Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
29 มิ.ย. 2023 เวลา 09:29 • กีฬา
ชนาธิป อำลา 7 ซีซั่นในเจลีก กับชีวิตก้าวใหม่ในไทยลีก
การย้ายตัวของชนาธิป สรงกระสินธุ์ มาสู่บีจี ปทุม ด้วยราคา 70 ล้านบาท เป็นข่าวใหญ่ที่ไทย และในทางกลับกัน มันก็เป็นข่าวใหญ่ที่ญี่ปุ่นด้วย
สื่อกีฬาทั้งหมดในญี่ปุ่นนำเสนอประเด็นนี้ และความเห็นของแฟนบอล ล้วนพูดเป็นถ้อยคำเดียวกันคือ "เสียดาย"
ผมขอยกตัวอย่าง คอมเมนต์ของคนญี่ปุ่นมาให้ดูบางส่วนนะครับ
คอมเมนต์ 1 "เขาย้ายทีมด้วยค่าตัวมหาศาล ทำเงินให้ซัปโปโร ส่วนคาวาซากิ หักลบแล้วก็ไม่เสียหายหนักมาก ชนาธิปคือผู้เล่นชั้นยอด และผมก็อยากเห็นเขามากกว่านี้ในเจลีก มันช่วยไม่ได้จริงๆ"
คอมเมนต์ 2 "เป็นเกียรติมากที่ได้ดูคุณระเบิดผลงานในประเทศญี่ปุ่น ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักมาหลายปี ถ้าอนาคตคุณกลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง มาอยู่กัมบะ โอซาก้าแทนนะ แทนที่จะไปอยู่กับสโมสรที่ปิดกั้นโอกาสที่คุณจะฉายแสง พูดก็พูดเถอะ คาวาซากิ พวกนายคิดจะทำอะไรกันแน่นะ?"
3
คอมเมนต์ 3 "กลับมาที่ซัปโปโรได้ไหม"
ทิศทางของความเห็น ไม่มีใครสมน้ำหน้าชนาธิป แต่ทุกคนตั้งคำถามว่า ทำไมนักเตะที่ดีขนาดนี้ สร้างความน่าตื่นเต้นในสนามได้ระดับนี้ จึงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในทีมคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ของโทรุ โอนิกิ
1
จุดเริ่มต้นของชนาธิปกับเจลีกนั้น เกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อเขาย้ายจากเมืองทอง ไปเล่นให้คอนซาโดเล่ ซัปโปโร แต่ผลงานไม่ดีนัก ลงเล่น 16 นัด ยิงได้ 0 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์
ในปี 2018 ซึ่งเป็นซีซั่นที่สองของชนาธิปกับคอนซาโดเล่ เขาเจอแรงกดดันรุมเร้าทุกทิศทาง แฟนบอลแซะว่า คอนซาโดเล่ แค่เอาไปทำการตลาดในอาเซียนเท่านั้นแหละ ฝีเท้าไม่ได้เจ๋งจริงอะไรขนาดนั้น
ขณะที่ชีวิตส่วนตัวก็เจอดราม่า เพราะเลิกรากับแฟนสาว เมย์-พิชญนาฏ ที่คบกันมา 2 ปีครึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น คอนซาโดเล่ยังเปลี่ยนโค้ช จาก ชูเฮ โยโมดะ มาเป็น มิไฮโล เปโตรวิช คือไม่รู้ว่าโค้ชใหม่จะใช้งานชนาธิปหรือเปล่า
ท่ามกลางดราม่าทั้งหมด ชนาธิปไม่ตอบโต้ใครเลย เขาซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม นอกจากนั้นยัง "รับฟัง" คำสอนของโค้ชเปโตรวิช ที่บอกว่า เมื่อคุณเป็นผู้เล่นต่างชาติ จะเล่นแค่เพลย์เซฟ แปะบอลเอาตัวรอดไม่ได้ แต่คุณต้องโดดเด่นกว่าคนอื่น มีจังหวะยิงต้องยิง กล้ากว่านี้หน่อย
นอกจากนั้น ชนาธิปยังศึกษาภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมเพื่อสื่อสารกับคนในทีม จากที่พูดได้เป็นคำๆ สามารถสื่อสารได้เป็นประโยคยาวๆ คือทุ่มเททุกอย่าง เพื่อให้การเล่นดีขึ้น
และในซีซั่นที่ 2 นี่เอง ชนาธิปก็ผลิบาน เขายิงไป 8 ลูก กับอีก 2 แอสซิสต์ พาคอนซาโดเล่จบอันดับ 4 ของลีก สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร ชนาธิปคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีม (Sapporo Dome MVP Award) และติดทีมออลสตาร์ของเจลีกด้วย
จากจุดนั้นเอง คนญี่ปุ่น ทั้งแฟนบอล คู่แข่งทีมอื่น และสื่อมวลชน ให้การยอมรับว่า เจคือของจริง ชีวิตของเขาที่คอนซาโดเล่มีความแฮปปี้มากขึ้น เจเป็นที่รักอย่างมาก ของคนซัปโปโร
หลังจากเล่นที่ซัปโปโร 5 ปี เข้าสู่ปี 2022 ชนาธิปได้รับข้อเสนอจากคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ทีมเบอร์หนึ่งของประเทศ ที่เป็นเต็งแชมป์ทุกปี ต้องการเอาตัวมาเสริมทัพแทน เรโอะ ฮาตาเตะ ที่เพิ่งย้ายไปเซลติก
1
อยู่ที่ใจของชนาธิปเองว่าจะเอายังไง ถ้าอยากยึดตัวจริงตลอด ใช้ชีวิตแฮปปี้ แฟนๆ รัก ก็อยู่ซัปโปโรต่อ แต่ถ้าอยากไปเอาแชมป์เจลีกให้ได้สักครั้ง การย้ายไปฟรอนตาเล่ ก็สมเหตุสมผลกว่า
สุดท้ายชนาธิป ตัดสินใจย้ายทีม ฟรอนตาเล่จึงจ่ายเงิน 4 ล้านดอลลาร์ (134 ล้านบาท) ซื้อตัวมาร่วมทีมด้วย เป็นดีลที่ใหญ่มาก ของเจลีก ในซีซั่นที่แล้ว
จริงๆ มีเรื่องที่คนเป็นห่วงชนาธิปตั้งแต่แรกแล้ว อย่างแรกคือเรื่องของระบบการเล่น เพราะ 5 ซีซั่นที่เขาเล่นกับซัปโปโร เล่นด้วยระบบ 3-4-2-1 มาตลอด เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก แต่กับฟรอนตาเล่ ที่เล่น 4-3-3 คำถามคือชนาธิปจะไปยืนตรงไหน
1
เมื่อแผนของทีมไม่มีมิดฟิลด์ตัวรุก แล้วเจจะยืน "ปีก" หรือ "มิดฟิลด์ตัวกลาง" ดีกว่ากัน นี่คือคำถาม
ฤดูกาลแรกกับฟรอนตาเล่ (2022) ชนาธิปได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงใน 6 เกมแรก ของฤดูกาล แต่ผลงานถือว่า "ไม่เด่น" เพราะทำได้แค่ 1 แอสซิสต์เท่านั้น เขาเล่นแบบเพลย์เซฟ เล่นอย่างระวัง ส่วนหนึ่งเพราะแผนการเล่นของฟรอนตาเล่ ที่ไม่เอื้อให้เจ เหมือนตอนอยู่ซัปโปโรด้วย
ชนาธิป มาโชคร้าย ได้รับบาดเจ็บ 3 ครั้ง ตลอดปี 2022 ทั้งเจ็บน่อง เจ็บกล้ามเนื้อ และโคนขาหนีบ ทำให้เดี๋ยวลง เดี๋ยวพัก ขาดความต่อเนื่อง จบฤดูกาลแรก เขาลงเล่นไป 16 นัด (ตัวจริง 15 สำรอง 1) และทำได้แค่แอสซิสต์เดียวเท่านั้น ที่สำคัญไม่สามารถช่วยฟรอนตาเล่ คว้าแชมป์ลีกได้ด้วย
ชนาธิปรู้ดีว่าฟอร์มของตัวเอง ไม่น่าประทับใจ ทำให้เขาตั้งใจอย่างมาก ในซีซั่นที่ 2 (2023) เจถอนตัวจากการลงแข่ง ศึก AFF คือโฟกัสที่สุด เพื่อให้ตัวเองคัมแบ็กกลับมาได้ ในฤดูกาลใหม่
เจเริ่มซีซั่นด้วยความกระหาย ร่างกายเขาฟิตถึงขีดสุด แต่แล้ว 4 เกมแรกของซีซั่น โทรุ โอนิกิ เฮดโค้ชของฟรอนตาเล่ กลับไม่ส่งชื่อเจลงสนามทั้งตัวจริง และ ตัวสำรอง
4 นัด แรกของฟรอนตาเล่ฟอร์มแย่มาก ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 ไม่มีเหลือแววของทีมลุ้นแชมป์
จากนั้น วันที่ 18 มีนาคม 2023 เกมเจลีกนัดที่ 5 เจได้กลับมาลงสนามเป็นครั้งแรกในเกมเจอเซเรโซ โอซาก้า
ชนาธิปได้เล่น 76 นาที แต่ก็ถือว่า ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เขาจ่ายบอลเข้าเป้าไป 89% ได้โอกาสยิง 3 ครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นประตู นอกจากนั้นยังวิ่งพล่านตลอด เป็นคนที่สร้างสรรค์เกมได้ดีที่สุดของฟรอนตาเล่แล้ว
1
แต่พอเกมที่ 6 นัดเจอคอนซาโดเล่ ซัปโปโร เจก็ไม่มีชื่อทั้งตัวจริง และตัวสำรองอีก ท่ามกลางความสับสนว่า เขาไม่ดีพอ ถึงขั้นเป็นสำรองก็ไม่ได้เชียวหรือ
ชนาธิปคัมแบ็กได้ลงเล่นนัดที่ 7 ของเจลีก เกมเจอกัมบะ โอซาก้า และนี่คือเกมสุดท้ายของเขาในเจลีก
ต่อมา ชนาธิปได้เล่นแค่ในบอลถ้วยลูวาน คัพ เฉยๆ ส่วนในบอลลีก ไม่มีโอกาสได้ลงสนามอีกแล้ว
หลายคนก็ประหลาดใจว่าทำไม ตัวอย่างเช่น ในเกมนัดที่ 14 ของซีซั่น ฟรอนตาเล่ ไปเยือนโยโกฮาม่า เอฟซี วันที่ 20 พฤษภาคม เกมนี้สองมิดฟิลด์ ยาสุโตะ วากิซากะ กับ ชูเอา ซิมิช โดนแบนทั้งคู่ เว็บไซต์ยาฮูเจแปน เขียนข่าวว่า "คนที่น่าจะได้ลงคือชนาธิป เขายิงได้ในเกมอุ่นเครื่องกับเอฟซี โตเกียว และแสดงให้เห็นว่าอยู่ในสภาพร่างกายที่ดีมาก"
แต่พอวันแข่งจริงๆ ชนาธิปได้ลง 0 นาที เหมือนโค้ชไม่ต้องการใช้งานเขาจริงๆ โดยที่คนอื่นก็ไม่เข้าใจเหตุผล ว่าเพราะอะไรกันแน่ (ซึ่งสุดท้ายเกมนี้ ฟรอนตาเล่ก็แพ้ 2-1)
จุดแตกหักที่ทำให้ชนาธิป ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว คืออีก 4 วันต่อมา หลังจากไม่ได้เล่นในเกมเจอโยโกฮาม่า เอฟซี นัดต่อมาจะเป็นโปรแกรม ลูวาน คัพ ที่เจออุราวะ เรดส์ ไดมอนด์ ที่ปกติ เจต้องได้ลงเล่นบ้าง แต่คราวนี้ เจก็ไม่มีชื่อทั้งตัวจริงและสำรอง ทั้งๆ ที่ร่างกายฟิตสมบูรณ์ (สุดท้าย ฟรอนตาเล่ก็แพ้ 2-1)
เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่ใช่ปัญหาเรื่องสภาพร่างกายอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นไอเดียของโค้ชเอง ที่ไม่ต้องการใช้งานชนาธิปจริงๆ ดังนั้นต่อให้เขาสู้แทบตาย มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ตั้งแต่เล่นฟุตบอลมาในชีวิต ชนาธิป ไม่เคยได้ลงสนามน้อยขนาดนี้ ในฤดูกาลนี้ เขาได้เล่นแค่ 5 เกมเท่านั้น (เจลีก 2 นัด, ลูวาน คัพ 3 นัด) สำหรับผู้เล่นที่เป็นมืออาชีพ และเป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของประเทศไทย ไม่มีทางยอมได้ ที่จะปล่อยให้ตัวเองเป็นสำรองแบบนี้
และอีกเหตุผลแฝงที่สำคัญเช่นกัน คือในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง จะเป็นโปรแกรมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และชนาธิป ที่จะอายุ 30 ในตอนนั้น ก็อาจจะเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว ถ้าหากยังไม่ได้ลงสนามอยู่ตลอดแบบนี้ ก็อาจไม่ได้เป็นตัวจริงกับทีมชาติเหมือนกัน
ทุกๆ เหตุผลหลอมรวมกัน ทำให้ชนาธิป ต้องการ "ย้ายออก" จากฟรอนตาเล่ การได้กลับมาเล่นฟุตบอล เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเขา ณ เวลานี้
1
สยามสปอร์ต รายงานว่า ชนาธิปกับโอนิกิ ปิดห้องเคลียร์กัน 2 ชั่วโมง โดยเจถามว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ก็ได้รับคำตอบว่า "สิ่งที่ต้องการคืออยากให้เจ เล่นเกมรับแบบหนักหน่วง แต่เจยังไม่สามารถทำได้แบบที่เขาต้องการ"
เมื่อชนาธิปคิดจะย้าย สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า มีหลายทีมในเจลีก ต้องการคว้าตัวไปใช้งาน แต่ฟรอนตาเล่จะไม่ขายให้ทีมจากลีกเดียวกัน ดังนั้นชอยส์ของเจ จึงเหลือแค่ทีมไทยลีก ซึ่งตามข่าว มี 4 ทีม คือ ท่าเรือ, ทรู แบงค็อก, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม
แต่ปัญหาอีกหนึ่งสเต็ปคือฟรอนตาเล่ ไม่ต้องการปล่อยยืม แต่ต้องการขายขาดอย่างเดียว ด้วยราคา 2 ล้านดอลลาร์ หรือ 70 ล้านบาท ทำให้ 3 ทีมแรกไม่เดินหน้าต่อ เหลือเพียงแค่บีจี ปทุมเท่านั้น ที่พร้อมจะสู้ราคา
และสุดท้าย บีจี กับ ฟรอนตาเล่ ก็ตกลงราคากันได้ ทำให้การซื้อขายเกิดขึ้น โดยชนาธิปจะกลับมาไทยลีก และได้ค่าเหนื่อยสูงถึงเดือนละ 1.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุด ในประวัติศาสตร์ของนักเตะไทย
บทสรุปของชนาธิป เขาเล่นในญี่ปุ่น 7 ฤดูกาล ลงเล่นทุกรายการทั้งสิ้น 146 นัด ยิงได้ 18 ประตู แอสซิสต์ไป 23 ครั้ง และสร้างชอตมหัศจรรย์ เพลย์สวยๆ ขึ้นในสนามครั้งแล้วครั้งเล่า
สิ่งที่คนญี่ปุ่นประทับใจชนาธิปจนวันสุดท้าย คือแม้จะลาทีมไปแบบไม่ค่อยดี ด้วยการไม่ถูกส่งลงสนาม แต่เขาไม่เคยพูดจาว่าร้าย โค้ช หรือฟรอนตาเล่ ใดๆ ทั้งสิ้น ชนาธิปกล่าวคำอำลาว่า
1
"วันนี้ผมตัดสินใจว่าจะย้ายไปร่วมทีมบีจี ปทุม ผมอยากบอกว่า ตั้งแต่ผมย้ายมาเป็นผู้เล่นของคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ผมมีความสุขมากที่ได้รับสนับสนุนอย่างอบอุ่นเสมอ แม้ผมจะมาอยู่ฟรอนตาเล่ไม่นาน แต่ผมก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งโค้ช สตาฟฟ์ และ นักเตะ รวมถึงพนักงานทุกคนในองค์กร แน่นอนผมจะสนับสนุนฟรอนตาเล่ไปจนจบซีซั่น"
"ผมภูมิใจที่ครั้งหนึ่งได้มีชื่อในประวัติศาสตร์ของสโมสรฟรอนตาเล่ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และจากนี้ไป ผมจะเชียร์ฟรอนตาเล่ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง ให้กลับมาคว้าแชมป์เจลีกอีกครั้ง ขอให้ทุกคนโชคดี"
1
บทสรุปของเรื่องนี้คือ เจ ปิดฉากช่วงเวลา 7 ซีซั่นที่ญี่ปุ่น คือถ้าให้พูดตรงๆ โอกาสที่จะกลับไปญี่ปุ่นอีกครั้ง ในวัยย่างเข้า 30 ก็น่าจะยากแล้ว เขาจะเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ กับบีจี ปทุม ด้วยเป้าหมายในการพากระต่ายแก้ว กลับมาทวงแชมป์ลีกให้ได้อีกครั้ง
ความรู้สึกที่ผมอยากบอกชนาธิป คือ ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องเสียใจ หรือ เสียดาย การเลือกกลับมาเล่นฟุตบอล เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
1
ชนาธิปไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ตัวเองที่ญี่ปุ่นอีกแล้ว เขาคือนักเตะอาเซียนคนแรก และคนเดียว ที่ติดทีมออลสตาร์เจลีก และเป็นนักเตะที่มีค่าตัว ในการย้ายทีม 3 ครั้ง มากเกิน 200 ล้านบาท นี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ แล้ว
2
การกลับมาประเทศไทย จริงอยู่อาจมีบางคนมองว่า "Downgrade" ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่ขอให้เจ อย่าคิดอย่างนั้น เพราะการกอบกู้อาชีพของตัวเอง ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง เป็นสิ่งที่นักเตะคนหนึ่งควรกระทำอยู่แล้ว ดีกว่าสู้ต่อไป แบบมองไม่เห็นทางว่าจะไปอย่างไรต่อ
2
สุดท้ายผมคิดว่า วงการฟุตบอลไทย ควรขอบคุณชนาธิปครับ ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ตลอดช่วง 7 ปี ที่ผ่านมา ทำให้คนญี่ปุ่นได้รู้ว่านักเตะไทยจริงๆ ก็มีคุณภาพเช่นกัน และช่วย "เปิดประตู" ให้นักเตะอีกหลายๆ คน ได้เข้าไปค้าแข้งในเจลีกแบบทุกวันนี้
1
เป็นกำลังใจให้ชนาธิปเสมอ และจะรอดูความมหัศจรรย์ของ "เจ" กับเวทีไทยลีกนะครับ ระเบิดฟอร์มให้มันส์สุดๆ ไปเล้ยย
6 บันทึก
50
6
6
50
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย