10 ก.ค. 2023 เวลา 15:14

ผม......ชื่อเฮงครับ

ใครๆ เรียกผมว่าเจ้าจิ้งจอกแดงครับ ผมต้องแยกกับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ อาจเป็นเพราะผม มีขนที่สวยงาม มีหางเป็นพวงๆ จึงทำให้มนุษย์ นิยมชมชอบนำผมมาเป็นสัตว์เลี้ยง เจ้านายของผม เล่าให้ฟังว่า ผมมาจากฟาร์มที่เลี้ยงพวกผมไว้ขาย จากประเทศจีน
ผมจำได้ว่า ผมมากับเพื่อนๆ 2-3 ตัว แต่เพื่อนๆ รวมทั้งตัวผมถูกแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง คงเหลือผม ที่ยังค้างอยู่ เป็นตัวสุดท้ายที่ร้านแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา
ผมอาศัยอยู่จนฤดูร้อนแรกที่ไทย อากาศมันร้อนรุนแรงมากกว่าบ้านเกิด จึงทำให้ขนอันสวยงามของผม ถูกสบัดทิ้ง
และอาจจะเพราะร้อนมาก ขนจึงร่วงหนัก ผิวก็เลยแห้ง จนเป็นสาเหตุให้ผมคันและเกา จึงทำให้เกิดสะเก็ดแผลลุกลาม จากลูกจิ้งจอกที่น่ารัก ก็กลายเป็นจิ้งจอกขี้เรื้อน ที่ไม่มีใครเอ็นดู
แน่นอนที่สุด เจ้านายคนแรกของผม เป็นนักธุรกิจ เขาจะไม่ทำอะไรที่ขาดทุนอย่างแน่นอน เขาประเมินดูแล้ว ค่าใช้จ่ายในการรักษาผม ไม่คุ้มกับค่าตัวผมเป็นแน่ เขาจึงเอาผมไปทิ้ง ให้ยืนโดดเดี่ยวอยู่ข้างกองขยะ
ในวันนั้น จิ้งจอกน้อยตัวเล็กๆ ไม่สบาย ไกลบ้าน ไกลพ่อแม่ รู้สึกอ้างว้างหดหู่ สิ้นหวัง และไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต ได้แต่นอนรอความตายอย่างเดียวดายเพียงลำพัง ผมนอนระทวยท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยง จนเย็นย่ำ เรี่ยวแรงหมดเพราะไม่มีอาหารตกถึงท้อง จนต้องทรุดลงไปนอนหมอบแบบหมดสภาพ
ท่ามกลางอาการพล่ามัวจากความร้อนและความหิวโหยอยู่นั้น ผมได้ยินเสียงคน กำลังปรึกษากัน ไม่ห่างจากตัวผม ตาที่พร่ามัว มองเห็นใบหน้าชายหนุ่ม ใจดี 2 คน มาลูบๆคลำๆตัวผม พร้อมส่งเสียงพูดคุยกันว่า “ ตัวอะไรว๊ะเนี่ย..น่าสงสารว่ะ...ใครเอามาทิ้ง...มันยังไม่ตาย” ใจของผมชื้นขึ้นมาทันที พร้อมคิดในใจ “ มีคนช่วยฉันแล้ว” หลังจากนั้นก็วูบไป
เช้าวันใหม่ ผมลืมตามาพบกับชีวิตใหม่ ในบ้านหลังใหม่ ของพี่ 2 คนที่รับผมมาเลี้ยงดู ผมเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้น ลุกขึ้นซุกซนตามประสาเด็ก เล่นสนุกกับพี่ๆทุกวัน ดูเหมือนชีวิตจะราบรื่น แต่แล้วมันก็ต้องมาเกิดเรื่องใหม่ในชีวิตอีกครั้ง
ผมมักจะหน้างอแบบนี้ละครับ ก็มันเหงานี่นา
ตามประสาจิ้งจอกน้อย ที่กำลังซน ก็วิ่งเล่นไปเรื่อยเฉื่อย จนออกไปนอกอนาเขตบ้าน ด้วยความไม่ระวัง มีหมาใหญ่หลายตัว ที่เป็นเจ้าถิ่น วิ่งกรูเข้ามารุมทำร้ายผม จนไม่มีชิ้นดี ทั้งกัด ทั้งทึ้ง จนเกิดแผลเหวอะหวะ ไปทั้งตัว ผมรวบรวมพลังเท่าที่มี ซมซานหนี แบบไม่คิดชีวิต แต่คงเป็นเพราะเลือดที่ไหลท่วมตัว จึงทำให้ผมหนีไป ได้ไม่ไกลนัก จนกระทั่งหมดแรงฟุบตัวลง
สภาพของผม ไม่น่าจะรอดชีวิตได้แล้วคราวนี้ เจ้านาย 2 คนของผม มาพบผม เห็นสภาพผมในตอนนั้น เขามองมาที่ผมอย่างหมดหวัง ชาวบ้านแถวๆนั้น หลายคน ก็มามุงดู และพูดกันว่า “ หมาแพงเสียด้วย ของใครหลุดมาเนี่ย ไม่น่ารอดแล้ว”
เจ้าของๆผมในตอนนั้น เอามือลูบหัวผมเบาๆ แบบปลอบประโลม แล้วก็พึมพำว่า “ เจ้าตัวเล็ก แกคงรอดยากแล้ว นอนหลับให้สบายเสียน๊ะ ผมนอนฟัง ทั้งๆที่ ยังหายใจลำบาก ทั้งหวาดกลัว ทั้งเจ็บปวดไปทั้งตัว“
ระหว่างนั้น ก็มีรถตู้คันหนึ่ง มาจอดบริเวณที่ผมนอนอยู่ไม่ไกล จะเป็นชะตากรรมหรือโชคช่วยก็ไม่ทราบได้ ผมจึงได้มาพบกับลุง ที่ขับรถผ่านมาแถวๆนั้น ลุงหน้าตาใจดี เดินลงมาถาม เพราะเห็นคนมุงดูอะไรสักอย่าง พร้อมถามคนแถวนั้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ “ แต่พอสายตาลุงมองมาเจอผม ที่นอนชุ่มเลือดอยู่ แกก็อุทานออกมาว่า “ นั่นสุนัขจิ้งจอกนี่ มันมานอนเจ็บตรงนี้ได้อย่างไร พลัดหลงมาอย่างไร ใครเป็นเจ้าของมันล่ะ “
พี่เจ้าของๆผม ตอบด้วยน้ำเสียงเครือว่า "ผมเก็บมันมาเลี้ยงได้พักใหญ่แล้วครับ วันนี้มันหลุดออกมาจากบ้าน คงถูกหมาใหญ่รุมกัด สภาพคงรอดยากแล้ว” ลุงคนขับรถ มองมาที่ผมแบบเวทนา
สักพักใหญ่ หลังจากตรวจตราสภาพผม ลุงจึงบอกกับพี่เจ้าของผมว่า “ อืม มันเจ็บหนักมาก แต่มันยังมีสติ ไม่ตายหรอก แต่คงต้องรักษาอีกนาน จึงจะทุเลา และคงต้องส่งไปโรงพยาบาลสัตว์”พี่ทั้งสองของผม อึ้งๆไป พร้อมตอบกลับว่า “ คุณลุงครับ ถ้าไปโรงพยาบาลสัตว์ คงมีค่าใช้จ่ายมากโขแน่ๆ ผมสองคนคงไม่สามารถ ดูแลมันต่อไปได้แล้ว เพราะผมไม่มีเงินเลย” ลุงพยักหน้าแบบเข้าใจ
แกคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้านายแก ที่ทำงานด้วย มีฐานะดี ถ้าเอาเจ้าตัวน้อยกลับไป เจ้านายคงต้องช่วยเหลือแน่นอน แกเลยตัดสินใจ รับจิ้งจอกน้อย อาการโคม่า ไปรักษาเอง “ไม่เป็นไร ถ้างั้นฉันจะรับมันไปรักษาเองแล้วกัน “ เมื่อได้ยินดังนั้น พี่ทั้งสอง ยกมือไหว้ ขอบคุณลุงคนขับรถตู้ กันยกใหญ่ ส่วนตัวผม พอได้ยินประโยคนั้นจากปากลุง ก็โล่งใจ ที่น่ายังมีชีวิตต่อไปอีกได้ ก่อนหลับตาลงอย่างเพลียแรง
ผมหล่อไหมครับ ผมเฮงเอง
นานกว่า 2 เดือน จากเจ้าจิ้งจอกเฉียดตายตัวนั้นถูกนำไปโรงพยาบาลสัตว์ รักษาโดยหมอที่เชี่ยวชาญ จนผมเริ่มแข็งแรง เดินได้อีกครั้ง แม้จะขากระแผลกๆ และยังเดินแบบเดิมไม่ได้ และเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
จำได้ว่าหลังจากลืมตามาอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลสัตว์ ก็พบหน้าเจ้านายคนใหม่ ที่มอบชีวิตใหม่ให้ผม เธอเป็นหญิงสูงวัย หน้าตาใจดี เธอนั่งอยู่ไม่ห่างจากตัวผม ทอดสายตามาที่ผมอย่างเอ็นดู ปนกับความห่วงใย พร้อมทักทายผมเบาๆว่า “เป็นงัยเจ้าเฮง” เจ้านายลูบหัวผมเบามือ แล้วพูดกับผมเบาๆว่า “ ต่อแต่นี้แกจะไม่ลำบากอีกแล้วน๊ะเฮง ชีวิตแกจะมีแต่เฮงๆสมชื่อของแก “
สุนัขจิ้งจอก เจียนตายอย่างผม รู้สึกอบอุ่นใจเหลือเกิน หลังจากนั้นอีกประมาณ เดือนกว่าๆ ผมออกจากโรงพยาบาล และมาอยู่บ้านใหม่ หลังใหญ่ สวยงามและสะดวกสบาย อาหารการกิน ครบถ้วน ทำให้ผมเริ่มกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
หลายครั้ง ผมมักจะได้ยินเจ้านาย พยายามโทรหาหน่วยงาน ที่ดูแลสัตว์ป่าสงวน เพียงเพื่อจะส่งผมไปอยู่กับเพื่อนๆที่มาจากป่า และอยากให้ผมมีเพื่อน
แต่จนแล้วจนรอด ไม่มีหน่วยงานไหน รับผมไปอยู่ด้วยเลย เหตุผลก็คือ ผมเป็นสัตว์สงวนและผิดกฎหมายหากครอบครองจะผิดกฎหมายนั่นเอง ผมก็เลยยังคงอยู่บ้านเจ้านายที่เขาใหญ่อยู่จนทุกวันนี้
ผมอยู่อย่างมีความสุขดี แต่ออกจะเหงาหน่อย ไม่มีเพื่อนฝูงอยู่ด้วยเลย และที่เห็นผมถูกเลี้ยงอยู่ในกรงเนื่ย เจ้านายไม่ได้ไม่รักผมหรอกน๊ะ แต่เพราะด้วยตัวผมเองแหละ จึงต้องถูกล้อมอาณาเขตไว้อย่างแน่นหนา
ก็ผมนะซิ เคยหนีออกจากบ้าน ไปเที่ยวเล่น แล้วพอหิว ก็แอบล่าไก่ ของชาวบ้านเป็นอาหาร เจ้าของไก่ จะเอาเรื่องผมถึงตาย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็เลยต้องอาศัย อยู่ในบ้านที่มีตาข่ายอย่างที่เห็น
แอบมองสาวๆ แต่ไม่มีเลยครับ  เห้อออ
ตอนนี้ผมอยู่ที่เชาใหญ่ครับ อากาศที่นี่ดีมากๆ รอบๆตัวผมมีดอกไม้แสนสวย ลมพัดเย็นสบาย มีอาหารการกินสุขสบายดี เสียอยู่อย่างที่ว่า ผมโดดเดียว ตัวเดียวลำพัง ว่างๆก็ปีนต้นไม้ ขึ้นไปมองอะไรไกลๆ แบบเหงาใจตัวเดียวครับ แต่จะทำอย่างไรได้ ผมคงต้องอยู่ที่นี่ไปจนกว่าสิ้นอายุขัย
ถึงแม้ว่าผมเคยโชคร้าย แต่ความโชคดี ก็ยังมีมาตลอด มีแต่ผู้คนรักใคร่ อย่างน้อย สุนัขพลัดถิ่นอย่างผม ก็รู้สึกถึงความเฮง ที่ไม่เคยทอดทิ้งผม วันนี้ ผมภูมิใจมาก ที่เป็นเจ้าเฮง ของเจ้านายครับ ด้วยรัก จากเฮง
นายเฮง ณ.เสิ่นเจิ้น
โฆษณา