11 ก.ค. 2023 เวลา 01:00 • เกม

จินตนาการผจญภัยในป่าสมัยเด็กของ ‘ชิเงรุ มิยาโมโต’ สู่ตำนาน ‘The Legend of Zelda’

เกมโอเพนเวิลด์แสนล้านของนินเทนโด
หลังจากที่รอกันมานานกับ ‘The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom’ ภาคใหม่ของเกมที่คนไทยเรียกติดปากว่า ‘เซลด้า’ (Zelda) ก็เปิดให้เล่นกันไปแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2023
ได้รับคำวิจารณ์ 10 เต็ม 10 จากหลายสื่อหลักวงการเกม เปิดขายเพียง 3 วัน ก็มียอดขายทะลุ 10 ล้านชุดไปแล้ว เป็นเกมเซลด้าที่ขายได้เร็วที่สุด ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จต่อเนื่องมาจากภาคก่อนหน้านี้อย่าง ‘The Legend of Zelda: Breath of the Wild’ ที่สร้างปรากฏการณ์กวาดรางวัล ‘Game of the year Award’ จากแทบทุกสำนักมาแล้วในปี 2017 ด้วยการเล่นในรูปแบบ Open World ที่ผู้เล่นสามารถทำทุกอย่างได้ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งสำรวจ หาอาวุธ ทำอาหาร ขี่ม้า หรือหากห้าวพอก็ไปจัดการ ‘กานอน’ (Ganon) บอสใหญ่ตั้งแต่เริ่มเลยก็ได้
แฟรนไชส์เกมเซลด้าเริ่มวางจำหน่ายภาคแรกในปี 1986 และสร้างปรากฏการณ์มากมายจนเป็นที่ตั้งตาคอยของแฟน ๆ ในทุกภาคที่ออกวางจำหน่าย วันนี้ aomMONEY เลยไม่พลาดที่จะพาเพื่อน ๆ ย้อนกลับไปดูที่มาของเกมผู้กล้าชุดเขียว ที่สร้างรายได้มหาศาลให้นินเทนโด (Nintendo) เกมนี้กัน
#จินตนาการผจญภัยในป่า
ในปี 1984 ขณะที่ทีมงานของ ชิเงรุ มิยาโมโต (Shigeru Miyamoto) กำลังพัฒนาสุดยอดเกมอย่าง ซูเปอร์มาริโอบราเธอส์ (Super Mario Bro.) แต่ก็มีแผนงานสร้างเกมเรือธงให้อุปกรณ์ใหม่ที่ชื่อว่า ‘Famicom Disk System’ ที่จะทำให้เครื่อง Famicom สามารถเขียนข้อมูลลงฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disc.) ซึ่งจะเพิ่มขนาดตัวเกมให้ใหญ่กว่าตลับเกมแบบเดิมได้ เขาจึงอยากสร้างเกมใหม่ที่จะทำให้ผู้เล่นต้องเป็นคนวางแผนเอง ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แตกต่างจากซูเปอร์มาริโอบราเธอส์ที่มีเนื้อเรื่องเป็นเส้นตรง
ชิเงรุเลยจับคู่กับทาเคชิ เทะซึกะ (Takashi Tezuka) นักออกแบบเกมฝีมือดีอีกคนให้มาช่วยสร้างเกมนี้ด้วยกัน โดยชิเงรุวางไอเดียเริ่มต้นให้เกมนี้จะเต็มไปด้วยการผจญภัยในป่าและเขาวงกต ที่ได้แรงบันดาลใจจากการออกไปเที่ยวป่าแถวบ้านพร้อมตะเกียงสมัยยังเด็ก และจินตนาการว่านี่เป็นการผจญภัยอันยิ่งใหญ่
"มีถ้ำและภูเขา เราไม่มีของเล่นมากมาย ดังนั้นผมจะทำหนังสติ๊ก ทำหุ่นกระบอก เดินเข้าไปในป่าเพื่อทำให้ตัวเองสนุก” ชิเงรุกล่าว
เริ่มแรกตัวเกมถูกวางรูปแบบให้ผู้เล่นสองคนสร้างเขาวงกตแล้วแลกเปลี่ยนกันสำรวจ แต่พอทดลองเล่นพบว่า ผู้เล่นเพลิดเพลินกับการสำรวจมากกว่าต้องไปสร้างแผนที่เอง ชิเงรุเลยพบแนวทางในการสร้างเกมที่หันมาเน้นการสำรวจ แต่เมื่อพัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็เกิดการเชื่อมต่อกันของทุ่งโล่ง ป่า เขาวงกต (ต่อมาถูกเรียกว่า ดันเจียน—Dungeon- ) จึงเริ่มมีแนวคิดที่จะใส่เรื่องราวให้การผจญภัย ผสมกับกลิ่นอายของเกมอย่าง The Black Onyx, Ultima และ The Tower of Druaga ซึ่งเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นในขณะนั้น
#Link_ตัวละครเอกที่เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
ทีมงานเริ่มร่างเนื้อเรื่องโดยได้ เคนจิ เทรูอิ (Keiji Terui) ผู้เขียนบทที่เคยทำแอนิเมชันเรื่อง Doctor Slum และ Dragon Ball มาช่วยสร้างเรื่องราว โดยชิเงรุ มิยาโมโต ชื่นชอบไอเดียหญิงสาวที่กำลังลำบาก และต้องได้รับความช่วยเหลือ (แบบเดียวกับมาริโอที่ต้องไปช่วยเจ้าหญิงพีช)
อีกทั้งเกมนี้อยากให้มีแนวคิดเรื่องการข้ามเวลาด้วย พวกเขาจึงออกแบบตัวเอกที่ได้แรงบันดาลใจจากปีเตอร์ แพน (Peter Pan) ให้ชื่อว่า ลิงก์ (Link ที่แปลว่าเชื่อมต่อ) เพื่อสื่อว่าตัวเอกตัวนี้จะเป็น ‘ตัวเชื่อม’ ระหว่างอดีตและอนาคต รวมทั้งเชื่อมโยงระหว่างฉากที่ผู้เล่นข้ามไปมาด้วย (แม้ตอนนั้นแนวคิดเรื่องข้ามเวลาจะถูกตัดออก ก่อนจะนำมาใช้ในภาคต่อ ๆ มา)
#แรงบันดาลใจของเจ้าหญิง_Zelda
คำถามที่ผู้เล่นใหม่มักถามคือ ทำไมพระเอกไม่ได้ชื่อเซลด้าล่ะ? ที่มาของเรื่องนี้มีอยู่ว่า ชิเงรุมีความตั้งใจว่าจะตั้งชื่อเกมใหม่นี้ว่า ‘The Legend of -X-‘ โดย X ที่ว่าก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาใส่ดี
คิดอยู่นานก็มีผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์คนหนึ่งได้แนะนำว่า เกมนี้ควรมีนิทานเพื่อเพิ่มมิติให้กับเกมและเจ้าหญิงแสนสวยที่อยู่ในเกมนั้นน่าจะชื่อเซลด้า ที่มาจาก ‘Zelda Fitzgerald’ ภรรยาของนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันเอฟ. สกอตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์ (‘F. Scott Fitzgerald’) ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง ‘The Great Gatsby’ ซึ่งชิเงรุไม่สนใจเรื่องหนังสือนิทาน แต่ชื่นชอบชื่อเซลด้ามากกว่า
เมื่อองค์ประกอบทั้งหมดมาประกอบเข้าด้วย เรื่องราวการผจญภัยของลิงก์ในดินแดนไฮรูล (Hyrule) กับการช่วยเจ้าหญิงเซลด้าจากเจ้าชายผู้ชั่วร้ายกาน่อน ที่มีกลิ่นอายของ ‘The lord of the Ring’ ( เขียนโดย J. R. R. Tolkien) ก็กลายเป็นเกมสุดพิเศษที่มีชื่อว่า ‘The Legend of Zelda’ ที่เรารู้จักกันนั่นเอง
#ความสำเร็จ
ในปี 1985 ซูเปอร์มาริโอบราเธอส์ออกสู่สายตาชาวโลกสร้างเสียงตอบรับที่ดีมาก แต่นินเทนโดก็สามารถยกระดับขึ้นไปอีกด้วยการเปิดตัว The Legend of Zelda ในปี 1986 กลายเป็นต้นกำเนิดเกม Action Adventure ที่พาผู้เล่นไปพบกับการผจญภัย สำรวจ ค้นหาความลับ และให้รางวัลกับผู้ที่ออกค้นหา ทำให้ผู้เล่นกล้าที่จะออกไปสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อหาสมบัติ รวมถึงเป็นเกมแรกที่มีระบบเซฟ (Save) เพื่อให้ผู้เล่นกลับมาเล่นต่อได้ จนกลายเป็นเกมสร้างแรงบันดาลใจให้เกมรุ่นต่อมา
The Legend of Zelda ขายได้มากกว่า 6.5 ล้านชุด บนเครื่อง Famicom Disk System และ Nintendo Entertainment System และตลอด 37 ปีที่ผ่านมา นินเทนโดสร้างภาคต่อของ The Legend of Zelda อีก 17 ภาค, สปินออฟอีก 10 ภาค และมี Remake, Remaster อีกมากมาย รวมแฟรนไชส์เซลด้าทุกภาค ขายไปได้มากกว่า 140 ล้านชุด (ไม่รวม The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom) สร้างยอดขายให้นินเทนโดมากกว่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 120,000 ล้านบาท)
โดย 5 อันดับแฟรนไชส์ The Legend of Zelda ที่ขายได้มากที่สุด ได้แก่
- Breath of the Wild ขายได้ 21 ล้านชุด
- Ocarina of Time ขายได้ 14 ล้านชุด
- Link's Awakening ขายได้ 12 ล้านชุด
- Twilight Princess ขายได้ 10 ล้านชุด
- Phantom Hourglass และ Spirit Tracks ขายได้ 7.8 ล้านชุด
แต่สถิติตรงนี้เชื่อว่า The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom น่าจะเบียดขึ้นแย่งอันดับ 1ได้ เพราะจากการเปิดขายเพียง 3 วัน
นินเทนโดก็ออกมาประกาศความสำเร็จว่า The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom มียอดขายทะลุ 10 ล้านชุด เป็นเกมเซลด้าที่ขายได้เร็วที่สุด และเว็บไซต์ GamesIndustry ก็จัดอันดับให้ Tears of the Kingdom เป็นเกมที่ขายดีที่สุดในสหราชอาณาจักร ทำยอดขายแซงผู้นำเดิมอย่าง Hogwarts Legacy มากกว่า 50% ทั้ง ๆ ที่เซลด้าวางขายบน Nintendo Switch คอนโซลของนินเทนโดเท่านั้น ต่างจากเกมอื่นที่วางขายทั้งใน PC, PlayStation และ Xbox
จากการเดินป่าและความปรารถนาในการเชื่อมต่อกับผู้คนของนักออกแบบเกมอัจฉริยะนาม ชิเงรุ มิยาโมโต ที่ออกแบบเกมผจญภัยโลกกว้างให้อยู่คู่วงการเกมมาเกือบ 40 ปี ทำให้เราได้รู้ว่า จินตนาการวัยเด็กไม่ใช่เรื่องไร้สาระ อาจเป็นจุดตั้งต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็ได้
และอีกหนึ่งปัจจัยที่มอบความสำเร็จให้นินเทนโดคือเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ แนวทางในการสร้างเกมที่ผู้เล่นได้เล่นร่วมกัน ทั้งเพื่อนเล่นกับเพื่อน ครอบครัวเล่นด้วยกัน ซึ่งเกมของพวกเขา เชื่อมต่อพวกเรา เข้าหากันด้วย
“เราตั้งชื่อตัวเอกว่าลิงก์ เพราะเขามีหน้าที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน และตามตัวอักษร— ลิงก์นั้นคือคุณ (ผู้เล่น) ซึ่งขณะที่เล่น คุณจะได้สัมผัสกับตำนานอันยิ่งใหญ่ ตำนานของ The Legend of Zelda” ชิเงรุ มิยาโมโต
เรียบเรียงและเขียนโดย อติพงษ์ ศรนารา
#aomMONEY ​#MoneyStorytelling #StoryofMoney #Nintend #TheLegendOfZelda #Zelda #TearOfTheKingdom #Mario #Adcenture #Action #Games #Famicom #Switch #Finance #Link #BreathOfTheWild #ออมมันนี #เกม #เซลด้า #นินเทนโด #ชิเงรุ
โฆษณา