16 ก.ค. 2023 เวลา 09:08 • ท่องเที่ยว
Karasawa Hut

วันนี้เราจะไปเดินป่าไปที่ Karasawa Cirqueซึ่งอยู่ในเขต Kamikochi อันมีชื่อเสียง

(“เซิร์ก” (cirque) เป็นคำศัพท์ทางภูมิศาสตร์หมายถึงสภาพภูมิศาสตร์ของหุบเขาที่มีลักษณะคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยวหรือชาม ซึ่งมีความลาดชันสูง เกิดจากการการกัดกร่อนโดยธารน้ำแข็ง)
เจ้านกเหล็กที่พาเรามา
ในการเดินทางครั้งนี้เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก คิดได้ก่อนเดินทางประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ทำการจองตั๋ว อีกทั้งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อน เราเลยคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ คงไม่ได้ยากเย็นนัก อาจมีแค่ความร้อนที่ทำให้เราแสบผิว ก็เท่านั้นเอง หลังจากเก็บเต้นท์ แผ่นรองนอน ถุงนอน ลงเป้ เราเรียกรถจากบ้านไปที่สนามบิน ใช้เวลาหลับๆตื่นซักพักเราก็มาถึง โตเกียว ในตอนเช้า
บรรยากาศบนทางด่วนออกนอกเมืองของโตเกียว
หลังจากได้รับรถที่เราจองไว้เราขับผ่านการจราจรอันคับคั่งของเมืองหลวง ที่แสนจะวุ่นวาย มุ่งหน้าสู่เมือง Matsumoto
ปราสามมัตสึโมโต้
หลังจากขับมาประมาณ 4 ชม. เราก็มาถึงเมือง Matsumoto เวลายังเหลือเราเดินฝ่าความร้อนไปชมปราสาท Matsumoto ที่น่าเกรงขาม
บรรยากาศหน้าร้านราเมง
เดินเล่นกันอยู่ซักพัก ถึงเวลาที่ตัวเราใกล้ละลาย เราจึงเดินทางเข้า โรงแรม และสลบไปด้วยความเหนื่อยล้า หลับไปได้ประมาณ 1 ชม เราก็ตื่นมาด้วยเสียงเรียกจากท้องของเรา ขับรถออกมาหา ราเมงกิน ร้านนี้เจอโดยบังเอิญ รสชาติดีพอที่จะแนะนำให้ทุกคนมาลงชิมได้เลยทีเดียว
ราเมงหมูชาชูเนื้อนุ่ม
หลังจากตื่นมาแต่เช้า เรารีบขึ้นรถ ออกเดินทางไป ณ จุดจอดรถ Sawondo bus terminal
ระหว่างทางไป Kamikochi
จอดรถเสร็จเราก็เตรียมตัว จัดแจงสวมรองเท้าเดินป่า เข้าเป้ขึ้นหลัง ด้วยใจคิดว่าทุกอย่างคงไม่ยากเย็นนักในการเดินขึ้นเขาวันนี้
ทางลอดจากที่จอดรถไปสถานีรถบัส
เตรียมของให้พร้อม รอรถบัสมา
หลังจากซื้อตั๋วรถบัสเสร็จ เราเดินดูบริเวณในสถานี มีข้อมูลทุกอย่างที่เราต้องการที่นี้ เราเริ่มมาดูจริงๆจังว่าเส้นทางเดินวันนี้จะเป็นเช่นไร
(Kamikochi อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ChubuSangagu national park ซึ่งจะไม่อนุญาติให้รถส่วนตัวเข้าไป
ต้องเดินทางโดยรถสาธารณะผ่านระยะทาง 14 กม. เข้าไปเท่านั้น)
แผนการที่เราจะเดินในวันนี้
ขึ้นรถบัสนั่งลอดอุโมงค์ จากอุโมงนี้ไปจะเข้าไปแต่รถสาธาณะ ใช้เวลาครึ่งชม.
หลังจากลงที่สถานี Kamikochi station เราจัดแจงเข้าห้องน้ำ กินคร๊อกเก้อะไรซักอย่างแถวนั้น เอาเป้ขึ้นหลังเริ่มเดิน
โดยการเดินวันนี้จะมีทั้ง ทางราบประมาณ 10 กม. และเดินขึ้นเขา 7 กม.
วิวสะพานกัปปะ ชื่อนี้ได้มาจากเมื่อก่อนยังไม่มีสะพานคนจึงเอาตะกร้าเทิร์นไว้บนหัวแล้วเดินลุยน้ำไป เห็นแต่หัว คล้ายตัวกัปปะ
เดินมาไม่เท่าไหร่เราก็มาถึงสะพานกัปปะอันเลื่องชื่อ ตอนนี้น่าจะยังเช้าอยู่นักท่องเที่ยวเลยยังมีไม่มากนัก แต่สำหรับเราก็เริ่มสายมากแล้ว
เพราะทางข้างหน้ายังอีกไกล กลัวว่าจะมืดเสียก่อนจนเกิดอันตราย
เดินผ่านจุดแค้มกราวแรกสำหรับผู้ที่ไม่อยากลำบากนัก
เต้นท์สำหรับให้เช่าของอุทยาน
เดินผ่านจุดแค้มกราวแรกสำหรับผู้ที่ไม่อยากลำบากนัก
หนองน้ำระหว่างทางเดิน
บรรยากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว แต่ด้วยต้นไม่เขียวขจี ทำให้การเดินของเราเป็นไปอย่างเย็นสบาย
แม่น้ำ Azusagawa
เดินเรียบแม่น้ำ Azusagawa ไปเรื่อยๆ การเดินช่วงนี้เป็นทางราบ คนที่เดินผ่านไปหรือสวนมาแทบไม่มี
ทำให้เราหวั่นใจเกี่ยวกับหมี ซึ่งชอบออกมาเผ่นผ่าน และมีป้ายเตือนเกี่ยวกับพวกเค้าอยู่เป็นระยะๆ
จุดแวะพัก มีทั้งอาหารและที่พักบริการนักเดินทาง
ถึง Myojin หลังจากเดินมาได้ไม่นาน จุดนี้มีสวนดอกไม้ขาวสวยงามเฉิดฉายอยู่ในบริเวณนี้
ดอกไม้สีขาวสวยงาม
วิวระหว่างทางเดิน
ถึง Tokusawa หลังจากเดินมาประมาณ 7 กม. เวลาประมาณ 11 โมงเราเริ่มท้องร้องเอาเป้ลง แล้วเข้าหาไปอะไรกินกัน
ที่วางเป้ก่อนเข้าร้าน กับ แกงกะหรี่ธรรมดา ที่แสนอร่อย
ท้องอื่มเรา เริ่มเดินต่อ ช่วงนี้เป็นทางที่เราต้องเดินตัดข้ามไปอีกฝั่งนึงของแม่น้ำเนื่องจากมีการก่อสร้างสะพาน ทำให้เราต้องเดินไปบริเวณ
ข้างแม่น้ำที่ไม่มีต้นไม้เลย แดดเผาเราจนแทบจะไปต่อไม่ไหว
หน้าร้อนญี่ปุ่นร้อนมากจริงๆ
หลังจากผ่านจุดนั้นมาเรากลับเข้ามาสู่เส้นทางปรกติอีกครั้ง
แบบนี้ค่อยเดินสบายหน่อย หลังกลับสู่เส้นทางปรกติ
เราเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึง Yookoosansoถึงจุดนี้เราเดินมาประมาณ 10 Km.ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่จะมีห้องน้ำและทางราบที่จะหมดไปหลังจากนี้
ห้องน้ำและอาหารจุดสุดท้ายก่อนขึ้นสู่เป้าหมาย
เราเริ่มเดินข้ามสะพานไปที่เป็นสัญญานว่าเราจะเข้าสู่เขตเขา แบบจริงๆจังๆ ที่สะพานมีป้ายบอกว่าเส้นทางข้างหน้าค่อนข้างอันตราย เนื่องจากด้านบน อาจจะยังมีหิมะอยู่ ควรมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม อาทิเช่น Crampons Iceaxes Warm clothes
และไม่ควรเดินไปต่อหลังจากบ่าย สองโมง หลังจากยืนงงอยู่ซักพักเนื่องจากเราไม่มีอะไรที่เค้าว่ามาเลย แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็แค่ บ่ายโมงครึ่งเอง เราจึงตัดสินใจว่า ไปต่อ ทางเดินเริ่มเป็นทางเดินขึ้นเรื่อยๆ
ข้ามสะพานนี้ไปก็เข้าเขต เดินป่าจริงจังแล้ว
เจอบันไดที่ชันทีเดียว
วิวระหว่างทาง
สะพาน Hodani
ถึงสะพาน Hondani แล้ว
เดินเลาะสันเขาไปเรื่อยๆ
เหลืออีกประมาณแค่สองกิโลสุดท้ายแต่เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงซักที
จุด Checkpoint สุดท้าย S Gare
จนในที่สุดก็เดินมาเจอกับหิมะแบบไม่คาดหมาย ในเดือน กรกฏา
ยังมีหิมะอยู่
เราค่อยๆกระดึบขึ้นไปเรื่อยๆ หิมะหนาแต่ผิวหน้าเริ่มละลาย ที่ทำให้เราลื่นล้มกันไปหลายรอบ
สวยมาก ลื่นมาก
เราไปได้ช้ามากระยะเวลาประมาณ 1.5 km แต่เราใช้เวลานานมาก เจอก่อนหินเลยหยุดนั่งพักก่อน
พักหายใจก่อน
ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ว Karasawa Hatte ตอนนี้เวลาประมาณ 4 โมงกว่าแล้วเหลือบดูนาฬิกาเราเดินมา 17 km.เรารีบเขาไปติดต่อเจ้าหน้าที่ว่าต้องการกางเต้นท์ เจ้าหน้าที่ถามกลับว่าเราจะโอเคใช่ไหมเพราะพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตกหนักนะคืนนี้แต่ด้วยความที่เราแบกเต้นท์ ที่รองนอน ผ้าห่ม มา 17 km เราเลยเลือกจะกางเต้นท์เพื่อไม่ให้เสียแรงเปล่า แต่จะลำบากไหมอันนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
ทางเข้าที่พักนักปีนเขา Karasawa Hutte
วิวที่เราเห็นตรงหน้าทำให้เราหายเหนื่อยเป็นปลิดทั้ง หน้าที่มุ่ยของเราก่อนหน้านี้กลายเป็นรอยยิ้มด้วยความสุข ที่ภูเขามอบให้เรา
วิวสวย อากาศเริ่มหนาว
เริ่มหิวแล้วจัดแจงหา บะหมี่สำเร็จรูป มากิน
อาหารเย็นของเราวันนี้ กินบนนี้อร่อย x10
เดินมาสำรวจยังมีจุดให้เราเดินขึ้นไปยอดเข้าได้อีก เรายังมีความหวังว่าจะได้เดินขึ้นในวันพรุ่งนี้
จุดให้ไปปีนป่าย ไม่ไกลจากตรงนี้ แค่ชัน
จัดแจงกางเต้นท์เนื่องจากดูฟ้าแล้วอีกไม่นานฝนน่าจะตกแน่นอน วันนี้คนบนนี้มีน้อยมากจริงๆ เต้นท์เรา คือเต้นท์สีขาวแดง ตรงขวามือ
บรรยากาศจุดกางเต้นท์ที่แทบจะไม่มีที่เรียบ
หลังจากกางเต้นท์ยังไม่ทันเสร็จดี ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา เรารีบเข้าเต้นท์ นั่งเล่นและเริ่มคุยกันถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะลงกันยังไงดีเนื่องจากวันนี้ฝนไม่ตกกว่าจะขึ้นมาได้ยังทุกลักทุเล คุยกันซักพักก็ได้ข้อสรุปว่า ช่างมันเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคิด
นอนกันด้วยความเหนื่อยแต่สุขใจ
หลังจากนอนไปได้ซักพัก ฝนเริ่มตกแรงขึ้น ลมพัดเต้นท์เราโยกไปโยกมา แต่เราก็ได้แต่นอนอยู่ตรงนั้นเนื่องจากไม่รู้จะออกไปหลบตรงไหนโดยได้แต่ภาวนาว่าเราจะผ่านคืนนี้ไปได้ เราหลับๆตื่นๆทั้งคืน ฝนไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ลมเริ่มแรงขึ้นดูนาฬิกาเวลาประมาณตีห้า ฟ้าเริ่มสาง เราตัดสินใจเก็บเต้นท์ท่ามกลางสายฝน
ออกจากเต้นท์ไปเต้นท์ข้างๆเราเก็บของไปเกือบหมดแล้ว เก็บเต้นท์เสร็จเราเปียกปอนไปหมด เราเอาเต้นท์ที่พับๆมาเก็บในห้อง Dryroom ที่มีหน้าที่เป็นห้องตากเสื้อผ้าให้แห้งเวลาหน้าหนาวทีมีหิมะ
ห้อง Dry room ไว้ตากเสื้อรองเท้าต่างๆ
หลังจากเก็บเต้นท์เสร็จก็เริ่มคิดต่อว่าจะลงไปอย่างไร จึงมาถามเจ้าหน้าที่ ได้ความว่า มี Crampon ให้เช่าอยู่จึงจัดการเช่าพร้อมได้ เจ้าหน้าที่ อธิบายวิธีการถอดใส่อย่างละเอียด
เจ้าหน้าที่ตั้งใจสอนมาก ถ้าไม่ได้ Crampon น่าจะสไลด์ลงเขา
เริ่มลงแล้ว
เราค่อยๆเดินลงจากภูเขา
ลมแรง ฝนตกหนัก
ฝนตกแบบไม่มีที่ท่าว่าจะเบาลง เสียงน้ำที่ไหลใต้หิมะดังขึ้นชัดเจนจากบริมาณน้ำที่ตกลงมาทั้งคืน
อากาศวันนี้บอกเราว่า คงไม่มีใครชนะธรรมชาติได้
น้ำแข็งเริ่มแยกแตก ต่างกับตอนขึ้นมาซึ่งมีจุดที้เป็นน้ำแข็งและน้ำแยกกันชัดเจน
อันครายมากๆ น้ำข้างล่างเราเสียงดัง ไหลเชี่ยว
ถึงจะอยากลงเร็วเพื่อออกจากสถานะการนี้แค่ไหน แต่ด้วยพื้นที่ลื่นมากๆเราจึงได้แต่ค่อยๆลงมา โดยหลังจากหลุดช่วงที่เป็นน้ำแข็งมาได้ ฝนก็ยังตกแรงไม่หยุดจนเราเปียกไปหมด
ค่อยลงมาเรื่อยๆ ฝนตกแรงไม่ยอมหยุด
ทางที่เดินขึ้นมาตอนนี้กลายเป็นลำธารย่อมๆไปแล้ว
ทางที่เดินมากลายเป็นน้ำตก
ฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดก็เดินมาถึงสะพาน น้ำที่เคยใสเป็นสีแดงไปแล้ว
เดินมาเรื่อยด้วยความหนาว รองเท้าเรากลายเป็นอ่างน้ำไปแล้ว จนมาถึง Tokusawa
เดินมาเรื่อยๆ วันนี้ไม่ร้อนแล้ว เปียก หนาว แทน
หลังจากนั้นผมตัดสินใจเดินกลับไปที่สถานีประมาณ 9 กิโลด้วยรองเท้าแตะเพราะคิดว่าคงดีกว่าการแช่น้ำในรองเท้าเปียกๆเป็นแน่สภาพก็อย่างที่เห็นคับ คือหมดสภาพ
ไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวเท้าจะเปื่อยก่อน
ในที่สุดก็กลับมาถึง สะพาน Kappa ฝนยังคงตกอยู่ เรารีบไปรอรถบัสด้วยร่างกายมอมแมม
สะพานกัปปะที่บรรยากาศ แตกต่างกับเมื่อวานลิบลับ
ลาไปก่อนกับทริปนี้ นับว่าน่าประทับใจและตื่นเต้นดี ไว้มีโอกาสเราจะกลับมาเยือนใหม่นะ ขอบคุณมากสำหรับสิ่งดีๆที่มอบให้ และประสบการณ์ดีๆ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านถึงตรงนี้ครับ
โฆษณา