9 ก.ค. 2023 เวลา 17:14 • กีฬา

สรุปไทม์ไลน์สำคัญ นำไปสู่การที่ ดาบิด เด เคอา แยกทางกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

ประเด็นเรื่อง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นสัญญาให้ ดาบิด เด เคอา เซ็นไปแล้ว แต่สโมสรไม่ได้เซ็นอนุมัติให้มีผล ถูกแฟนบอลแชร์และพูดถึงต่อๆ กันไปทั่วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ต้นเรื่องที่รายงานข่าวนี้คือ ลอรี่ วิตเวลล์ ผู้สื่อข่าวระดับ tier 1 แห่ง ดิ แอธเลติก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นผู้สื่อข่าวที่ได้รับความน่าเชื่อถือสูง นั่นทำให้อินฟลูเอนเซอร์, เพจฟุตบอลต่างๆ นำไปเสนอข่าวต่อ โดยบางที่ไม่ได้ให้เครดิตแหล่งข่าว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือแทบทุกคนเชื่อว่าเหตุการณ์มันต้องเป็นแบบนั้นไปแล้ว
สื่อหลักอย่างบีบีซียังไม่ได้รายงานแบบนี้ เช่นเดียวกับที่ผมเองก็ยังไม่เห็นว่า เจมส์ ดัคเกอร์ ผู้สื่อข่าวระดับ tier 1 ของ เดอะ เทเลกราฟ รายงานว่าสโมสรทำแบบนั้น ที่เอาเอกสารกลับมาจาก เด เคอา แล้วไม่ยอมเซ็น
ในสัปดาห์นี้ มีสื่ออังกฤษอีกหลายๆ เจ้าตีข่าวไปในทิศทางอีกแบบ เพียงแต่ยังไม่ใช่ระดับ tier 1 เหมือนพวก เดวิด ออร์นสตีน, ไซม่อน สโตน, เจมส์ ดัคเกอร์ หรือ ลอรี่ วิตเวลล์ นั่นเลยอาจทำให้ไม่มีใครนำมาขยายความมากนัก
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ทางด้าน ซามูเอล ลัคเฮิร์สท์ (คนอังกฤษจัดลำดับให้อยู่ประมาณ tier 2 หรืออาจจะ 3) แต่เป็นผู้สื่อข่าวของสื่อท้องถิ่นอย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ นั่นทำให้ควรฟังหูไว้หูบ้าง รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันหนักแน่น ว่าไม่เคยมีการยื่นเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ ทั้งสิ้นให้ เด เคอา เลยทั้งนั้น
จากนั้นในวันนี้ (9 กรกฎาคม 2023) นีล โจนส์ ผู้สื่อข่าวของ เดลี่ เมล์ ก็เผยตรงกันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ยืนยันว่าไม่เคยยื่นเอกสารสัญญาอย่างเป็นทางการ แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องนี้ เอริค เทน ฮาก คือคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการให้สโมสรต่อสัญญาแล้วจ่ายค่าจ้างระดับแพงๆ ให้ เด เคอา อีก และนั่นนำมาสู่การถอยหลังคนละก้าว และมาตัดสินใจกันใหม่ว่าอย่างไรดี
ซึ่งสุดท้ายหลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความชัดเจนว่าจะเดินหน้าคว้าตัว อองเดร โอนาน่า ส่วนตัวของ เด เคอา ยังไม่ได้รับข้อเสนอที่น่าพึงพอใจให้อยู่ต่อ และตัวเขาเองก็ไม่ได้ต้องการจะมารับบทมือสอง (ถ้าเป็นมือหนึ่งต่อ คงเป็นเพราะดีลโอนาน่าล่มลง แล้วสโมสรเซ็นสัญญากับนายประตูดีๆ คนอื่นๆ มาไม่ได้) นั่นนำมาสู่การประกาศอย่างเป็นทางการว่า เด เคอา จะไม่อยู่เฝ้าเสาในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกต่อไป
อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การต่อสัญญาของ ดาบิด เด เคอา ไม่ได้ง่ายเหมือนตำนานของทีมอื่น นั่นก็คือค่าจ้างของเขามันสูงกว่าชาวบ้านเขาหลายเท่าเหมือนกัน แต่สวนทางกันกับผลงานหลังได้สัญญาฉบับสุดท้าย
สัญญาฉบับสุดท้ายที่ เด เคอา เซ็น ลงนามไว้เมื่อวันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2019 หรือตอนที่ฤดูกาลสุดท้ายในสัญญาฉบับเก่า (ที่รับค่าจ้างสัปดาห์ละ 200,000 ปอนด์ หลังย้ายไป เรอัล มาดริด ไม่สำเร็จ) เพิ่งผ่านไปได้แค่เดือนเดียว
ดาบิด เด เคอา ต่อสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครั้งสุดท้ายในปี 2019 ให้อยู่ยาวจนถึงปี 2023 (มีออปชั่นต่อเพิ่มอีกปี แต่ไม่ได้ถูกใช้ เพราะค่าจ้างเขาสูงเกินไป)
สัญญาฉบับดังกล่าวทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูที่ค่าเหนื่อยแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ โลกนี้ไม่เคยมีสโมสรไหนจ่ายค่าจ้างระดับนั้น ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เพดานค่าเหนื่อยทะลุไปขนาดนั้น เพราะมีกรณีของ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ดึงตัวเข้ามาพังเพดานอย่างยับเยิน แต่สตาร์ทีมชาติชิลีกลับทำผลงานไม่คุ้มเงินที่สโมสรจ่ายไปเอาเสียเลย
ระหว่างซีซั่น 2015-16 จนถึง 2018-19 เด เคอา ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอไปถึง 3 ครั้ง (ถ้านับรวม 2012-13 และ 2014-15 ด้วยจะเป็น 5 ครั้ง มากกว่าผู้รักษาประตูทุกคน) นั่นทำให้เอเยนต์เก่าอย่าง จอร์จ เมนเดส นำไปเรียกร้องค่าเหนื่อยที่ต้องสูงใกล้เคียงกับอเล็กซิส ที่ได้ถึงสัปดาห์ละ 500,000 ปอนด์ให้ได้
สุดท้ายสโมสรตกลงจ่าย ทำให้ เด เคอา กลายเป็นผู้รักษาประตูคนแรกของโลกที่มีค่าจ้างจากการลงเล่นสูงถึงสัปดาห์ละ 375,000 ปอนด์
นั่นกลายเป็นชนักติดหลังของสโมสร ที่ผูกมัดตัวของ เด เคอา กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้แยกจากกันไม่ได้ไปอีก 4 ปี (ยังไม่รวมออปชั่นต่อสัญญาเพิ่มอัตโนมัติได้อีก 1 ปีที่สุดท้ายไม่ได้ถูกใช้)
แต่หลังการต่อสัญญาครั้งสุดท้ายของ เด เคอา เมื่อ 4 ปีก่อน สโมสรได้แชมป์เพียงรายการเดียวคือ คาราบาว คัพ ในฤดูกาลล่าสุด และเขาไม่เคยติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเออีกเลย
ยิ่งไปกว่าการเสียสถานะสุดยอดนายประตูผู้เป็นเลิศ สถิติจากพรีเมียร์ลีกยังระบุอีกว่า ตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20 เป็นต้นมา ดาบิด เด เคอา คือผู้รักษาประตูที่ก่อความผิดพลาดโดยตรงให้ทีมเสียประตูรวมกันในลีกถึง 7 ครั้ง มากกว่านายประตูของทีมบิ๊กซิกซ์ทุกคนในช่วงเวลาเดียวกัน
เด เคอา ทำผิดพลาดให้ทีมเสียประตูโดยตรงในลีกถึง 7 ครั้งหลังจากต่อสัญญา
ไอ้ที่เป็นสุดยอดผู้รักษาประตูอันดับหนึ่ง หรืออยู่แถวหน้าของโลก นั่นมันคือเรื่องของช่วงก่อนจะต่อสัญญา แต่พอต่อสัญญาไปแล้ว ไม่เพียงแต่ผลงานในสโมสรจะดร็อปลงเท่านั้น แต่สถานะในทีมชาติยังหลุดไปอีก
ฤดูกาล 2021-22 แม้จะได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรจากการโหวตของเพื่อนร่วมทีม แต่ความเป็นจริงนั่นคือฤดูกาลที่เขาเสียประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดในฤดูกาลเดียวถึง 57 ลูก เก็บคลีนชีตได้แค่ 8 นัดในลีกตลอดทั้งซีซั่น
แล้วด้วยค่าจ้างขนาดนั้น จะมาต่อรองให้ลดลงไปเกินกว่า 50% มันยากสำหรับคนที่ได้เงินระดับนั้นมานานถึง 4 ปี และไม่เคยเป็นตัวสำรองมาก่อน
ส่วนในมุมของสโมสร เขาก็ลำบากใจแน่นอน เพราะคงไม่มีใครอยากจ่ายค่าจ้างระดับสัปดาห์ละ 150,000 ปอนด์ (นี่คือลดลงจากสัญญาเดิมไปเกินครึ่งแล้วนะครับ) ให้กับผู้รักษาประตูที่ผู้จัดการทีมไม่อยากให้เป็นมือหนึ่ง
แล้วผมก็เชื่อด้วยเช่นกัน ว่าตัวของ เด เคอา เอง ก็คงไม่มีความสุขหรอก กับการต้องมาถูกบอกว่า "คุณจะเป็นแค่มือสองนะในฤดูกาลหน้า"
เรื่องของการเปลี่ยนตัวนายประตู มีทั้งแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ที่แน่ๆ คือเห็นตรงกันว่า "สโมสรปฏิบัติกับ เด เคอา ได้แย่" เพราะทำให้นายด่านที่อยู่กับทีมมานานถึง 12 ปี ไม่มีโอกาสได้อำลาสโมสรอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ แต่ทำได้แค่โพสต์บอกลงบนโซเชียลมีเดีย
สาเหตุก็เพราะทุกฝ่ายต่างรอกันหมด เด เคอา รอดูว่าสโมสรจะเอายังไง สโมสรก็รอ เทน ฮาก ตัดสินใจว่าจะให้เป็นมือหนึ่งอยู่ไหม ส่วน เทน ฮาก ก็ขอรอดูฟอร์มของเจ้าของเสื้อเบอร์ 1 จนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล นั่นคือนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กว่าจะฟันฉับว่า "ผมขอผู้รักษาประตูคนใหม่"
เรื่องการตัดสินใจช้าของ เทน ฮาก มองได้สองมุม มันไม่มีผิดไม่มีถูก ขึ้นอยู่กับว่าคุณเข้าข้างฝ่ายไหน
สำหรับผม ผมชัดเจนว่าผมข้างเดียวกันกับผู้จัดการทีม เพราะเขาคงไม่อยากไปบอกกับ เด เคอา ในช่วงท้ายซีซั่นหรอกว่า "คุณจะไม่ได้เป็นมือหนึ่งต่อในฤดูกาลหน้านะ" เพราะมันจะกระทบความมั่นใจในช่วงเกมพรีเมียร์ลีกนัดท้ายๆ ที่ทีมจำเป็นต้องเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดเพื่อคว้าอันดับ 3
เราจะเห็นได้ว่า เทน ฮาก พยายามใช้วิธีพูดออกสื่อกระตุ้นความมั่นใจของ เด เคอา ตลอดด้วยการกล่าวชม และพยายามยืนยันว่าเขายังมีนายประตูคนนี้อยู่ในแผนการทำทีม ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเขาโกหกหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือเขาทำเพื่อให้ผู้รักษาประตูของเขาอยู่ในสภาพดีที่สุด พร้อมที่สุดสำหรับช่วงสำคัญนัดท้ายๆ ของฤดูกาล
การเจอวูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า) บอร์นมัธ (เยือน) และเชลซี (เหย้า) คือเกมที่ต้องชนะให้ได้เพื่อการันตีท็อปโฟร์ แต่ถ้าอยากได้อันดับ 3 ชัวร์ๆ คือ 4 นัดสุดท้ายต้องชนะรวด
อันดับ 3 พรีเมียร์ลีกจะได้รับเงินส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมากกว่าอันดับ 4 ประมาณ 4-5 ล้านปอนด์ แม้จะได้โควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนกัน แต่เงินจำนวนนั้น บวกกับการอยากชนะเกมส่งท้ายในบ้านตัวเอง คือเหตุผลให้ เทน ฮาก ต้องเน้น และเขาก็จัดทีมชุดแกร่งลงไปเจอฟูแล่มแล้วก็เอาชนะได้ 2-1 โดยที่ ดาบิด เด เคอา เซฟจุดโทษไม่ให้ทีมเสียประตูที่ 2 ก่อนยิงแซงคืน
1
ขณะที่เกมนัดชิงชนะเลิศก็มีความสำคัญมากๆ อยู่แล้ว และเขาก็คงอยากให้ เด เคอา มีสมาธิอย่างแน่วแน่ที่สุดกับการเจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ไอ้เรื่องจะได้จัดพิธีอำลาในสนาม มันคงไม่สำคัญไปกว่าทำให้ทีมมีความพร้อมที่สุดที่จะได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ และนั่นคือการแลกมาด้วยโอกาสที่ทำให้ ดาบิด เด เคอา ไม่ได้อำลาแฟนบอลที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
แล้วถ้า เทน ฮาก ไปประกาศโต้งๆ แต่แรกว่าจะไม่เอา เด เคอา แล้วตั้งแต่ตอนนั้น แล้วผลกระทบที่ออกมากลายเป็นว่า เด เคอา ได้อำลาโรงละครแห่งความฝัน แต่ผลการแข่งขันคือผิดเป้า หลุดท็อปโฟร์ เพราะเขาเสียสมาธิ เสียความมั่นใจจนเล่นได้แย่และทำทีมเสียประตู ผมคิดว่าคนจะไม่ให้อภัย เทน ฮาก ยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก แล้วเผลอๆ เด เคอา จะยิ่งจบไม่สวยด้วย
เคสนี้จะต่างกับกรณีของลิเวอร์พูลที่ชัดเจนก่อนจบฤดูกาลไม่กี่นัดว่า โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน จะไม่ได้อยู่ต่อ
เพราะ 4 คนนั้นจะไม่ใช่ 11 ตัวจริงชุดหลักของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่แล้ว อย่างมากก็คือ 2 ใน 4 คนนี้จะเป็นตัวสำรอง แต่ถ้าผลการแข่งขันไม่ต้องลุ้นอะไรแล้ว ถึงได้โอกาสลงตัวจริงแบบที่เกิดขึ้นในเกมที่ลิเวอร์พูลบุกเสมอเซาธ์แฮมป์ตัน 4-4 หลังจากพลาดชัยชนะในเกมกับ แอสตัน วิลล่า ไปซึ่ง ฟีร์มิโน่ ลงมาทำประตูตีเสมอได้ (แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ดันชนะเชลซีในเกมนัดตกค้าง ทำให้ลิเวอร์พูลได้ตั๋ว ยูโรปา ลีก ทันที)
อันที่จริง สโมสรไม่เคยปิดโอกาสที่จะให้ ดาบิด เด เคอา เป็นมือหนึ่งต่อไปอีกสักหน่อย เพราะอย่างน้อยๆ ก็ทนกันมาได้ และเพิ่งคว้ารางวัลถุงมือทองคำจากการเก็บ 17 คลีนชีตในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด (แม้ผมมองว่าคลีนชีตมันไม่ควรถูกเคลมว่าเป็นผลงานของผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวก็ตาม)
เพียงแต่ผลการแข่งขันนัดสุดท้ายของ เด เคอา จริงๆ มันดันออกมาน่าผิดหวัง ไม่ใช่แค่การเสียประตูเร็ว และทำได้แค่ใช้สายตาป้องกัน 2 ประตูของ อิลคาย กุนโดกัน เท่านั้น แต่เกมดังกล่าวมีการเก็บสถิติบันทึกว่า เด เคอา เตะเปิดเกมเสียถึง 12 ครั้งด้วยกัน และไม่สามารถช่วยให้ทีมแกะการเพรสซิ่งสูงของทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เลย
ดาบิด เด เคอา ทำผลงานอย่างน่าผิดหวังในนัดชิง เอฟเอ คัพ ที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ ไป 2-1
มันเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของ เทน ฮาก ขาดผึง และนำมาสู่การตัดสินใจที่ยิ่งเด็ดขาดขึ้น ว่า ดาบิด เด เคอา จะไม่ใช่มือหนึ่งของเขาอีกต่อไป เพราะไม่ใช่แค่เกมนัดชิง เอฟเอ คัพ เท่านั้น แต่ความผิดพลาดที่หนักหน่วงของ เด เคอา ทำให้ทีมแพ้เซบีย่าตกรอบ 8 ทีม ยูโรปา ลีก รวมถึงมีเกมที่ออกไปโดน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ 1-0 ก็รับลูกยิงของ ซาอิด เบนราห์มา พลาด
เรื่องการเตะเปิดเกมไม่ได้เปรียบคือสิ่งที่ เทน ฮาก ยอมอดทนให้ทีมผ่านซีซั่น 2022-23 มาได้ แต่ที่แน่ๆ คือปรัชญาทำทีมฟุตบอลของเขา ทีมต้องสามารถตั้งเกมขึ้นมาได้ตั้งแต่หน้าปากประตู และสามารถทำได้ทั้งแย่งบอลในแดนบนได้ไว และแก้เพรสซิ่งจากคู่แข่งในพื้นที่ตัวเองได้เร็ว แต่ถ้าคนเป็นผู้รักษาประตูมักจะเตะสาดบอลโด่งไปข้างหน้ายาวๆ มันเป็นเรื่องยากที่ทีมจะเล่นให้ได้แบบนั้น
เราจึงได้เห็นการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซีซั่นที่ผ่านมาที่ยังคงต้องพึ่งจังหวะสวนกลับฉาบฉวยอยู่ เพราะองค์ประกอบยังไม่สมบูรณ์พอที่จะเล่นได้ตามแนวทางที่ เทน ฮาก กำลังสร้างจริงๆ
ตัดภาพมาถึงตรงนี้ มันเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด เพราะถ้าหากผู้รักษาประตูที่สโมสรจำเป็นต้องปล่อยออกไปไม่ได้ชื่อ ดาบิด เด เคอา แต่เป็น ดีน เฮนเดอร์สัน แทน กระแสดราม่าจากแฟนบอลมันคงไม่รุนแรงเท่านี้
ผมจึงย้ำอีกครั้ง ว่าเรื่องเทสติโมเนียลแมตช์มันคงเป็นไปได้ยาก เพราะโปรแกรมปรีซีซั่น และคิวแข่งฤดูกาลใหม่ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว
นอกจากจะเกิดกรณีพิเศษที่ เด เคอา ได้ลงสนามนัดอุ่นเครื่องกับล็องส์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คืนวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคมเป็นการเฉพาะกิจ ถ้า...
1. เขาได้รับอนุญาตจากว่าที่ต้นสังกัดใหม่ให้กลับมาลงเล่น
2. ถ้าหาก เทน ฮาก ไม่ติดใจอะไรกับการใช้เกมนั้น farewell ต่อ เด เคอา มากกว่าจะลองทีม
และ 3. ที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ "ถ้าหาก เด เคอา เป็นฝ่ายต้องการมันด้วยตัวเองจริงๆ" เพราะถ้าหากเจ้าตัวปฏิเสธ จังหวะเวลาไม่สะดวกใจ ก็คงไม่มีใครจัดงานที่ยิ่งใหญ่แบบที่แฟนบอลอยากเห็นให้เขาได้
มีผู้เล่นผู้ยิ่งใหญ่หลายคนที่ไม่ได้อำลาทีมด้วยเทสติโมเนียลแมตช์ ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ กับบาร์เซโลน่า, คาริม เบนเซม่า กับ เรอัล มาดริด รวมไปถึง อิลคาย กุนโดกัน กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นักเตะเหล่านี้ทำหน้าที่ตามปกติไปจนจบซีซั่น แล้วค่อยจากกันด้วย "พิธีอำลา" เท่านั้น
สิ่งที่พอจะคาดหวังในความเป็นจริงได้มากที่สุดตอนนี้คือ "พิธีอำลา" จัดงานแถลงข่าว มอบของที่ระลึกให้ เด เคอา ให้มันสมเกียรติกับผู้รักษาประตูระดับตำนาน
แต่ถ้ามันยังไม่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้ หรือก่อนเปิดซีซั่นใหม่ มันก็พอเข้าใจเหตุผลอีกข้อหนึ่งได้
นั่นก็คือบอร์ดบริหารของสโมสรกำลังทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำมากกว่าเพื่ออนาคต นั่นคือการรีบปิดดีลผู้เล่นใหม่ให้เสร็จ ก่อนที่ทีมจะเดินทางไปปรีซีซั่นกันที่สหรัฐอเมริกา และอย่าลืมอีกว่า เราเองก็ไม่รู้กระบวนการซื้อขายสโมสรมันไปถึงขั้นไหนแล้ว คนระดับบริหารกำลังจะต้องทำอะไรอยู่ เราไม่รู้เลย
ลองนึกภาพด้วยหลักคิดง่ายๆ ว่าถ้าคุณกำลังวุ่นวายกับการทำงานใหญ่ๆ คุณคงคิดเรื่องจัดงานเลี้ยงเป็นสิ่งสำคัญน้อยกว่าแน่นอน
มันน่าเสียใจครับที่จังหวะ เวลา และอุปสรรคต่างๆ มันนำพา ดาบิด เด เคอา กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ต้องจบลงกันแบบนี้
#เสียบสามเหลี่ยม #เดเคอา #ดาบิดเดเคอา #เทนฮาก #เอริคเทนฮาก #ผีแดง #ปีศาจแดง #แมนยู #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา