17 ก.ค. 2023 เวลา 13:40

ย้อนโศกนาฏกรรมมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 17

มาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 17(MH17/MAS17) เที่ยวบินพาณิชย์ของมาเลเซียแอร์ไลน์ซึ่งออกเดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 บินด้วยเครื่องบินโบอิง 777 ถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธที่เคลื่อนย้ายจากประเทศรัสเซีย ใกล้กับฮราโบฟ จังหวัดโดเนตสค์ ประเทศยูเครน ห่างจากชายแดนยูเครนและรัสเซียประมาณ 40 กิโลเมตร ส่งให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 298 คนเสียชีวิตทั้งหมด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของยูเครนเปิดเผยว่า เครื่องบินลำดังกล่าวถูกยิงตกที่ระยะความสูง 10,000 m(33,000 ft) จากเครื่องยิงจรวดพื้นดินสู่อากาศ นายบัค เปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครนในขณะนั้น กล่าวว่าเหตุการณ์นี้เป็นการก่อการร้าย กบฏแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียสนองโดยกล่าวหารัฐบาลยูเครนว่าเป็นผู้ยิงเครื่องบินตก หน่วยข่าวกรองของยูเครนอ้างว่าได้ดักฟังโทรศัพท์พบว่ากลุ่มนิยมรัสเซียมีการกล่าวถึงการที่เพิ่งจะยิงเครื่องบินพลเรือนตก
วันที่ 21 กรกฎาคม ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียอ้างว่าก่อน MH17 จะถูกยิง เรดาห์ของรัสเซียได้ตรวจพบเครื่องบินรบ ซูคอย ซู-25 ของยูเครน บินห่างจาก MH17 ที่ระดับความสูงใกล้เคียงกัน โดยมีระยะห่างจาก MH17 ราว 3-5 กิโลเมตร และต่อมาอ้างว่าประเทศยูเครนรับผิดชอบเนื่องจากจุดตกเกิดในน่านฟ้ายูเครน มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับการตกปรากฏในสื่อรัสเซีย และจนถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2559 รัฐบาลรัสเซียยังปฏิเสธความรับผิดชอบ
อากาศยานทหารยูเครนจำนวนหนึ่งถูกยิงตกเหนือดินแดนที่กบฏควบคุมทั้งก่อนหลังหลังเหตุ MH17 ดังกล่าว ทันทีหลังเครื่องตก ปรากฏโพสต์ในโปรเฟล์สื่อสังคมวีคอนตักเต(VKontakte) ของพันเอกอีกอร์ เกอร์คินแห่งรัสเซีย ผู้นำทหารอาสาสมัครแบ่งแยกดินแดนดอนบัสส์ อ้างความรับผิดชอบการยิงเครื่องบินลำเลียงทหารของยูเครนชนิดเอเอ็น-26 ของยูเครนใกล้กับโทเรซ(Torez)
ต่อมาวันเดียวกันโพสต์ดังกล่าวถูกลบออก แล้วหลังจากนั้นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนปฏิเสธการยิงเครื่องบินใดๆ ปลายเดือนกรกฎาคม 2557 มีการเผยแพร่การดักจับการสื่อสาร ซึ่งอ้างว่าได้ยินฝ่ายแบ่งแยกดินแดนกำลังถกกับเรื่องเครื่องบินที่ถูกยิงตก วิดีทัศน์จากจุดตกที่กบฏบันทึกเองและนิวส์คอร์พออสเตรเลียได้มา แสดงภาพทหารกบฏคนแรกไปถึงจุดตก ทีแรกพวกเขาสันนิษฐานว่าเครื่องบินที่ถูกยิงตกเป็นเครื่องบินทหาร แต่ตกใจเมื่อรู้ว่าเป็นเครื่องบินโดยสารพลเรือน
ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2557 ถึงพฤษภาคม 2559 กลุ่มสืบสวนในสหราชอาณาจักร เบลลิงแคตออกข้อสรุปหลายอย่าง โดยอาศัยการตรวจสอบภาพถ่ายในสื่อสังคมและสารสนเทศโอเพนซอร์ซอื่น เบลลิงแคตกล่าวว่าเครื่องปล่อยจรวดที่ใช้ยิงเครื่องบินเป็นบุค 332 ของกองพลน้อยจรวดต่อสู้อากาศยานที่ 53 ของรัสเซียซึ่งตั้งอยู่ในคูสค์ ประเทศรัสเซีย ซึ่งมีการขนย้ายจากโดเนตสก์ไป Snizhne และถูกฝ่ายแบ่งแยกดินแดนในยูเครนควบคุมวันเดียวกับเหตุดังกล่าว
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558 ประเทศมาเลเซียเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติตั้งคณะตุลาการระหว่างประเทศเพื่อดำเนินคดีกับผู้รับผิดชอบเหตุยิงเครื่องบินตก ข้อมติได้เสียงข้างมากในคณะมนตรีฯ แต่ประเทศรัสเซียใช้อำนาจยับยั้ง
ความรับผิดชอบสำหรับการสอบสวนถูกมอบหมายให้กับคณะกรรมการความปลอดภัยดัตช์(DSB) และทีมสอบสวนร่วม(JIT) โดยมีเนเธอร์แลนด์เป็นหัวหน้า ซึ่งสรุปว่าอากาศยานถูกขีปนาวุธพื้นสู่อากาศบัคที่ยิงจากดินแดนที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียในยูเครนยิง ตามข้อมูลของ JIT บัคคันดังกล่าวมาจากกองพลน้อยขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานที่ 53 ของสหพันธรัฐรัสเซีย และมีการขนส่งจากประเทศรัสเซียในวันที่อากาศยานตก ยิงจากสนามในเขตควบคุมของกบฏแล้วกลับสู่ประเทศรัสเซียในภายหลัง จากข้อสรุปดังกล่าว
รัฐบาลเนเธอร์แลนด์และออสเตรเลียถือว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการวางกำลังบัคคันดังกล่าวและกำลังใช้ช่องทางกฎหมายในเดือนพฤษภาคม 2561 รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธส่วนรู้เห็นในการยิงเครื่องบินตก และคำบอกเล่าสาเหตุการตกนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ การกล่าวถึงในสื่อรัสเซียก็แตกต่างจากในประเทศอื่นทั้งนี้ รัสเซียถือว่ารัฐบาลยูเครนมีความผิดฐานอนุญาตให้เที่ยวบินพลเรือนบินในเขตสงคราม
โฆษณา