Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Thanalysts
•
ติดตาม
30 มิ.ย. 2023 เวลา 03:20 • หนังสือ
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่แปลอย่างจริงจังตั้งแต่ เล่มที่ 1 - 32
ส่วนภาคมหาลัยดูก่อนว่าทำเล่มจบออกมาดีแค่ไหน (ถึงจะเคยอ่านสปอยมาบ้างแล้วก็เถอะครับ)
แต่ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์ในไทยของ zenshu ถึงเล่ม 16 แต่เหตุที่ทนไม่ไหวอยากแปลเองมีประมาณ 2 ข้อ
1.เล่มมันออกช้าเกิน ... เรื่องมันจบไปได้หลายปีแล้วแต่ไทยเพิ่งจะเล่ม 16 ถ้ารอถึง 32 รากงอกแน่ ๆ
2.เหมือนว่าจะเป็นเหตุผลของข้อที่ 1 หลังจากที่สงสัยมากว่าทำไมถึงออกช้าขนาดนี้กับการใช้คำที่...ทำเอาแทบอยากด่าคนแปล จึงได้ค้นหาความจริง
ซึ่งก็คือเรื่องนี้หาคนแปลยาก คนแปลแต่ละเล่มต้องใช้หลายคนและไม่ค่อยมีใครอยากแปล
แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องแนวฟิสิกส์กับวิศวกรรมจ๋า คนก็คงไม่เอาเยอะ เพราะ คำที่ไม่คุ้น
"เรื่องแนว engineer ก็ต้องให้ engineer แปลสิฟร่ะ555"
แต่ถามว่า engineer จะมาหาอ่านเรื่องแบบนี้ไหม ... 555
สรุปก็คือผมที่มาแปลแบบนี้เป็นแค่ความพอใจส่วนตัวรวมกับความขัดใจที่อ่านถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้
ใครที่อยากรู้ว่ามันขนาดนั้นเลยเหรอ ลองซื้อแค่เล่ม 1 มาอ่านครับ555 บางทีคุณอาจจะชอบมากกว่าผมก็ได้
โอเคครับ คนที่อยากรู้ว่าเรื่องเป็นยังไงแบบเอามันส์ไปหาเมะมาดูก่อนได้ครับ
"พี่น้องปริศนา โรงเรียนมหาเวท"
หรือจะอ่านผ่าน ๆ ของผมก็ได้เช่นกันครับ
Mahouka #0 พื้นฐานของโลก
โอเคครับ หากจะพูดถึงเวทย์มนตร์ก็คงเป็นอะไรที่ขัดกับหลักวิทยาศาตร์ไปหน่อย
เพราะเพียงแค่ความนึกคิดของคนเราไม่อาจเปลี่ยนแปลงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้เหมือนพลังเวทย์
แต่ว่าหากลองมองย้อนกลับในยุคคลาสสิคฟิสิกส์หรือแม้แต่ยุคเปลี่ยนผ่าน
ได้มีคำที่ฝังอยู่ในใจของเหล่านักวิทย์ตลอดมา...นั่นคือ
"พระเจ้าไม่เล่นทอยลูกเต๋า"
เป็นคำง่าย ๆ แต่ความหมายสุดลึกล้ำ
หากจะให้แปลแบบเข้าใจง่ายที่สุด พวกเขาคิดเสมอว่าหากรู้ตำแหน่ง , เวลา , โมเมนตัม ฯลฯ ของสิ่งต่าง ๆ เราจะสามารถรู้อนาคตได้จนแม้กระทั่งอดีตของมัน
หรือกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรคำนวณไม่ได้
การดำเนินไปของปรากฏการณ์ไม่ขึ้นกับความน่าจะเป็น พวกเขาเชื่อแบบนั้นจนกระทั่งเกิดสิ่งที่เรียกว่า 'ควอนตัม' ขึ้น
(แต่เราจะไม่พูดถึงควอนตัมในโพสต์ละกันครับ555)
แต่ยุคนั้นไม่สามารถรู้ข้อมูลได้แม่นยำและทั้งหมด ความเป็นจริงจึงไม่สามารถพิสูจน์ความคิดนั้นได้
จนเกิดจินตนาการถึงปีศาจตนนั้นที่สามารถรับรู้ถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ทั้งหมดนั่นคือ "ปีศาจของลาปลาซ"
จนนำไปสู่แนวคิดใหม่ว่าถ้าหากมีเครื่องมืออะไรสักอย่างที่สามารถรับค่าพวกนั้นได้จะสามารถพิสูจน์ได้
สิ่งนั้นถูกเรียกว่า "ศิลานักปราชญ์" นั่นเอง
นั่นจึงเป็นพื้นฐานของการเล่นแร่แปรธาตุที่เชื่อมั่นว่าจะเปลี่ยนโลหะทั่วไปให้เป็นทองที่เป็นภาพจำของเรา
แต่ถ้าดูจนถึงตรงนี้ก็เห็นได้ชัดว่าจุดเริ่มต้นของเวทย์มนตร์นั้นมีที่มาจากวิทยาสตร์คลาสสิค
เพียงแค่เวทย์มนตร์จะใส่ความง่ายลงไปโดยการเข้าถึงข้อมูลผ่านความคิด บทร่าย คาถาแต่เหล่านักวิทย์จะเข้าถึงข้อมูลผ่านการวัดค่าทั้งหมด
และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมความแฟนตาซียุคก่อนถึงได้มีกลิ่นอายคล้ายกันอย่างน่าประหลาด
จุดเริ่มต้นก็มาจากเหล่านักวิทยาศาสตร์คลาสสิคที่เชื่อมั่นสุดหัวใจว่า
"ความน่าจะเป็นนั้นไม่มีจริง" นั่นเอง
Mahouka #0 พื้นฐานของโลก -1
ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเวทย์มนตร์เกิดจากอะไร หลักการทางเวทย์มนตร์ของเรื่องต่าง ๆ จะขึ้นอยู่ผู้จินตนาการ
ดังนั้นเรามาดูหลักการของเรื่องนี้กันครับ
(อันนี้ใส่จินตนาการของผมเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นอาจจะมีหลักการที่แตกต่างจากความตั้งใจเดิมของผู้แต่งไปบ้าง)
(ดังนั้นอ่านไว้เป็นแนวคิดเอานะครับ555)
จุดเริ่มต้นเกิดจากความสงสัยเล็ก ๆ ที่ว่าปรากฏการณ์ต่าง ๆ นั้นก็จัดเป็นข้อมูลประเภทหนึ่ง
งั้นมันจะมีมิติที่เอาไว้เก็บการเกิดขึ้นของข้อมูลนั้นไหมนะ ?
แน่นอนมนุษย์นั้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเครื่องเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (มิติ) ที่พระเจ้าเป็นคนสร้างนั้นมีจริงหรือไม่
เพราะ มนุษย์นั้นอ่านค่าได้แค่สิ่งที่มนุษย์นิยามไว้
เรื่องนี้จึงได้นิยามมิติหรือเครื่องเก็บข้อมูลขนาดใหญ่นั้นว่า "อิเดีย"
ซึ่งข้อมูลทางปรากฏการณ์ที่จัดเก็บนั้นเรียกว่า "เอดอส"
หรือก็คือค่าข้อมูลตำแหน่ง , เวลา , แรง , โมเมนตัม , พลังงาน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้รวมกันเป็นปรากฏการณ์และถูกเปลี่ยนให้เป็นเอดอสและจัดเก็บในอิเดีย
ถ้าหากเราเข้าถึงเอดอสได้เราก็จะเปลี่ยนแปลงค่าต่าง ๆ ที่เอดอสนั้นบันทึกไว้ได้
สิ่งนั้นเรียกว่าเวทย์มนตร์หรือสูตรดำเนินการ
แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงมิติที่ว่านั้นได้ เพราะมิติจินตนาการที่สมมติเป็นแค่ทฤษฎี
แต่เหล่าจอมเวทย์ (ขอใช้เรียกแทนนักวิจัยที่พิสูจน์เรื่องทฤษฎีนี้นะครับ) ก็ตั้งสมมติฐานว่า
ข้อมูลที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เป็นสิ่งที่อยู่ในโลกนี้แสดงว่าต้องมีอนุภาคบางอย่างเชื่อมเพื่อประกอบเป็นเอดอสแน่ ๆ
(ให้อารมณ์เหมือนเลขฐานเราอ่านค่าในระบบฐานสิบแต่คอมพิวเตอร์อ่านค่าในระบบฐานสอง)
ดังนั้นถ้าหาค่าตัวกลางที่เอาไว้แปลงค่าเป็นเอดอสได้ก็จะสวยงาม
จนค้นพบอนุภาคที่รับค่าข้อมูลต่าง ๆ ขณะเกิดปรากฏการณ์และประกอบเป็นเอดอสขึ้น
ซึ่งปรากฏการณ์ในเรื่องนี้มี 2 ประเภท ได้แก่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือมนุษย์กระทำ (รูปธรรม) และปรากฏการณ์ทางวิญญาณ (นามธรรม)
อนุภาคที่รับค่ารูปธรรมเรียกว่า "ไซออน" หรือ "อนุภาคความคิด"
อนุภาคที่รับค่านามธรรมเรียกว่า "พริออน" หรือ "อนุภาควิญญาณ"
ซึ่งมนุษย์สามารถแก้ไขปรากฏการณ์หรือเอดอสผ่านอนุภาคพวกนี้ได้
ซึ่งขณะเกิดปรากฏการณ์ มนุษย์จะรับอนุภาคเหล่านั้นผ่านร่างกายและสามารถประกอบหรือแทรกแซงการเรียงตัวกันของอนุภาคผ่านความคิดได้
ทำให้เกิดเอดอสหรือปรากฏการณ์ที่ต้องการนั่นเอง
แต่มนุษย์ทุกคนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเอดอสได้ทั้งหมดและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้เท่ากันทุกคน
จึงได้เกิดเครื่องมือต่าง ๆ และวิศวกรรมเวทย์มนตร์ขึ้นที่โลกแห่งนี้นั้นแล
จบการเกริ่นนำครับ555
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย