29 มิ.ย. 2023 เวลา 22:44 • การศึกษา

เรื่องที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ ~ เกี่ยวกับการเรียกชื่อสัญลักษณ์มุม θ

เรื่องเริ่มจากว่าตั้งแต่ขึ้นมัธยมมา ผมก็ได้มีโอกาสเรียนเรื่องฟังก์ชันตรีโกณมิติซึ่งมีความสำคัญสุด ๆ ในการพิจารณาปัญหาเชิงเรขาคณิตที่ใช้ความสัมพันธ์ของด้านและมุมในการแก้ปัญหา
ซึ่งก็มีสิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจอยู่ครับว่าทำไมส่วนใหญ่ถึงแทนค่ามุมด้วยด้ว θ แทนที่จะใช้ x เหมือนในพีชคณิต
แต่คำตอบก็คือการศึกษาคณิศาสตร์สมัยก่อนนั้นของทางฝั่งกรีก เรียนโดยการเขียนอภิปรายไปเรื่อย ๆ ไม่มีการเขียนเป็นสัญลักษณ์หรือสมการ
(ให้นึกภาพเขียนสมการโดยตัวเลขเป็นเลขโรมันและอธิบายการดำเนินการด้วยตัวหนังสือกรีกดูครับ
หรือไม่ก็ลองทำกับภาษาไทยดู เช่น สองบวกสองจะให้ผลลัพธ์คือสี่ แค่เห็นก็ขนลุกแล้วครับ
โดยเฉพาะถ้าเขียนพิสูจน์แบบนี้ให้ผมปลูกผักเป็นทาสติดที่ดินดีกว่าครับ555)
จนกระทั่งอิทธิพลเรื่องการเขียนโดยใช้สัญลักษณ์ทางฝั่งฮินดู-อารบิกเข้ามา ทำให้การศึกษาคณิตศาสตร์เริ่มใช้สัญลักษณ์มากขึ้น
ฝั่งทางฝั่งกรีก-โรมันจะแยกเรื่องบางอย่างออกจากกันโดยเรื่องเรขาคณิตและพีชคณิตจะแยกจากกันอยู่
จนกระทั่งเกิดเรขาคณิตวิเคราะห์ขึ้น สองเรื่องจึงถูกนำมาศึกษาร่วมกัน
(จะเห็นว่าเวลาเรียนตรีโกณโดยยังไม่สนใจกราฟ จะใช้ θ แทนค่ามุมแต่เมื่อสนใจที่ฟังก์ชันหรือกราฟ
ค่ามุมจะกลายเป็น domain ของฟังก์ชันซึ่งเป็นค่าทางพีชคณิตเลยจะใช้ x แทนในการศึกษา)
ซึ่งเพื่อแยกกันอย่างชัดเจน จึงใช้สัญลักษณ์ ζ , η , θ , ι แทนค่ามุมหรือมุมเป็นลำดับชัดเจนอาจจะใช้ α , β , γ ได้เช่นกัน
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้นเมื่อในห้องเรียนเราเรียกตัว θ ว่า เซต้า (zeta) ทั้งที่จริง ๆ แล้วเรียกว่า ทีต้า (theta)
และตัวเซต้าจริง ๆ ก็คือตัวนี้ ζ จึงทำให้ผมเก็บคำถามนี้ไว้ในใจจนกระทั่งได้เรียนเรื่อง phonetics ของภาษาอังกฤษกับวิทยากรที่เรารัก จึงเป็นที่มาของโพสต์นี้ครับ
ย้อนกลับไปก่อนม.4 เล็กน้อย บางครั้งเวลาเราแปลภาษาในโปรแกรมต่าง ๆ ข้างล่างของคำต่าง ๆ จะมีอักษรที่อ่านไม่รู้เรื่องที่อยู่ภายใต้ bracket / ... /
ซึ่งสิ่งนั้นคือวิธีการอ่านหรือการออกเสียงคำ ๆ นั้นครับ เพราะในบางครั้งคำ ๆ หนึ่งก็มีการพ้องรูปพ้องเสียงหรือการขึ้นเสียงลงเสียงทำให้หน้าที่ของคำเปลี่ยนไป หรือเป็นคำยืมรูปเปลี่ยนเสียงไม่เปลี่ยนครับ
รวมไปถึงอ่านเช่นนั้น เพราะ สังคมอ่านแบบนั้นครับ
(ในโพสต์ที่แล้วก็ได้อธิบายไปบางส่วนของภาษาอังกฤษที่ไม่ได้มีการปฏิวัติก่อนตีพิมพ์ลงในหนังสือครับ)
เราจะเรียกอักษรภายใต้ bracket ว่า phoneme ครับซึ่งทำให้ผมเรียนวิชาภาษาต่าง ๆ ง่ายขึ้นด้วยเจ้า phoneme นี่แหละ
(จากโพสต์ที่แล้ว บางครั้งเราไม่ชอบเรียน เพราะ กลัวการออกเสียงจึงทำให้ไม่กล้าพูด แต่หากลองสัมผัสสิ่งนี้ดูอาจจะทำให้โอเคขึ้น ... มั้งครับ555)
โอเคครับ สิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับการเรียก θ ว่า เซต้า เราจะไปดูกันที่ phonemes of theta กันครับ
phonemes of theta
- UK : /ˈθiːtə/
- US : /ˈθeɪtə/
เพิ่มเติมครับ
- Ancient Greek : θέτα thē̂ta [tʰɛ̂ːta] ;
- Modern : θήτα thī́ta [ˈθita])
ซึ่งอยากใช้สังเกต th เวลาออกเสียง ท , ต จะใช้ /θ/ แทนครับ ซึ่งสอดคล้องกับสัญลักษณ์ θ ครับ
ปัญหากรออกเสียงเลยไม่ได้เกิดสำหรับคนที่ใช้ภาษาที่รากศัพท์ของยุโรปเหนือครับ
แต่อย่างที่รู้กันครับ ภาษาของทางยุโรปนั้นรากศัพท์มาจากภาษาละตินซึ่งมี 26 อักษรล้านเสียงล้านสำเนียงครับ
และฝั่งที่เริ่มศึกษาคณิตศาสตร์ต่อจากกรีกนั้นคืออิตาลี สเปน ฝรั่งเศสครับ ซึ่งประเทศเหล่านี้จะรับอิทธิพลจากฝั่งเอเชียเสียเยอะครับ
เช่น ส้ม : orange
- ภาษาสเปนเรียกว่า naranja : /naˈɾaŋ.xa/ : นา-รัง-คะ
- ภาษาสันสกฤตเรียกว่า नारङ्ग : /nāraṅga/ : นา-รัง-กะ
และมีอักษรอยู่ตัวหนึ่งนั่นคือ Z ซึ่ง phonetic key ของอักษรนี้นั่นคือ zeta ออกเสียงว่า /ˈziːtə/ หรือ เซต้า ในภาษอังกฤษ แต่ทางภาษาสเปนจะใช้ /s/ หรือ /θ/ จะเขียนเป็น /θe.'ta/
ซึ่งเมื่อมุม θ จากกรีกเข้าไปจึงมีการอ่านอกเสียงเป็น เซต้า และในสัญลักลักษณ์แทนมุมก็มีตัว ζ อยู่แล้วจึงทำให้เกิดการอ่านแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนแพร่เข้าสู่ทางเอเชียทางอินเดียหรือการเดินเรือ ทำให้การอ่านออกเสียง เซต้า แพร่หลายมากขึ้นจนมาถึงที่ไทยครับ
โดยส่วนตัวไม่ได้เป็นทั้งนักคณิตศาสตร์และนักภาษาศาสตร์ ข้อสรุปหรือ approach นี้ได้มาตอนที่ผมเก็บปัญหาต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีโอกาสเริ่มเรียนภาษาสเปนแล้วหาข้อมูลเพิ่มครับ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
แค่เผื่อมีคนสงสัยเช่นผมแล้วเปิดมาเจอพอดี555
ขอบคุณมากครับ
โฆษณา