19 ก.ค. 2023 เวลา 05:45 • ท่องเที่ยว
Kokonoe Yume Otsuribashi

คิวชู บนสี่ล้อกับพายุหิมะ

เราเริ่มต้นการเดินทางไปคิวชู ด้วยแพลนที่วางไว้หลวมๆเพียงเพื่อจะขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ ในช่วงเดือนมกรา บนเกาะคิวซูที่เราก็ไม่คาดคิดว่าจะมีหิมะตกจนเราต้องประสบกับเหตุการณ์ตื่นเต้น สวยงาม ที่คงฝังอยู่ในความทรงจำ
4
เริ่มต้นการเดินทางด้วย การนั่งเครื่องบินในช่วงเวลาตี 1 เพื่อเดินทางไปถึงฟุคุโอกะ ในเวลารุ่งเช้า เราแบกร่างกายอันแสนอ่อนเพลียจากการทำงานมาทั้งวันขึ้น แกรป เพื่อมาถึงสนามบินดอนเมืองอันเก่าแก่และคร่ำครึของเรา ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องวันนี้คนค่อนข้างจะเต็มลำเครื่องเลยทีเดียว เมื่อถึงเวลาเครื่องเริ่มเทคออฟ เผยให้เห็นแสงไฟ จากกรุงเทพเมืองฟ้าอมรของเรา
3
เที่ยวบินวันนี้ค่อนข้างว่างทีเดียว
แสงไฟของเมืองฟ้าอมรของเรา
เมื่อฟ้าเริ่มสางเราถูกปลุกขึ้นด้วยสัญญานรัดเข็มขัดเตรียมตัวแลนดิ้ง
เริ่มเช้าแล้ว
เมื่อเครื่องจอดสนิท คนเริ่มทยอยลงจากเครื่อง ผ่านพิธีการ ตม.ต่างจนออกมาถึงด้านนนอกสนามบิน วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวและสดชื่น เรามาขึ้นรถของบริษัทรถเช่าที่มารอรับอยู่หน้าสนามบิน
รถที่มารับเรา
มาถึงบริษัทรถเช่า วันนี้คนดูวุ่นวาย รถที่พึ่งมีคนเอามาคืนถูกล้างอย่างลวกๆเพื่อส่งต่อให้ นักท่องเที่ยวคนต่อไปที่มารอรับ เราจัดการเอกสารต่างๆรับรถ ขับรถไปยังไปรณีย์ใกล้ๆเพื่อรับบัตรทางด่วนที่เราสั่งไว้และเริ่มต้นทริปของพวกเรา
ออกเดินทางกัน
เราเริ่มขับรถออกจากสนามบิน ซึ่งสนามบินแห่งนี้ค่อนข้างต่างจากที่อื่นคืออยู่ในตัวเมืองเลย ใช้เวลาประมาณ 1 โมงเราก็มาถึงจุดแรกที่เราจะแวะวัด Nanzoin หรือวัดพระใหญ่ซึ้งพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าเงินที่ทำการจัดสร้างเอามาจากเจ้าอาวาสที่มือดี ถูกล๊อตตารี่ หลายต่อหลายหน
บรรยากาศภายในวัดพระใหญ่
บรรยากาศภายในวัดพระใหญ่ มีหิมะประปราย
หลังจากใช้เวลาชื่นชม ความงามกันสักพัก ท้องที่เริ่มร้องนำพาให้เดินทางต่อ เราทำการมุ่งหน้าไปยัง เบบปุ แวะฝากท้องกับร้านอาหารบริเวณจุดพักรถ
บรรยากาศที่จุดแวะพักรถ ใหญ่โตและวิวสวยมาก
ระหว่างทางผมกับวิวภูเขาสลับซับซ้อน กับหิมะที่เริ่มต้นตกโปรยปราย ราวกับเป็นการต้อนรับนักเดินทางอย่างเรา
วิวภูเขาแปลกตาและสวยงามมากคับ
บรรยากาศระหว่างทางเย็นและงดงาม
เราเดินทางมาถึงเมืองเปปปุในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ริมชายทะเล ที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อน ที่ถูกสูบขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อนใต้ดิน เพื่อนำมาให้เราได้แช่กัน ดังที่เราจะเห็นควันจำนวนมากพวยพุ่งขึ้นมาจุด ต่างๆใจกลางเมือง
เมืองเบปปุ ได้อารมณ์ เรโทร จริงๆ
เหลือบดูเวลายังมีเวลาอีกประมาณ 1 ชมก่อนสถานที่ต่างๆจะเริ่มปิดเราจึงมุ่งไปที่ Chinoike Jigoku หรือแปลประมาณว่า บ่อนรกสีเลือด ที่นี้เป็นบ่อน้ำ ที่มีธาตุเหล็กจำนวนมาก จึงก่อให้เห็นเป็นสีแดงนั้นเอง
บ่อนรกสีเลือด เหมือนไหมคับ
เดินขึ้นมาด้านบนมองลงไปยังบ่อนรก
หลังเดินดูกันสักพัก เลือกซื้อของฝาก เราก็คิดได้ว่าอยากลองหาที่ชมวิวเบบปุจากมุมสูงเราเลยเริ่มหาในกูเกิ้ล จนพบอยู่ที่นึงเราตัดสินใจลองไปดูเมื่อขึ้นมาถึงที่หมายเป็นจุดจอดรถเล็กๆ แต่ทำไว้ดีมากและวิวก็สวยมากเช่นกัน เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมง มีทั้งนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเองแวะเวียนกันมาถ่ายรูปบนนี้ หลังจากชมวิวกันจนอิ่มเราก็เดินทางเข้าสู่ที่พัก
วิวที่จุดชมวิว ฟรีและดีมากๆ
รถที่เราเช่ามากับวิวเบปปุ
เช้าวันที่สองเรามุ่งหน้าไป Yufuin กันแต่เช้าตรู่ เราขับรถเข้ามาเห็นภูเขาอยู่สองข้างทาง อากาศเริ่มเย็นลงอย่างชัดเจน เหมือนเราจะมาถึงที่หมายเร็วไป ร้านรวงต่างๆยังไม่เปิด แต่ก็พอมีนักท่องเริ่มเดินทางเข้ามากันแล้ว
Yufuin ยามเช้าตรู่ร้านรวงยังคงปิดอยู่
อากาศเย็นและสวยงาม
เราเดินเล่นรอร้านรวงเริ่มเปิดแล้วจึงเริ่มเดินเล่นชมบรรยากาศ
1
ร้านขายของภายใน Yufuin
ในนี้มีเหมือนกับสวน นกฮูก เล็กๆให้เราเข้าไปชม เราตื่นเต้นมาก รีบซื้อตั๋วเข้าไปชม
น้องๆน่ารักและเท่ห์มากๆ
น้องเชื่องมาก เจ้าหน้าที่อนุญาติให้เราลูบได้ด้วย
เราสามารถลูบน้องเบาๆได้ครับ น้องดูมีความสุขเวลาเราลูบ
หลังจากเดินถ่ายรูปกันซักพัก หิมะเริ่มโปรยปรายลงมา หลังจากที่เราทำการถ่ายรูปกันซักพัก เรากลับมาที่รถเพื่อเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายต่อไป
หนาวจนเริ่มมีหิมะเกาะหน้ารถ
หลังจากเริ่มขับรถมาซักพัก หิมะเริ่มตกหนักขึ้น เส้นทางเริ่มเปลี่ยนเป็นวิวภูเขา ถนนเริ่มแคบและชัน มาถึงจุดนี้เราเริ่มกังวลเนื่องจาก รถของเราไม่มีโซ่ที่พันล้อสำหรับวิ่งบนหิมะติดมาด้วย เราขับไต่ไปเรื่อยๆ ด้วยความระมัดระวัง
ทางเริ่มขึ้นเขาหิมะเริ่มหนาขึ้น
หลังจากไต่ขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง กับหิมะที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด เรามาถึงสะพาน Kokonoe Yume Otsuribashi โดยในวันนี้ลานจอดรถแทบจะว่างเปล่า ไร้นักท่องเที่ยวใดๆ คงเป็นเพราะ หิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก
ณ ลานจอดรถของสะพาน หิมะหนามากจนเราเริ่มกลัวว่ารถจะติด
เราลงจากรถเดินไปเข้าไปบริเวณสะพานที่ วันนี้ก็ยังเปิดอยู่ ทั้งที่พายุหิมะโปรยปรายลงมาขนาดนี้
วิวบริเวณสะพาน หิมะตกหนัก ลมแรง และหนาวมาก
บรรยากาศตอนนั้น ช่างงดงามเพลงที่เปิดคลอ หิมะที่โปรยปรายความหนาวที่ปะทะตัวเรา ผมยืนนิ่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาราวกับยังไม่ตื่นดี
บรรยากาศที่ทำให้เราหยุดชะงัก นึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
หลังจากกลับมาที่รถ หิมะไม่มีมีที่ท่าว่าจะหยุดเลย เราเริ่มภาวนาว่าหนทางต่อไปข้างหน้า ที่มุ่งสู่เมือง คุมาโมโต้ จะเป็นทางหลวงขนาดใหญ่
หิมะตกหนัก เราไปช้าด้วยความระวัง
แต่สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด หิมะหนักขึ้นเรื่อยๆ รถที่สัญจรผ่านไปมาน้อยมาก หิมะที่พื้นเริ่มหนา ล้อของเราเริ่มไม่ยึดเกาะกับถนนอีกต่อไป เราฝืนขับต่อไปด้วยความหวังว่าเราจะพ้นออกจากสถานะการณ์นี้ไปได้
เราฝืนขับรถขึ้นไปช้าๆ
แต่หลังจากผ่านไปสองโค้ง เราไม่สามารถเดินทางไปข้างหน้าได้อีกต่อไป รถลื่นและติดอยู่กลางเนิน จนคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวไหนน่าจะเป็นห่วง จึงจอดรถหน้าเราและลงมากบอกเราว่า สภาพยางเราแบบนี้ คงไม่สามารถเดินทางไปต่อแบบปลอดภัยได้แน่ๆ ระยะทางก็ยังเหลืออีก มาก เราตัดสินใจกลับรถ และขับย้อนกลับมาที่ปั้มน้ำมันเล็กๆบริเวณนั้น ทางปั้มแจ้งว่า ทางเค้าก็ไม่มีที่พันโซ่ขายเหมือนกัน แต่เค้าให้แผ่นพับเรามา พร้อมด้วยเบอร์บนนั้น
เป็นเหมือนการ ดิลิเวอรี่ โซ่พันล้อสำหรับพวกประมาทแบบเรา ราคาแพงเอาเรื่อง
เราทำการโทรไปหา ด้วยความหวัง หลังจากแจ้งที่อยู่ ของเราด้วยมาภาษาญี่ปุ่นงูๆปลาๆ เรานั่งรอบนรถด้วยความหวั่นใจ ว่าเค้าจะมาจริงไหมแล้วจะใช้เวลานานเท่าไหร่ อากาศตอนนี้อยู่ที่ประมาณ -5 พร้อมด้วยลงและหิมะที่รุนแรง
ตอนนี้เราเคลื่อนไปไหนไม่ได้แล้ว รอได้อย่างเดียว
รอไปประมาณ 30 นาที มีรถคันหนึ่งขับมาเทียบเรา พร้อมถามว่าเราใช่ไหมที่โทรหา
มาเอกของเรามาแล้ว
เรารีบตอบรับ ทางเค้ารีบนำโซ่ลงมา พันให้เรา พร้อมทั้งสอนวิธีถอดออกและใส่เข้าให้เราอย่างละเอียด เนื่องจากว่า โซ่พันล้อจะทำความเร็วได้ไม่เกิน 60 เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย เราจ่ายเงินและขอบคุณ รีบเดินทางต่อเนื่องจากเวลาก็เริ่มบ่ายแล้ว
จนท. ใส่โซ่ให้พร้อมทั้งสอนวิธีถอด ใส่ให้กับเรา
หลังจากค่อยๆขับไปซักพัก เราเจอรถคันนึงตกลงไปข้างทาง จึงลงไปถามได้ความว่า เจ้าหน้าที่กำลังเดินทางมากำลังจะถึงแล้ว เราจึงเดินทางต่อ
มีรถลื่นไถลออกนอกทางเยอะมากระหว่างทาง
เราทำความเร็วได้น้อยมาก ท้องเราเริ่มร้องระยะทางที่เหลือน่าจะอีกไกลเราจึง แวะร้านอาหารกลางทางเพื่อเติมพลังกันสักหน่อย ตอนนี้ทั้งร้านมีแค่เรา แต่เจ้าของร้านก็เต็มใจบริการเราอย่างดี พร้อมทั้งสอบถามด้วยความเป็นห่วงก่อนที่เราจะออกจากร้าน
อาหารแสนอร่อย หลังจากผ่านวิกฤติมาได้
เริ่มเข้าสู่เมือง ถนนเริ่มใหญ่ขึ้น หิมะได้หายไปแล้ว เราแวะข้างทางเพื่อถอดโซ่ออก
สภาพยางที่เราลุยมาอย่างหนัก
เริ่มเดินทางเข้าเมืองกันต่อ
บรรยากาศหิมะ สวยงามมาก ทำให้เราลืมความอันตรายที่เราผ่านมาเมื่อสักครู่
เดินทางมาถึงชานเมืองคุมาโมโต้ เดินทางเข้าที่พักแช่ออนเซ็นให้คลายจากความทรหดที่พบเจอมาทั้งวัน แต่ก็ช่างมันความทรงจำที่ตื่นเต้น และน่าประทับเสียนี่กระไร พนักงานเดินนำเราไปยังห้องพักของเรา ท่ามกลางหิมะโปรยปราย
ที่พักราคาคืนละ ไม่ถึง 1500 บาทที่สวยงาม
ห้องพักของเราในคืนนี้ นอนพื้นสบายและอุ่นมากๆ ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม
ห้องอาบน้ำ
พักก่อนกันอย่างเต็มที่เมื่อคืนเช้านี้เราเริ่มออกเดินทาง
เริ่มออกนอกเมืองหิมะเริ่มกลับมาอีกแล้ว ต้องแวะใส่โซ่ไหม เรายังไม่แน่ใจ
ไม่นานเราก็มาถึง จุดหมายแรกคือ วัด Kamishikimi Kumanoimasu Shrine ซึ่งเป็นวัดที่มีเศรษฐีใจบุญผู้นำโคมไฟหินมาบริจาค จนตั้งเรียงรายสวยงามอย่างที่เราเห็น วัดแห่งนี้เป็นวัดที่อยู่ใน อนิเมะหลายๆเรื่องอีกด้วย
Kamishikimi Kumanoimasu Shrine
เรามาถึงวัดนี้ในเวลาสิบโมงเช้าที่หิมะโปรยปราย ไม่มีใครเลย ณ สถานที่แห่งนี้ทั้งผู้ดูแลหรือนักท่องเที่ยวคนอื่น แต่นั้นทำให้บรรยากาศช่างสวยงามและมีมนต์ขลังมากเลยทีเดียว
เป็นบรรยากาศที่เงียบและสวยงามมากๆ
ผมปีนป่ายขึ้นไปจนถึงยอดด้านบนก็ได้พบกับวิวที่สวยงามมากทีเดียว
เดินขึ้นไปที่ยอดสุด บรรยากาศ เงียบและวังเวงทีเดียว
ผมปีนป่ายขึ้นไปจนถึงยอดด้านบนก็ได้พบกับวิวที่สวยงามมากทีเดียว
วิวจากยอดด้านบน
จากวัดเดินทางห่างออกมาไม้ไกลเป็นจุดชมต้นซีดาร์และวิวภูเขาที่สวยงาม เราเจอน้องวัวยืนท้าหนาวอยู่ตรงนี้
น้องวัวยืนท้าลมหนาว
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหลังจากเราเดินย่ำหิมะ ขึ้นมาได้ซักพัก ช่างคุ้มค่าเสียจริง
สวยงามมากสมกับการเหนื่อยเดินขึ้นมาจริงๆ
เนื่องจากเวลายังพอเหลือเราเดินทางไปที่ Shirakawa Spring ซึ่งเป็นจุดน้ำแร่ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของคุมาโมโต้
น้ำใสมาก จุดนี้จะมีจุดให้เรากรอกน้ำไปกินด้วย
หลังจากชมบรรยากาศ เลือกซื้อของฝากและหาราเมงใส่ท้องแล้ว ก็มุ่งหน้าไปกันยังเมืองคุมาโมโต้กัน
ราเมง ที่ร้านน่าจะพึ่งเปิดมาไม่เกิน 1 อาทิตย์
เราเข้าเช็คอินกันที่โรงแรมใกล้กับปราสาท คุมาโมโต้ หลังจากเอารถขึ้นจอดในที่จอดรถ อัตโนมัติของโรมแรม เช็คอิน
Kumomon มาเป็น Reception เองเลย
ในเมือง ไม่ค่อยมีที่ต้องจอดบนตึก
เราก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ เพื่อชมปราสาทคุมาโมโต้ ตัวปราสาทส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นใหม่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ บางส่วนก็ยังก่อสร้างไม่เสร็จ แต่บรรยากาศโดยรวม สวยสดงดงามทีเดียว
Kumamoto Castle ที่อยู่ใจกลางเมืองเลย
หลังจากเดินกันจนเหนื่อยก็แวะกินปิ้งย่าง แบบกินคนเดียวกันก่อนกลับโรงแรม
คนเดียวก็กินปิ้งย่างได้ เรามาสองคนก็คนละโต๊ะ ^__^
เช้าวันถัดมาเราเดินทางไปที่เมืองคุรุเมะ ที่อยู่ติดกับฟุคุโอกะ
ดูรถระหว่างทางไปเรื่อยๆ
แวะชมเมืองโบราณ ที่ Yoshinogari Historical Park เป็นการจำลองเมืองและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยโบราณ เนื้อที่ที่นี้กว้างใหญ่มาก เราเดินกันจนเหนื่อยเลย
Yoshinogari Historical Park
เช้าวันถัดมา เราขับรถกลับมาที่ ฟุกุโอกะ
เข้าเมืองแล้ว
ทำการคืนรถ ที่ดูแลเรามาตลอดหลายวัน
คืนรถกัน
หลังจากคืนรถเราก็ เดินเล่นในเมืองกัน จนถึงเวลาอันสมควรเราก็เดินทางไปยังสนามบินเป็นอันจบทริปนี้
กลับบ้านกัน
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ การเดินทางทุกครั้งที่เจอวิกฤตหรืออันตรายบางทีมันก็ทำให้เราได้เข้าใจตัวเราและคนรอบข้างเราได้มากขึ้น
สุดท้ายคนเราก็คงอยู่กับความทรงจำ ไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายเพียงใดก็ตาม
Mr.Sushine
โฆษณา