Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BrandCase
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
5 ก.ค. 2023 เวลา 11:09 • ธุรกิจ
ธุรกิจพ็อปคอร์น-เครื่องดื่ม ของ Major รายได้เยอะกว่า ยอดขายเถ้าแก่น้อย ในไทย
รู้ไหมว่าปีที่แล้ว โรงภาพยนตร์ Major Cineplex มีรายได้จากการขายพ็อปคอร์น เครื่องดื่ม และของทานเล่น ทั้งหมด 1,717 ล้านบาท
2
ถ้าลองเทียบกับรายได้ของ เถ้าแก่น้อย เฉพาะที่ขายได้ในไทย ปีที่แล้ว มีรายได้ 1,662 ล้านบาท
จะเห็นว่า พ็อปคอร์นของ Major Cineplex ทำรายได้ดีกว่าเถ้าแก่น้อยในไทยเสียอีก
1
ที่น่าสนใจคือ ช่วงก่อนวิกฤติโรคระบาด ที่คนไปดูหนังในโรงภาพยนตร์กันเต็มที่ ยอดขายพ็อปคอร์นและของทานเล่นของ Major Cineplex ก็ทำได้เยอะกว่าตอนนี้อีก
มีอะไรน่าสนใจอีกบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้
BrandCase จะพาไปเจาะลึกธุรกิจนี้ ของโรงภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ในไทย อย่าง Major Cineplex กัน
1
เจ้าของโรงภาพยนตร์ Major Cineplex ก็คือ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเราขอเรียกสั้น ๆ ว่า Major
Major ในปี 2565 บริษัทมีรายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 6,749 ล้านบาท
โดยรายได้จากการขาย มาจาก
- ธุรกิจจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ 48%
- ธุรกิจพ็อปคอร์นและเครื่องดื่ม 25%
- ธุรกิจสื่อโฆษณา 10%
- ธุรกิจโบว์ลิงและคาราโอเกะ 5%
- ธุรกิจให้เช่าพื้นที่และบริการ 4%
- ธุรกิจอื่น ๆ 8%
จะเห็นว่า ธุรกิจพ็อปคอร์นของ Major นั้น คิดเป็นยอดขายประมาณ 1 ใน 4 ของยอดขายบริษัทเลยทีเดียว
และหากย้อนดู รายได้ 4 ปีที่ผ่านมา เฉพาะธุรกิจพ็อปคอร์นและเครื่องดื่ม
ปี 2562 รายได้ 2,097 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 715 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 786 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 1,717 ล้านบาท
3
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด Major มีรายได้จากธุรกิจนี้มากกว่า 2,000 ล้านบาท
ในขณะที่ปี 2563 และปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดหนัก ๆ Major ก็ยังมีรายได้จากการขายพ็อปคอร์นในระดับ 700 ล้านบาทต่อปี ทั้ง ๆ ที่โรงภาพยนตร์บางช่วง แทบไม่มีคนเลย
ซึ่งที่เป็นแบบนี้ หลายคนคงพอเดาออก
เพราะช่วงที่โรงภาพยนตร์เปิดไม่ได้ตามปกติจนถึงตอนนี้ Major เอาพ็อปคอร์นมาลงขายตามช่องทางดิลิเวอรี แล้วก็ได้ผลตอบรับที่ดี
ทีนี้พอคนเริ่มกลับไปดูหนังในโรงภาพยนตร์มากขึ้น
ปีที่ผ่านมา Major ก็มีรายได้จากการขายพ็อปคอร์นถึง 1,717 ล้านบาท ซึ่งกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่วิกฤติจะเกิดขึ้นแล้ว
โดยรายได้จากการขายพ็อปคอร์นและเครื่องดื่ม 70% เป็นการซื้อหน้าโรง เพื่อเอาไปทานระหว่างรับชมภาพยนตร์
3
ส่วนที่เหลือ เป็นการซื้อกลับไปทานนอกโรงภาพยนตร์ แบ่งได้เป็น
- ซื้อจากแอปพลิเคชันดิลิเวอรี 13.4%
- ซื้อจากจุดจำหน่ายนอกโรงภาพยนตร์ 9.0%
- ซื้อจากแพลตฟอร์ม E-Commerce 5.9%
- ช่องทางอื่น ๆ 1.7%
3
แล้วธุรกิจพ็อปคอร์นและเครื่องดื่มของ Major สร้างกำไรให้บริษัท เยอะขนาดไหนกัน ?
ทาง Major บอกว่า Gross Margin หรือ อัตรากำไรขั้นต้น ของการขายพ็อปคอร์นและเครื่องดื่ม อยู่ที่ประมาณ 55-60%
1
คือหมายความว่า ทุก ๆ 100 บาท ที่เราจ่ายค่าพ็อปคอร์นและเครื่องดื่มไปนั้น เมื่อหักต้นทุนค่าวัตถุดิบออกแล้ว บริษัทจะมีกำไรขั้นต้น อยู่ที่ 55-60 บาท
ซึ่งอัตรากำไรระดับนี้ ถือว่าค่อนข้างสูง
ที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะ Major สามารถขายสินค้าพวกนี้ในราคาสูงกว่าต้นทุนได้มาก เพราะว่ามีกฎห้ามเอาอาหารและเครื่องดื่มจากข้างนอก เข้าโรงภาพยนตร์
คนที่อยากซื้อน้ำ ซื้อขนมทานตอนดูหนัง ก็ต้องยอมจ่ายตามราคาที่ Major ขาย
1
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะนึกไม่ออก ว่ายอดขาย 1,717 ล้านบาท ที่ว่า มันเยอะขนาดไหน
2
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราลองเอารายได้ของธุรกิจพ็อปคอร์นและเครื่องดื่มของ Major ไปเทียบกับรายได้ของ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย กันดู
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย
ปี 2565 เถ้าแก่น้อย มีรายได้รวม 4,367 ล้านบาท
โดยเป็นยอดขายจาก
- ไทย 1,662 ล้านบาท
- จีน 1,110 ล้านบาท
- ประเทศอื่น ๆ อีก 1,595 ล้านบาท
จะเห็นว่า หากเทียบกันเฉพาะในไทย ธุรกิจพ็อปคอร์นและเครื่องดื่ม ของ Major มียอดขายดีกว่า สาหร่ายของเถ้าแก่น้อยเสียอีก..
โดยรูปแบบการขายพ็อปคอร์นของ Major คือ ใช้ห้างสรรพสินค้าและโรงภาพยนตร์ เป็นที่ผลิตพ็อปคอร์น โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงาน หรือช่องทางโลจิสติกส์เลย
และที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ ภายในปีนี้ พ็อปคอร์นของ Major กำลังจะบรรจุถุงขายในร้าน 7-Eleven
1
ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่า ผลตอบรับจะเป็นอย่างไร..
References
-รายงานประจำปี Major
-Company Visit Major
ธุรกิจ
52 บันทึก
72
4
107
52
72
4
107
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย