Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
AdminField
•
ติดตาม
10 ก.ค. 2023 เวลา 12:30 • ประวัติศาสตร์
ยิปซี ทารอต ทาโรต์ ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ (หนึ่ง) ที่เก่าแก่ของโลก
ดังที่ทุกท่านสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ในแต่ละแขนง ส่งผลให้เกิดนวัตกรรม รวมถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่ต้องคอยช่วยกันแก้ไขต่อไป เพื่อโลกที่น่าอยู่ใบนี้
แต่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนั้นเอง ก็ยังมีศาสตร์บางแขนงที่ยังคงอยู่คู่สังคมไม่หายไปไหน เช่น ศาสตร์การพยากรณ์ในทางโหราศาตร์ ซึ่งการพยากรณ์ดังกล่าว ถือว่าเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่ค่อนข้างจะลึกลับซับซ้อน หากไม่ชำนาญพอก็คงทำไม่สามารถที่จะพยากรณ์หรือทำนายได้ การพยากรณ์ก็มีรูปแบบที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น การดูลายมือ กราฟชีวิต ใบไม้ ลูกแก้วทำนาย ดูลายขวัญหัว หรือแม้แต่ “ไพ่ยิปซี” ที่เป็นศาสตร์แห่งการพยากรณ์ หรือ ทำนายอย่างหนึ่งที่ใช้ไพ่เป็นสื่อกลาง
คำว่า ยิปซี (Gypsy) หมายถึง คนกลุ่มหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นชาวฮินดูที่อยู่ในวรรณะต่ำสุด มีฐานะยากจนมาก บ้างก็ว่าถูกขับไล่หรือไม่ก็เร่ร่อนไปตามที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง จนได้มาลงหลักปักฐานอยู่ในทวีปยุโรป ขณะเดียวกัน ในสมัยโบราณ คำว่า ยิปซี ถือเป็นคำเหยียดที่ชาวยุโรปมักเอาไว้เรียกพวกชาวฮินดู ชาวอียิปต์ ซึ่งชาวยิปซีเหล่านี้เองก็ได้นำพาความรู้ ความสามารถในการทำนายเข้ามาเผยแพร่ให้กับชาวยุโรปเมื่อนานมาแล้ว
กลุ่มชาวยิปซีในช่วงศตวรรษที่ 19 (ภาพ: History Today)
สำหรับต้นกำเนิดของไพ่ยิปซี มีความเป็นมาโดยแท้จริงอย่างไร จากที่แห่งใดในโลกนั้น ก็ยังไม่เป็นที่สรุป เพราะต่างฝ่ายต่างก็อ้างอิงถึงหลักฐานที่แตกต่างกันไป ซึ่งหลักฐานชิ้นแรกที่ค้นพบถูกอ้างตัวว่า เกิดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี เป็นชุดไพ่ที่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1392 (พ.ศ. 1935) ในสมัยของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 แห่งฝรั่งเศส หรือสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ ผู้เสียพระสติ (le Fol or le Fou)
พระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 แห่งฝรั่งเศส (ภาพ: All That's Interesting)
การออกแบบยังคงเป็นรูปแบบโรมัน คือ ไพ่ทุกใบจะไม่มีทั้งตัวเลขและตัวหนังสือใด ๆ ปรากฏอยู่ แล้วยังมีการใช้วิธีการพิมพ์แบบดั้งเดิม คือ การแกะไม้ระบายสีแล้วพิมพ์ลงบนกระดาษ
กลับมาที่คำว่า ยิปซี หากไม่ได้เรียกไพ่ชนิดนี้ว่า “ยิปซี” แล้วจะต้องเรียกว่าอะไร แท้จริงแล้ว เรียกว่า “ไพ่ทาโรต์” (บ้างก็เรียกว่า “ไพ่ทารอต”) ซึ่งไพ่ทาโรต์ (Tarot) มาจากคำว่า “โทราห์” (Torah) ที่หมายถึง พระคัมภีร์ของชาวยิว ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณที่มีความใกล้ชิดกับพระคัมภีร์เก่าของชาวคริสต์มาก เปรียบเสมือนกับสารจากสวรรค์ที่มีไว้ เพื่อคอยชี้นำทางให้แก่คนสมัยนั้น
กระทั่งเมื่อไพ่ยิปซีได้เข้ามาในประเทศไทย คนไทยก็พากันเรียกจนติดปากว่า “ไพ่ยิปซี” ฉะนั้นแล้ว ไพ่ยิปซี ก็คือ ไพ่ทาโรต์หรือทารอต ตามแต่จะออกเสียง แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ไม่ใช่ไพ่ยิปซีนั่นเอง
(ภาพ: lacienciadelcafe.com.ar)
ในศตวรรษที่ 18 มีนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า “อองตวน คอร์ท เดอ เชอบรัน” (Antoine Court De Gebelin) ได้เรียกไพ่ยิปซีว่าเป็น “ไพ่แห่งชีวิต” หรือ The Book of Thoth เพราะภาพบนไพ่ได้แสดงถึงความคิดอ่านอย่างลึกลับของผู้ที่นับถือศาสนาในอียิปต์
กล่าวกันว่า น่าจะถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศอียิปต์ เพราะบริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ของอียิปต์ คือศูนย์รวมอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ และได้ก่อกำเนิดพีรามิดกับสฟิงซ์ ที่เต็มไปด้วยความลี้ลับมากมาย ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้ก็ตรงกับนักวิชาการหลายคนที่กล่าวกันว่า ภาพที่ปรากฏบนไพ่นั้น มีความเกี่ยวข้องกับคัมภีร์โบราณของอียิปต์ แม้แต่ชาวอียิปต์ที่ต้องเดินทางเร่ร่อนอยู่ประจำก็จะต้องพกพาไพ่ทาโรต์ หรือไพ่ยิปซีนี้ติดตัวไว้เสมอด้วย
ภาพวาดของอองตวน คอร์ท เดอ เชอบรัน กับไพ่ยิปซี (ภาพ: Occult Encyclopedia)
อนึ่ง ในช่วงศตวรรษที่ 14 สมัยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 แห่งฝรั่งเศส ได้มีหญิงยิปซีนางหนึ่งได้นำไพ่ยิปซีไปถวายความสำราญแด่องค์พระมหากษัตริย์ ด้วยการทำนายถึงเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตลอดจนเรื่องของผู้คนรอบข้างของพระองค์ได้อย่างแม่นยำ จนเกิดเป็นความนิยมอย่างมากในราชสำนัก มากจนถึงมีพระบรมราชโองการสั่งห้ามไม่ให้มีไพ่ยิปซีอยู่ในราชสำนักอีกต่อไป
นอกจากนั้น ยังมีผู้ทำนายไพ่ทาโรต์ที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง ได้แก่ มารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ (Marie Anne Adelaide Lenormand) จากความสามารถในการทำนายที่แม่นยำของเธอ ทำให้เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของสมเด็จพระจักรพรรดินีโจเซฟิน พระอัครมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส (นโปเลียน โบนาปาร์ต)
ในสมัยนั้น หมอดูถือเป็นผู้วิเศษอย่างมาก แล้วยังเป็นความสามารถเฉพาะตัวอีก จึงทำให้เธอสามารถใช้จุดนี้ในการสร้างรายได้ให้แก่ตนมากมายมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้น เธอเองก็เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเช่นกัน
แล้ว มารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ ได้เสียชีวิตไปเมื่อปี ค.ศ. 1843 (พ.ศ. 2386) ในการเสียชีวิตของเธอ ได้มีเรื่องเล่าว่า การเสียชีวิตของมารีนั้นเร็วกว่าที่ทำนายไว้ โดยมารีได้ทำนายว่า เธอต้องมีความเกี่ยวพันกับนกจำพวกกาถึงจะเสียชีวิต แต่ในความเป็นจริง เธอได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายหลังจากที่นกพิราบได้บินเข้ามาในห้อง เนื่องจากสายตาที่ไม่ดีทำให้ทัศนะของเธอมองเห็นนกพิราบเป็นอีกาไป
มารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ กับ สมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส (ภาพ: Pinterest The Gaelic Lenormand by Diana Clark)
นับแต่นั้น ไพ่ยิปซีก็อยู่ในความนิยมสลับกับการสั่งห้ามไปตามยุคสมัย และได้รับความนิยมมาเรื่อยมาไปทั่วทั้งโลก เป็นผลให้รูปแบบของไพ่ก็ได้รับการพัฒนาให้มีความแตกต่างกันไป แต่ยังคงไว้สำหรับความหมายที่ปรากฏบนหน้าไพ่ กระทั่งปี ค.ศ. 1909 – 1910 (พ.ศ. 2452 – 2453) ในประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักรได้มีการตีพิมพ์ไพ่ยิปซีชุด Rider Waite ซึ่งเป็นชุดที่มีชื่อเสียงที่สุดมาจนปัจจุบันนี้
ซึ่งกว่าจะมาเป็นไพ่ยิปซีดังที่เราเห็นกันทุกวันนี้ได้นั้น ก็เริ่มต้นจากการที่ชาวยิปซีสมัยก่อนมักใช้ “ลูกแก้ว” เป็นสื่อกลางในการทำนาย โดยการสะกดจิตผู้ถูกทำนายให้มีความเคลิบเคลิ้มเข้าสู่สมาธิส่วนลึกจนสามารถพูดหรือระลึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ เมื่อชาวยิปซีบางส่วนได้เคลื่อนย้ายมาปักหลักในแถบทวีปยุโรป เกรงว่าการใช้ลูกแก้วจะเป็น “จุดล่อเป้าอย่างดี” ที่จะนำพาภัยอันตรายมาสู่ตัว เพราะในสมัยนั้น เป็นช่วงที่คริสตจักรมีความเกรงกลัวต่อสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้
จนทำให้บุคคลเหล่านั้น ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มด ชาวยิปซีจึงต้องมีการเปลี่ยนวิธีการ โดยหันมาใช้ไพ่ที่ได้มีการสอดแทรกเรื่องราวของเทพเจ้ากรีกหรือเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลลงไป เพื่อความอยู่รอดและความกลมกลืนทางวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากรูปบนไพ่ที่มักเป็นรูปของเชื้อพระวงศ์หรือเทพเจ้าต่าง ๆ ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด
ลักษณะของไพ่ยิปซี จะมีความคล้ายคลึงกับไพ่ป๊อกที่ใช้เล่นกันในปัจจุบัน แต่ไพ่ยิปซีจะมาก่อนป๊อกเด้ง โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชุดด้วยกัน คือ ชุดใหญ่ (Major Arcana) มี 22 ใบจากทั้งหมด 78 ใบ เริ่มตั้งแต่หมายเลข 0-21 แต่ละใบก็จะมีความเชื่อมโยงกับผู้ถูกทำนายกับโชคชะตาที่อยู่เหนือการควบคุม ซึ่งจะมีความหมายที่ค่อนข้างกว้างและไม่สามารถการันตีผลออกมาได้ทันทีว่าจะดีหรือไม่ดี
และชุดเล็ก (Minor Arcana) มีทั้งหมด 56 ใบ ที่จะบ่งบอกถึงการกระทำต่าง ๆ บนโลกนี้ สิ่งที่เกิดรอบตัวเรา เป็นสิ่งที่จับต้องและควบคุมแก้ไขได้ โดยแบ่งออกเป็น 4 ชุดด้วยกัน ประกอบด้วย
- ไพ่ชุดเหรียญ ที่เป็นไพ่ที่มีธาตุเป็นธาตุดิน เหรียญ หมายถึงสิ่งที่จับต้องได้ภายนอก วัตถุ เงิน มีทั้งหมด 14 ใบ
- ไพ่ชุดถ้วย ที่เป็นไพ่ที่มีธาตุเป็นธาตุน้ำ ถ้วย หมายถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความรัก มีทั้งหมด 14 ใบ
- ไพ่ชุดดาบ ที่เป็นไพ่ที่มีธาตุเป็นธาตุลง ดาบ หมายถึง ความคิด ตรรกะ ความรู้ การสื่อสาร มีทั้งหมด 14 ใบ และ
- ไพ่ชุดไม้ ที่เป็นไพ่ที่มีธาตุเป็นธาตุไฟ ไม้ หมายถึง ความต้องการ ความปรารถนา การงาน มีทั้งหมด 14 ใบ
รวมถึงการวางไพ่ทั้งในแนวตั้งและกลับหัวก็มีความหมายเช่นกัน สั้น ๆ อย่างเข้าใจ คือ จะเป็นความหมายตรงกันข้ามกับปกติ ส่วนมากมักจะเป็นความหมายทางด้านลบ หรือ ความลำบากมากกว่าความหมายเดิมอีก (สามารถศึกษาความหมายของไพ่ทั้งหมดได้เพิ่มเติมที่:
https://www.shitsuren-tarot.com/tarot/major-arcana/
และ
https://www.shitsuren-tarot.com/tarot/minor-arcana/
)
(ภาพ: 34th Street Magazine)
เท่าที่ได้มีการศึกษามาถึงการทำงานของไพ่ยิปซี ส่วนใหญ่จะเน้นไปในทางการควบคุมทางจิตวิทยา เมื่อผู้ถูกทำนายได้สำรวมจิตไปที่ไพ่แล้ว ไพ่ก็จะสะท้อนถึงความเป็นตัวตนออกมา ทั้งในเรื่องของกรรมที่ผ่านมาในอดีตมาสู่ปัจจุบันที่จะส่งผลไปยังอนาคต รวมถึงผลกรรมที่จะได้รับจากการกระทำนั้น
ทำให้บางครั้งไพ่สามารถทำนายในสิ่งที่ผู้ถูกทำนายอยากรู้ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจากความแม่นยำนี้เอง ก็ทำให้คนบางคนเกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากสิ่งที่ตนเคยทำไว้ในแต่ครั้งก่อน แล้วจะส่งผลต่อคำทำนาย ณ ช่วงเวลานั้น ในขณะเดียวกัน คนก็จะเกิดเป็นความคิดไปต่าง ๆ นานาว่าไพ่ยิปซีนั้น ต้องมีอาถรรพ์ ความลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่หลังไพ่ ส่วนหนึ่งก็คงมาจากประวัติความเป็นมาอันยาวนาน
(ภาพ: The Honeycombers)
รวมถึง “จิต” ของผู้ถูกทำนาย เป็นกระบวนการสำคัญในการปรุงแต่งให้ห้เกิดผลลัพธ์ไปในทางต่าง ๆ เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านยังไม่พบว่า มีการนำเรื่องราวของไพ่ยิปซีนั้น มาสร้างเป็นภาพยนตร์หรือละครเพื่อแสดงให้เห็นถึง “ความลึกลับ” เลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นกุศโลบายประการหนึ่งในการให้ผู้ทำนายได้รู้จักระวัง ดูแลรักษาไพ่ก็เป็นได้เหมือนกัน ฉะนั้นหากผู้ถูกทำนายปล่อยจิตปล่อยไปสักพักหนึ่งแล้ว เชื่อว่าความคิดก็คงจะเปลี่ยนไปเองอย่างแน่นอน
ดังนั้น การจะดูดวงหรือตรวจโชคชะตาด้วยวิธีการอะไรก็ตามแต่ ทุกท่านก็พึงตั้งมั่นอยู่ใน “สติ” แม้ว่าดวงหรือโชคชะตาจะมีผลต่อการดำเนินชีวิตของเราก็ตาม เราจึงต้องมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา
พร้อมระลึกไว้เสมอว่า เราดูไว้เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขบางอย่างในชีวิตก็เพียงพอ ไม่ต้องทะเยอทะยานทำในสิ่งเกินตัว เพราะสิ่งนั้นอาจจะกลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงเราในภายหลังได้ จึงต้องรู้จักเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับชีวิตตลอดเวลา เหมือนดังท่อนหนึ่งของบทเพลง Live And Learn ที่ขับร้องโดย กมลา สุโกศล ซึ่งกล่าวไว้ว่า
...อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด…
อ้างอิง:
●
ความหมายไพ่ทาโร่ต์ 78 ใบ ดูดวงด้วยตัวเอง ฉบับมือใหม่ ง่ายเว่อร์ โดย Wongnai (
https://www.wongnai.com/beauty-tips/how-to-read-tarot-cards-for-beginners?ref=ct
)
●
ประวัติไพ่ยิปซี หรือ ไพ่ทาโรต์ โดย ทาโรต์ไทยแลนด์ (
http://www.tarotthailand.com/2013/01/tarot-origin/
)
●
ไพ่ยิปซีชั้นสูง (Tarot Master Of Mystery) (
http://jimmytarot.fortunecity.ws/tarot.html
)
●
ไพ่ชุดเล็ก (MINOR ARCANA) โดย Shitsuren Tarot (
https://www.shitsuren-tarot.com/tarot/minor-arcana/
)
●
ไพ่ชุดใหญ่ หรือ ไพ่ MAJOR ARCANA โดย Shitsuren Tarot (
https://www.shitsuren-tarot.com/tarot/major-arcana/
)
#AdminField #ชอบเล่าชอบแชร์แต่ไม่ชอบเป็นคนดีย์
#ไพ่ยิปซี
ไพ่ทาโรต์
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย