3 ก.ค. 2023 เวลา 10:00 • การศึกษา

⭐Online course: Basic Concepts in Kinesiology⭐

ผมคิดว่า ก้าวแรกในการเรียนรู้ด้านmovement ไม่ได้มีเรื่องที่ซับซ้อน หรือต้องเข้าใจการเคลื่อนไหวที่advanceอะไรเลยครับ
เพราะสิ่งที่คุณต้องเข้าใจก่อนเป็นอย่างแรกคือ พื้นฐานของการเคลื่อนไหวและเรียนรู้พื้นฐานของโครงสร้างต่างๆในร่างกาย ที่จะเป็นเหมือนฐานพีระมิดให้คุณต่อยอดไปเรียนanatomy, physiology, biomechanics หรือเรื่องที่ยากขึ้นไปได้
แม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าไม่สำคัญ เพราะเวลาที่เราทำงานจริง เราอาจจะไม่มีเวลามานึกถึงเรื่องพื้นฐาน เช่นเรื่องplane of movement, arthrokinematicsของข้อต่อ หรือการทำงานของกล้ามเนื้อแต่ละมัดเป็นต้น แต่ว่าถ้าเรามีความรู้พื้นฐานพวกนี้ มันจะถูกนำมาใช้แบบอัตโนมัติ เวลาที่เราจะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกายใดก็ตาม โดยที่เราอาจจะไม่ได้นึกถึงมันเลย
ตั้งแต่ผมเป็นนักกายภาพบำบัดมา ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับPT, sport science, trainer และอีกหลายๆคนที่ทำงานด้านmovement เวลาส่งเคสกันกลายเป็นติดปัญหาจากความไม่เข้าใจเรื่องbasicพื้นฐานกันเป็นส่วนใหญ่ครับ
ซึ่งเหตุผลหลักๆที่ผมพอจะสรุปได้คือ หลายๆคนเวลาออกแบบท่าออกกำลังกายหรือมองการเคลื่อนไหวอะไรก็ตาม เราใช้ความจำว่าต้องทำยังไงมากกว่าที่จะเข้าใจการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจริงๆ
ผมเลยมองว่าทุกอาชีพจะทำงานร่วมกันได้ดี ทุกคนจะต้องมีcompetencyคือความถนัดหรือจุดเด่นในงานของตัวเอง แต่มันน่าจะมีbasic knowledgeบางอย่างที่เรารู้ร่วมกัน เวลาเราทำงานด้วยกัน ส่งต่อเคสกันหรือปรึกษากัน มันน่าจะดีมากขึ้น และความรู้พื้นฐานพวกนี้บางทีสามารถจะเอาไปต่อยอดงานที่เราทำอยู่ให้ดีมากขึ้นได้ด้วยครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาชีพลักษณะของtrainerที่ต้องมีการออกแบบท่าออกกำลังกายให้กับลูกค้า ถ้าเกิดเราเข้าใจพื้นฐานการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ดี นอกจากคุณจะรู้ว่าออกกำลังกายส่วนไหนต้องเล่นท่าไหนแล้ว ถ้าคุณเข้าใจกลไกการเคลื่อนไหวของร่างกาย, รูปแบบการทำงานของกล้ามเนื้อ, พื้นฐานของkinematic chain หรือความสามารถในการเคลื่อนไหวของข้อต่อแต่ละแบบ ก็จะยิ่งทำให้คุณออกแบบท่าออกกำลังกายได้หลากหลายและเหมาะสมกับลูกค้าของคุณได้มากขึ้น
ซึ่งในหลายๆเคส การออกกำลังกายที่เหมาะสม จะช่วยลดอาการปวดในเบื้องต้น และยังเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บได้อีกด้วยครับ
.
.
ผมเลยออกแบบเป็นคอร์สออนไลน์แรกของเพจPhysioupskill
คือคอร์ส ✨Basic Concepts in Kinesiology✨
.
เนื้อหาในคอร์สผมออกแบบจากการคิดว่า ถ้าวันนี้ผมยังไม่มีความรู้ แต่อยากเข้าใจพื้นฐานของการเคลื่อนไหว ผมต้องเรียนรู้อะไรบ้าง
ซึ่งผมแบ่งเนื้อหาได้เป็น6ส่วนหลักๆ เริ่มจาก
1. Introduction to Kinesiology หัวข้อนี้จะเริ่มจากการพูดถึงพื้นฐานว่าวิชาkinesiology เรียนเกี่ยวกับอะไร ใช้ความรู้พื้นฐานอะไรบ้าง ให้เข้าใจในภาพใหญ่กันก่อน
2. Kinematics vs Kinetics เป็น2คำที่เราเจอกันบ่อยมาก แต่คนส่วนใหญ่มักจะยังไม่ค่อยเข้าใจความหมาย ผมเลยจะหยิบคำทั้ง2คำนี้มาขยายความ
โดยในหัวข้อkinematics ผมก็จะพูดถึง2partใหญ่ๆคือ
- Osteokinematics เป็นpartที่จะทำให้คุณเข้าใจการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในร่างกายผ่านplane of movement, axis of rotation, degree of freedom, range of motion และอีกpartนึงคือ
- Arthrokinematics ที่จะทำให้คุณเข้าใจmovementเล็กๆที่เกิดขึ้นในข้อต่อ ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการเคลื่อนไหว คือการROLL, SLIDE, SPIN
.
และปิดท้ายด้วยการทำงานที่เชื่อมต่อกันของร่างกาย คือหลักการเบื้องต้นของKinematic chain
ส่วนในเรื่องของkinetics คุณจะได้เรียนรู้ความหมายของแรง และประเภทของแรงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย, ความแตกต่างระหว่าง forceกับtorque, การคำนวณเรื่องmoment ซึ่งจะนำมาสู่การอธิบายเรื่องmusculoskeletal lever หรือคานทั้ง3ประเภทที่อยู่ในร่างกายของเรา นอกจากนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรง คือหัวข้อlength-tension relationship, force-velocity relationship, stress-strain curve และcreep phenomenon ซึ่งสามารถนำไปอธิบายกลไกของการออกกำลังกายและยืดกล้ามเนื้อได้ครับ
3. Basic structure of human joint ในหัวข้อนี้ผมจะเริ่มจากการอธิบายความแตกต่างระหว่างกระดูกแกน(axial skeleton) และกระดูกรยางค์(appendicular skeleton)ก่อน จากนั้นผมจะพูดต่อถึงเรื่องการแบ่งประเภทของข้อต่อในร่างกายและลักษณะของข้อต่อแต่ละแบบ ซึ่งจะมีผลมากต่อรูปแบบการเคลื่อนไหวของร่างกาย และปิดท้ายด้วยโครงสร้างของboneและcartilage
4. Muscle structure and function หัวข้อนี้น่าจะเป็นหัวข้อที่เนื้อหาเยอะที่สุดในคอร์สนี้ และน่าจะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดครับ
ในหัวข้อนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ รายละเอียดเกี่ยวกับกล้ามเนื้อทั้งหมด คือ
- 3 types of muscle ประเภทของกล้ามเนื้อในร่างกาย
- muscle structure โครงสร้างของกล้ามเนื้อลาย ตั้งแต่ขนาดใหญ่อย่างmuscle belly ลงไปจนถึงระดับเซลล์ และหน่วยย่อยอย่างsarcomere
- muscle morphology และ muscle architecture คือรูปร่างของกล้ามเนื้อและการวางตัวของfiber ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการออกแรง และยังมีผลต่อrange of motionด้วยครับ
- 2 types of contractile fiber ความแตกต่างระหว่างslow fiber(type I) และfast fiber(type II) เรื่องสำคัญที่เราต้องเข้าใจก่อนจะเทรนนักกีฬา
- 3 types of muscle contraction ประเภทการทำงานของกล้ามเนื้อ อย่างconcentric, eccentric, isometric
- 4 roles of muscle หน้าที่การทำงานของกล้ามเนื้อไม่ได้มีแค่การเคลื่อนไหวเท่านั้น หัวข้อนี้ผมจะพูดถึงหน้าที่การทำงานของกล้ามเนื้อทั้ง4แบบ คือagonist, antagonist, synergistและ fixator
นอกจากนี้ ทุกวันนี้ทั้งการรักษาและการออกกำลังกาย โดยเฉพาะโยคะ เราหันมาสนใจfasciaในร่างกายมากขึ้น ผมเลยจะพูดถึงพื้นฐานของfascia คือเรื่ององค์ประกอบของfascia, คุณสมบัติของfascia รวมถึงพื้นฐานของmyofascialและtensegrity systemครับ
5. Neuromuscular system ในหัวข้อนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทในร่างกาย โครงสร้างของperipheral nerve และเซลล์ประสาทหรือneuron รวมถึงผมจะพูดถึงการทำงานของneuromuscular pattern, การรับsensory inputของร่างกายผ่านexteroceptive sense, muscle spindle, golgi tendon organและระบบประสาทสั่งการหรือmotor response
อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญมากคือneuro signหรืออาการทางระบบประสาทที่เราพบได้บ่อย เพื่อให้คุณสามารถscreenเบื้องต้นได้ ว่าอาการแบบไหนที่สามารถออกกำลังต่อได้ หรืออาการแบบไหนที่ควรส่งต่อครับ
6. Biomechanical principles ในหัวข้อสุดท้ายนี้ ผมจะเริ่มจากการทบทวนกฎของNewtonทั้ง3ข้อ และพื้นฐานของforceกับtorque จากนั้นผมจะพูดถึง การวิเคราะห์การคำนวณผ่านfree body diagram และพื้นฐานการคำนวณทางbiomechanics ในisometric phaseครับ
ด้วยเนื้อหากว่า6ชั่วโมงนี้ ผมคิดว่าจะทำให้คุณเข้าใจconceptsพื้นฐานการเคลื่อนไหวอย่างเพียงพอที่จะทำให้คุณนำไปต่อยอดกับงานของคุณได้ครับ
สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่า การเข้าใจความรู้พื้นฐานพวกนี้ แตกต่างจากการจำท่าออกกำลังกายไปใช้ยังไง ผมจะลองยกตัวอย่างประมาณนี้ครับ
เช่น หลายๆครั้งปัญหาอาการบาดเจ็บของคนไข้หรือนักกีฬา ไม่ได้เกิดจากการweakของกล้ามเนื้อทั้งมัด ในทุกrange ที่เราจะtrainได้อย่างตรงไปตรงมา แต่อาจจะweakในแค่บางrangeที่ต้องมีการฝึกเฉพาะในrangeนั้น ซึ่งเราอาจจะต้องเปลี่ยนท่า หรือปรับpositionในการฝึกให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
หรือในบางครั้ง อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นนั้น ก็อาจจะไม่ได้เกิดจากความweakของของกล้ามเนื้อในตำแหน่งนั้น แต่อาจจะเกิดจากกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่เป็นตัวstabilizer นี่เลยเป็นเหตุผลที่เราต้องเข้าใจกลไกการเคลื่อนไหว, การออกแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงหน้าที่การทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่ได้มีแค่การเคลื่อนไหวครับ
หรือบางกีฬาที่ต้องมีการฝึกให้เหมาะสมกับกีฬานั้น เช่น บางกีฬาบางชนิดที่ต้องใช้muscle enduranceสูง เราต้องฝึกกระตุ้นmuscle fiber type I(slow fiber) ผ่านการฝึกแบบlow intensity, high repetition แต่กีฬาบางอย่างที่ต้องใช้แรงมากๆ จะต้องมีการใช้งานmuscle fiber type II(fast fiber)ที่เด่นกว่า การฝึกจึงต้องต่างกัน เราเลยต้องเข้าใจในรูปร่างและประเภทของmuscle fiber
และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญมาก คือความปลอดภัยในการออกกำลังกาย ในกรณีที่เป็นคนไข้หรือคนที่มาเทรนกับเรามีอาการปวด หรือมีneuro signบางอย่างเช่นชา, ไม่มีแรง, ออกแรงไม่ค่อยดี, ทรงตัวไม่ค่อยดี อาการเหล่านี้ บางครั้งลูกค้าเค้าอาจจะไม่ได้มีอาการมาก แต่ถ้าเราเข้าใจการทำงานของระบบประสาทในเบื้องต้น เราจะพอที่จะscreenได้ว่าคนๆนั้นexerciseต่อได้หรือควรส่งไปรับการรักษาก่อน บางทีการที่เราไม่รู้และฝืนexerciseต่อไปอาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้ครับ
อันนี้เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆว่าความเข้าใจเรื่องพื้นฐานมันสำคัญกับงานของพวกเราครับ
ถ้าหากคุณเจอปัญหาพวกนี้ แต่คุณยังไม่เข้าใจกลไกที่เกิดขึ้น ก็แปลว่าคุณอาจจะยังขาดความเข้าใจพื้นฐานบางอย่างอยู่ครับ
ถ้าถามว่าเนื้อหาพวกนี้หาอ่านเองได้ไหม ต้องบอกว่า"ได้ครับ" แต่จะใช้เวลานานแน่นอน เพราะแต่ละหัวข้อเนื้อค่อนข้างเยอะและต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ผมเลยรวบรวมแก่นสำคัญๆ อ้างอิงจากtextbookหลายๆเล่ม มาอธิบายไว้ในคอร์สนี้ทั้งหมดแล้วครับ ถือว่าผมเอาความรู้มาแชร์กับคุณ ช่วยประหยัดเวลาให้คุณเอาเวลาไปทำในสิ่งที่คุณอยากทำละกันครับ
ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดอะไร แค่ผมมองว่าถ้าเราจะต่อยอดการเรียนรู้ให้ไปได้ไกล ต้องเริ่มจากการมีพื้นฐานที่ดีเป็นสิ่งแรกเท่านั้นครับ
คอร์สนี้เหมาะสำหรับใคร
✅ Personal trainer
✅ Sport scientist
✅ Movement specialist
✅ Yoga/Pilates instructor
✅ Physiotherapist ที่ต้องการทบทวนความรู้
✅ นักศึกษาและผู้ที่สนใจเริ่มศึกษาด้านmovement
📖 รูปแบบการเรียนของคอร์สนี้
จะเรียนผ่านคลิปสอนกว่า6ชั่วโมง พร้อมเอกสารประกอบการสอน ที่อยู่ในFacebookกลุ่มปิด สามารถกลับมาทบทวนได้ตลอดชีวิต หากมีข้อสงสัยสามารถcommentไว้ในกลุ่มหรือinboxเข้ามาถามผมได้ตลอดเวลา(และหากมีการสอนในversionใหม่ๆ คลิปสอนจะถูกนำมาลงไว้ในกลุ่มนี้ด้วย คนที่เคยลงเรียนแล้วก็สามารถกลับมาย้อนเรียนversionใหม่ๆได้ตลอดด้วยครับ)
.
.
สำหรับทุกคนที่อยากพัฒนาความรู้
⭐ Promotionพิเศษ สำหรับ50คนแรกที่สมัครเรียนคอร์ส "Basic Concepts in Kinesiology" จากราคาเต็ม 3,500บาท เหลือเพียง 2,500บาทเท่านั้น
.
✍️สามารถสมัครได้ที่Linkนี้ได้เลยครับ
!! ส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับคนที่สมัครผ่าน LineOAของเพจphysioupskill
เพียงแค่add Line: @physioupskill หรือกดที่ลิ้ง https://lin.ee/yWSSQjS แล้วพิมพ์ "KINE101" รับส่วนลดเพิ่มอีก 500บาท เหลือเพียง 2,000บาทเท่านั้นครับ
.
!! และราคาพิเศษสำหรับน้องๆนักศึกษาคณะใดก็ได้ สามารถสมัครเรียนได้ในราคาพิเศษ 1,500บาทเท่านั้น(ขอแค่ช่วยแชร์โพสต์นี้ให้พี่หน่อยนะครับ)
.
แล้วพบกันในคอร์สนะครับ
_PhysioUpskill_
โฆษณา