19 ก.ค. 2023 เวลา 10:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปวิกฤตในตลาดหุ้นในไทย ช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ.2535-2566)

โพสนี้จะมาสรุปวิกฤตในตลาดหุ้นไทย ที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา (สำหรับใครที่สนใจรายชื่อหุ้นที่สามารถจ่ายปันผลได้อย่างต่อเนื่อง 30 ปีติด ไม่หวั่นวิกฤตใดๆ สามารถตามไปดูได้ที่คอมเมนต์เลยนะครับ)
.
❗ ปี พ.ศ.2540 หรือ ปี ค.ศ.1997 (วิกฤตในประเทศ)
โดยดัชนี SET ลดลงไปถึง 90% ซึ่งวิกฤตการณ์ครั้งนี้ เริ่มจากปัญหาหนี้เสียในระบบสถาบันการเงิน จนทำให้นักลงทุนต่างชาติ โจมตีค่าเงินบาทอย่างรุนแรง ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ใช้เงินสำรองระหว่างประเทศ ปกป้องค่าเงินบาทไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในค่าเงินบาท จนนำมาสู่การตัดสินใจในการปล่อยให้ค่าเงินบาทลอยตัว และนำมาสู่วิกฤตต่อมา
.
❗ ปี พ.ศ 2543 หรือ ค.ศ. 2000 (วิกฤตต่างประเทศ)
โดยดัชนี SET ลดลงไปถึง 50% ซึ่งเกิดวิกฤตฟองสบู่ บริษัทดอตคอมแตกในสหรัฐ จากการที่หุ้นของบริษัทเทคโนโลยี ในช่วงแรกของสหรัฐฯ เริ่มบูมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 1997 ทำให้ในยุคนั้น ทุกบริษัทที่ก่อตั้ง ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้หรือไม่ หันมาเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับกระแส เช่นคำว่า Dot-com, Dot-net, Internet, Network จนท้ายที่สุดแล้ว ฟองสบู่ดอทคอมก็แตก ในช่วงเดือน มี.ค.
.
❗ ปี พ.ศ.2551 หรือ ค.ศ. 2008 วิกฤตหนี้สหรัฐฯ
หรือ วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ หรือ ที่เรารู้จักในชื่อ Hamburger Crisis โดยดัชนี SET ลดลงไปเกือบ 60% จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเศรษฐกิจขณะนั้นอยู่ในช่วงถดถอย ทางรัฐบาลจึงออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และปล่อยกู้แบบผ่อนปรนมากขึ้น
ทำให้เกิดการขอกู้เพื่อไปซื้อบ้าน คอนโด ที่ดิน เพื่อเก็งกำไรเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัยพ์เริ่มปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกับสินค้าต่างๆ ที่ปรับตัวสูงจากประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น (เพราะกู้ง่าย เข้าถึงง่ายขึ้น)
ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เฟด หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มต้องเข้ามาคุเงินเฟ้อ ด้วยการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย และนั่นจึงส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ดิ่งหวบอย่างรวดเร็ว ลูกหนี้ที่กู้เงินไป ก็ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้คืนได้ กลายเป็นหนี้สูญ จนสถาบันการเงินขาดสภาพคล่องและปิดตัวลงเป็น โดมิโนเอฟเฟคต์ ในที่สุด
.
❗ ปี พ.ศ. 2554 หรือ ค.ศ. 2011 (วิกฤตในประเทศ)
โดยดัชนี SET ลดลงไปเกือบ 30% จากที่ปลายปี 2554 ประเทศไทยต้องประสบกับอุทกภัยครั้งร้ายแรง โดยภัยพิบัติน้ำท่วมในครั้งนั้น ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากน้ำได้เข้าท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง รวมถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของไทยอย่างกรุงเทพมหานคร กระทบกับภาคการผลิตหลายแห่ง ต้องหยุดการผลิต ธุรกิจต้องหยุดกิจการชั่วคราว นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบกับพื้นที่เพาะปลูกและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยอีกด้วย
ที่จริงในช่วงต้นปี พ.ศ.2554 ประมาณกลางเดือน มี.ค .ก็ยังเกิดสึนามิครั้งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
.
❗ ปี พ.ศ. 2556 หรือ ค.ศ. 2013 (วิกฤตในประเทศ และต่างประเทศ)
โดยดัชนี SET ลดลงไปประมาณ 25% เกิดจากในประเทศได้เกิดวิกฤตการณ์ โดยมีการชุมนุมและประท้วงต่อต้านรัฐบาล จนนำไปสู่การปิดกรุงเทพฯ หรือเรียกว่า Bangkok Shutdown ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้นำไปสู่การรัฐประหารในปี 2557 ในส่วนวิกฤตต่างประเทศ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากวิกฤตหนี้ยุโรป นำโดยประเทศกรีซ
.
❗ ปี พ.ศ.2558 หรือ ค.ศ. 2015 (วิกฤตในประเทศ และต่างประเทศ)
โดยดัชนี SET ลดลงไปกว่า 20% จากการที่ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจาภาวะวิกฤตหนี้ในยุโรปที่เรื้อรัง อีกทั้งช่วงเดือน ส.ค. ยังเกิดเหตุก่อการร้ายบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
.
❗ ปี พ.ศ. 2563 หรือ ค.ศ.2020 การวิกฤตโรคระบาด (โควิด-19)
โดยดัชนี SET ลดลงไปเกือบ 50% ซึ่งมีการพบเชื้อครั้งแรกที่ประเทศจีน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 และหลังจากนั้นก็มีการแพร่ระบาดไปยังทั่วโลก โดยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกไปแล้วเกือบ 800 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 7 ล้านคน
.
❗ ปี พ.ศ.2566 หรือ ค.ศ.2023
ล่าสุดในปีนี้ ตลาดหุ้นยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ลงไปแล้วประมาณ 8% ด้วยปัญหาวิกฤตที่รุมเร้าตลาดมากมายทั้งในเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัว รวมทั้งปัญหาทางการเมือง ในส่วนต่างประเทศ ก็ยังมีภาพรวมของเศรษฐกิจระดับโลกที่น่าจะชะลอตัว รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งปัญหาโลกร้อน หรือ ปรากฏการณ์เอลนีโญ.
-------------
จะเห็นได้ว่า ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเจอวิกฤตใหญ่มาหลายต่อหลายครั้ง ไม่นับรวมวิกฤตย่อยๆ จึงทำให้สำหรับนักลงทุน การหาบริษัทซึ่งไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะตกต่ำ หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ปัญหาทางการเมือง วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นต้น ธุรกิจก็ยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ อีกทั้งบริษัทเหล่านี้จะมีกระแสเงินสด (Cash Flow) จากการดำเนินงานเป็นบวก ที่สามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอด้วย.
ซึ่งจะมีหุ้นอะไรบ้าง ดูได้ที่คอมเมนต์
.
.
#ตลาดหุ้นไทย #วิกฤต #เศรษฐกิจ #การลงทุน #iYomBizInspiration
.
--------------------------------------
ติดตาม iYom Biz Inspiration ในช่องทางอื่นๆ
 
และอย่าลืมกดติดตาม subscribe เพื่อไม่พลาด Content ดี เกี่ยวกับหุ้นและการลงทุนนะครับ....
โฆษณา