว่านี้สัก 25 ปี ฉันคงจะเลือกให้เธอเป็นคนร้องเพลงอัลบั้มแรกของฉัน Muzai Moratorium
Sheena Ringo จากเว็บ https://www.moshimoshi-nippon.jp/627396
ช่างเป็นคำชื่นชมที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินครับ คุณชีนะกล่าวคือไปว่า
เธอรู้สึกประหนึ่งว่าเธอโชคดีที่ชั้นเขียนเพลงนี้ให้เธอ แต่กลับกัน ฉันต่างหากที่เป็นผู้โชคดี
Sheena Ringo จากเว็บ https://www.moshimoshi-nippon.jp/627396
เรื่องราวเหล่านี้ประกอบกันทั้งหมดแล้ว เราสัมผัสได้ว่า ขณะที่ Ado ร้อง Cover เพลง Crime and Punishment เธอมอบความสามารถและความรู้สึกที่เธอมีต่อเพลงนี้และเจ้าของเพลงนี้อย่างหมดหัวใจ เป็นการ Cover ด้วยความชื่นชอบและเคารพอย่างสุดซึ้ง แม้จะจริงอยู่ว่า Ado ร้องเพลงอย่างเต็มที่ทุกครั้งที่เธอมีโอกาส แต่ Cover เพลงนั้นเปล่งประกายยิ่งกว่าเพลงอื่น ๆ
Sheena Ringo และ Ado ภาพวาดโดย Orihana https://twitter.com/ewkkyorhr/status/1560211684983091200
เมื่อรู้ว่าในคอนเสิร์ตนี้ Ado จะแสดง Crime and Punishment สด ไอผมก็ตื่นเต้นที่จะได้รับฟัง แต่ก็ลุ้นสุดหัวใจ เพราะ หนึ่ง เป็นเพลง Cover ที่ร้องยากมาก สอง เป็นเพลงที่ใช้พลังเสียงอย่างบ้าคลั่ง สาม Ado ต้องร้องไปด้วยขยับตัวไปด้วยในการแสดงสด นั่นคือ นอกจากจะสื่ออารมณ์ผ่านทางเสียงแล้ว ยังต้องสื่ออารมณ์ผ่านท่าทางด้วย และ สี่ เธอน่าจะเหนื่อยมาก ๆ แล้ว
แน่นอนว่า Ado เลื่องชื่อเรื่องการ Control เสียง แต่ใครก็ตามที่อยู่จุดนั้น แสดงคนเดียว 21 เพลง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความเหนื่อยน่าจะไล่ตามทันแล้ว ต้องยอมรับว่า ในจุดนั้น Ado เสียงหลุดบ่อยมาก แต่ก็เข้าใจได้ แม้ว่าจะหลุดแล้ว แต่ก็ยังสามารถ recover ได้อย่างมืออาชีพทุกครั้ง หากจะให้เทียบแล้ว Ado แสดงทุกเพลงแทบจะ Perfect หมด แม้จะพลาดบ้างก็แก้ไขอย่างรวดเร็วและชาญฉลาด ต้องยอมรับว่า Crime and Punishment เป็นเพลงที่มีจุดตำหนิ แต่แม้กระนั้น ก็ยังเป็นการแสดงที่ที่ติน้อยมากอยู่ดี
แม้ว่าผมจะคาดหวังมากกับเพลงนี้ และต้องยอมรับว่าแอบผิดหวังหน่อย ๆ แต่ก็ยินดีมาก ๆ อย่างน่าประหลาด มันแสดงให้เห็นว่า Ado ยังเป็นมนุษย์อยู่ ยังมีข้อผิดพลาดอยู่ประหนึ่งเป็นคน ๆ หนึ่ง เพราะหลายครั้งที่มีคนฟังเพลงของเธอ ต่างแอบคิดว่า Ado เป็นคนจริง ๆ หรือไม่ ประมาณว่า มนุษย์แบบนี้มีอยู่จริง ๆ เหรอ ขนาดมีคนพูดติดตลกกันว่า หรือว่าจริง ๆ แล้ว Ado เป็น AI ไม่ก็ Vocaloid รุ่นใหม่ที่เสมือนจริง
Ado
อีกอย่างหนึ่งคือ Ado แสดงบนเวทีที่ใหญ่ขนาดนั้นตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่เลย ถ้าจะใหญ่กว่านี้ก็อาจจะต้องจัด Solo Concert ที่ Tokyo Dome แล้ว ความสามารถของนักร้องส่วนหนึ่งวัดได้จากการแสดงสด มันจะแสดงถึงความสามารถในการควบคุมเสียงเป็นระยะเวลานาน และการบริหารแรงกายแรงใจและจังหวะการหายใจ โดยรวมแล้ว Ado ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เธอควบคุมเสียงอย่างมืออาชีพ และกล้าหาญมากในการเลือกที่จะใช้เทคนิกต่าง ๆ บนเวที
แน่นอนว่ามันจะต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้น และเธอสามารถเรียนรู้และนำไปพัฒนาต่อไปในอนาคตได้ เธอยังมีที่ให้เติบโตอยู่ เธอสามารถเก่งได้มากกว่านี้ ทำการแสดงที่ยอดเยี่ยมมากกว่านี้ เพราะหากลองคิดดู เช่นชีวิตในการทำงาน สิ่งหนึ่งที่เพื่อนของผมพูดถึงคือการเติบโตในชีวิต เมื่อได้งานที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุยังน้อย เงินเดือนมาก ๆ ตั้งแต่เริ่มแรก มันไม่รู้ว่าจะเติบโตหรือขยับให้ตัวเองไปสูงกว่านี้ได้อย่างไร (นอกจากปรับเงินเดือนและเลื่อนขั้นในตำแหน่งหน้าที่)
มันกลับกลายเป็นเรื่องดีที่เราเห็นช่องทางในการพัฒนาให้เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่เก่งและดีเยี่ยมมากกว่าที่ตนเป็นอยู่
อีกอย่างหนึ่ง การแสดงคอนเสิร์ตที่ Perfect มันน่าเบื่อจะตายไป หากจะฟังเพลงอย่างไร้ที่ติ จริง ๆ ไปนั่งเปิดใน YouTube เอาก็ได้ครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าไปยินใครพูดมา คนนั้นเขาบอกว่า การแสดงละครเวทีที่เราแสดงอย่าง Perfect แบบว่าทำทุกสิ่งทุกอย่างที่วางแผนไว้เนี่ย เราอาจจะรู้สึกดีมาก แต่กลายเป็นว่าคนดูเบื่อจนจะหลับ แต่เมื่อเราผิดพลาดบนเวที แล้วเราคิดว่านั่นเป็นกรแสดงที่แย่ที่สุดของเรา กลับกลายเป็นว่าผู้ชมต่างชื่นชมว่าเป็นการแสดงที่น่าสนใจที่สุด
Ado 2nd Live [Campanella]
ระหว่างคอนเสิร์ตช่วงหลัก จำนวน 20 เพลงแบบ Non-stop และช่วง Encore อีก 4 เพลง ผมก็คิดว่า ระหว่างนั้น Ado คงมีเวลาไปพักบ้างแล้วก่อนจะกลับออกมา แต่คิดไปคิดมาแล้ว เธอต้องรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดนี่นา จริง ๆ แล้วดูคอนเสิร์ตนี้ นอกจากตราตรึงใจกับการแสดงและเสียงร้องของ Ado ใจก็อึดอัดอยู่ส่วนหนึ่งว่า เธอจะเอาเวลาไหนพัก มันต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ แบบนี้ท้าย ๆ แรงหมดแหง ๆ แต่เธอก็ทำได้อย่างเต็มที่ครับ
เธอได้พักแรงจริง ๆ เท่าที่ผมสังเกตท่าทีดู คือก่อนสองเพลงสุดท้าย นั่นคือ Usseewa และ Odo ซึ่งเป็นช่วง MC เป็นช่วง MC ที่นานมาก ประมาณว่ารวบรวมสิ่งที่จะพูดตลอดทั้งโชว์มาพูดทีเดียว ผมฟังเธอพูดไม่ออกเลย มันไม่มีซับด้วย ฟังออกแค่ประมาณว่า ขอบคุณทุกคนจริง ๆ นะ กับ นี่เป็นความฝันของฉัน กับอะไรสักอย่างเกี่ยวกับ “ไม่เป็นไร” น้ำเสียง Ado เหมือนกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้อยู่ด้วย มันคงตื้นตันมาเลยนะครับ ที่ทำให้ความฝันเป็นจริงได้
แน่นอนว่าไม่รู้ว่าเธอร้องไห้หรือเปล่า เพราะไม่เห็นหน้าเธอ และไม่มีเสียงสะอื้นแต่อย่างใด มีแต่น้ำเสียงที่เหมือนกลั้นไม่ให้ตัวเองน้ำตาไหลอยู่ ผมก็แอบยิ้มหน่อย ๆ ประมาณว่า แหม พยายามกลั้นเพราะว่าตัวเองต้องร้องเพลงที่ใช้พลังเสียงเยอะอีกตั้งสองเพลงล่ะสิ ถ้าปล่อยโฮตอนนี้เดี๋ยวไม่เหลือแรงปิดคอนเสิร์ตใช่ไหมละ
พอเริ่มเพลง Usseewa ก็ทำให้รู้ว่า นั่นและ ช่วง MC คือช่วงพักแรงของเธอจริง ๆ จัง ๆ เพราะกำลังเสียงของเธอกลับมาอย่างเห็นได้ชัดเจน และการแสดง Usseewa นั้นมันส์มาก จริง ๆ ต้องชื่มชมนักดนตรีด้วย รวมถึงตากล้องทั้งหลายและคนตัดต่องานนี้ เพราะนอกจากดนตรีและเสียงอันทรงพลังจาก Ado และวงดนตรีแล้ว ฝีมือการบันทึกคอนเสิร์ตนี้ก็ให้อารมณ์ร่วมไปด้วย
คลิปบันทึกการแสดง Odo https://www.youtube.com/watch?v=YGx5fcgEuwA
หลังจาก 2 ชั่วโมง คอนเสิร์ตก็จบลง ผมก็ได้แต่นั่งปรบมือด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมีสิทธิไปภูมิใจ) เมื่อเอาแผ่นออกจากเครื่องเล่น ความรู้สึกค้างคาใจก็วิ่งแล่นกระทบผมทันที ประมาณว่า ผมอยากได้มากกว่านี้ อยากฟัง Ado มากกว่านี้ ทั้งเสียงร้องและเสียงพูด เลยเปิดเพลง Ado ฟังต่อ รวมถึง Radio ที่ Ado เป็น Host ด้วย อย่าง All Night Nippon แต่ที่แน่ ๆ ผมประทับใจมาก จนเกิดความว่างเปล่าในจิตใจ ประมาณว่าอยากจะบอกเล่าประสบการณ์นี้ให้ใครสักคนรับฟัง
แต่ผมที่มีรสนิยมไม่เหมือนคนอื่นเขา และก็มีความสนใจแตกต่างจากเพื่อนพ้องของผมทั้งหมด (ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าทำไมทุกวันนี้ยังมีคนคบอยู่ 55555) ก็ทำได้แต่เขียนบล็อกโพสอันยืดยาวให้สาแก่ใจเท่านั้น ดังนั้น มันเหมือนกับการเขียนความรู้สึกของตัวเองให้หายค้างคาใจ แน่นอนว่าผมคงจะใส่แผ่นดูอีกรอบ แต่ดูในโหมดที่มีเสียง Commentary ของ Ado ไปด้วย แม้ว่าคงจะฟังไม่ออกสักคำก็ตาม
ใน YouTube มี Reaction ของ Ado ต่อเพลง Odo อยู่ เป็น Reaction ที่ตลกมาก จากคำสัมภาษณ์ของเธอ เราพอจะเดาได้ว่าเธอไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง และเคร่งกับตัวเองมาก ๆ ลองไปหาดูครับ มันตลกปนน่ารักมาก ทั้งเสียงคอมเม้นต์และเสียงกรีดร้องด้วยความ Cringe ในการแสดงของตัวเอง จนมีคนพูดเล่นกันว่า Anti-fan No. 1 ของ Ado ก็คือ Ado เอง
"ฉันจะไม่มีทางดูไอสิ่งนี้อีก!" Ado กล่าวขณะนั่งดูการแสดงของตัวเอง พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างทรมานใจ https://www.youtube.com/watch?v=WSl-lOBpct4
แต่ที่สังเกตดูแล้ว Ado เกลียดการแสดงของตัวเองเพียงท่าทางที่ตัวเองขยับเท่านั้น เธอไม่ได้คอมเม้นต์ถึงเสียงร้องของตัวเองเลย ผมสังเกตเอาเองนะครับ แต่เหมือนว่า แม้ว่าเธอจะไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เธอมั่นใจในความสามารถในการร้องเพลงของตัวเธอมาก
ในชีวิตนี้ผมมีเป้าหมายอย่างหนึ่งคือการไปคอนเสิร์ตของ Ado ทั้งนี้ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงหรือไม่ แต่อะไรก็เป็นไปได้ ผมชอบวง Guns N’ Roses มาก ๆ แต่เขาก็แยกวงกันไปตั้งแต่ก่อนผมเกิดด้วยซ้ำ ความฝันที่จะได้ไปคอนเสิร์ตวงนั้นก็น้อยอยู่แล้ว แต่วันหนึ่ง ฝันนั้นก็เป็นจริง ได้แถวหน้า ๆ และได้เห็น Slash ตัวเป็น ๆ แบบใกล้แค่เอื้อม ผมก็คงมีสิทธิที่จะหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ไปคอนเสิร์ต Ado จริง ๆ จัง ๆ เหมือนกัน
Ado National Tour in Japan [Mars] 2023
ตอนนี้ Ado จัด National Tour ปี 2023 อยู่ โชว์แรกเริ่มวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ไปจนถึง 17 กันยายน แน่นอนว่าครอบครัวผมวางแผนไปญี่ปุ่นอีกครั้งภายในปีนี้ ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะได้ไปช่วงที่มีคอนเสิร์ตอยู่ ถ้าไม่ใช่ปีนี้ ก็สักวันหนึ่งแหละครับ สักครั้งหนึ่ง
ญี่ปุ่น
อนิเมะ
1 บันทึก
2
3
1
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย