21 ก.ค. 2023 เวลา 20:47 • ความคิดเห็น
"ไอน์สไตน์สอนเรื่องการใช้ชีวิตด้วยความตายของเขา"
ในวันที่ 17 เมษายน 1955
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล หมอพบว่า
หลอดเลือดเอออร์ตาส่วนท้องปริแตก ทำให้เลือดไหลในช่องท้อง
เขาต้องได้รับการผ่าตัดด่วน แต่เขาบอกหมอว่า
เขาไม่ปรารถนาจะรับการผ่าตัดใด ๆ
.
เขากล่าวว่า
“ฉันต้องการจากไปเมื่อฉันต้องการ มันไร้รสชาติที่ต่ออายุอย่างผิดธรรมชาติ
ฉันทำงานของฉันจบแล้ว ถึงเวลาไปแล้ว ฉันจะจากไปอย่างสง่างาม”
.
แล้วไอน์สไตน์ก็จากโลกไปในวันรุ่งขึ้น วัยเจ็ดสิบหก ง่าย ๆ เช่นนั้น
.
เป็นเรื่องอัตโนมัติอย่างยิ่งสำหรับหมอและญาติคนไข้
ที่จะยืดชีวิตคนไข้ให้อยู่ในโลกนานที่สุด
โดยความคิดว่าการมีชีวิตยืนยาวที่สุดเป็นเรื่องดี
ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่า การอยู่ในโลกนานกว่ากำหนด
โดยมีสายช่วยชีวิตระโยงระยาง เป็นความทุกข์ที่เราสร้างขึ้นเอง
กระนั้นก็ยังทำทุกวิถีทางเพื่อต่อชีวิตให้ยาวที่สุด
.
คนไข้จำนวนมากในโลกมีชีวิตอยู่ในสภาพตายไปครึ่งตัว
บางคนอยู่ในสภาวะโคม่านาน 10-20 ปี
บางคนสมองตาย แต่ยังหายใจอยู่ เพราะญาติไม่ยอมให้ถอดเครื่องช่วยชีวิต
เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะค่านิยมและความเชื่อว่า “ชีวิตเป็นของมีค่า”
ไอน์สไตน์กลับมองว่า
‘ความมีค่า’ กับ ‘ความยาว’ ของชีวิต ไม่ได้อยู่ในสมการเดียวกัน
.
เขารู้ว่าความยาวของเวลาเป็นเพียงมายา
เพราะเวลาเป็นเพียงค่าสัมพัทธ์
.
ไอน์สไตน์สมแล้วที่เป็นคนฉลาดที่สุดคนหนึ่งในโลก
มิเพียงจะเข้าใจหลักฟิสิกส์อย่างดีเยี่ยม
หากยังสามารถใช้หลักฟิสิกส์ในชีวิตจริง เข้าใจสมการชีวิตอย่างลึกซึ้ง
และเขาก็ใช้ชีวิตเช่นแนวคิดเรื่องสัมพัทธภาพของเขา
.
ชีวิตก็คือสัมพัทธภาพ ความยาว-สั้นของเวลาชีวิตเป็นเพียงมายา
จะอยู่ในโลกนานขึ้นอีกห้าปี สิบปี อาจไม่แตกต่างอะไร
หากเวลาที่เรามีนั้นไร้คุณภาพหรือไร้ความหมาย
ดังนั้นถ้าหลงคิดว่าตัวเลขอายุมาก ๆ คือดี ก็อาจหลงทาง
มองคุณค่าของชีวิตผิดเพี้ยนไป
.
ลองถามตัวเองว่า
หากมีชีวิตยาวขึ้นอีกวันสองวัน ร้อยวัน สร้างความแตกต่างอะไรหรือไม่
หากไม่แตกต่าง จำนวนวันบนโลกก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เร็วหรือช้าไม่มีผลอะไรต่อโลกอีกแล้ว
.
บางทีความยาวของชีวิตอาจไม่สำคัญเท่าว่าช่วงชีวิตที่มีลมหายใจ
เจ้าของชีวิตทำอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร
ที่ทำให้การมีชีวิตอยู่บนโลกของเขานั้นดีกว่าการไม่มี
.
เมื่อเข้าใจสัมพัทธภาพแห่งชีวิต เราก็จะเข้าใจมายาอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก
และเมื่อนั้นเราก็อาจสามารถกำหนดชีวิตของเราได้เอง
.
เมื่อพบทุกข์ ก็สามารถพิจารณาว่ามันเป็นเพียงระดับความรู้สึก
ที่เราสร้างขึ้นมาด้วยความเคยชินหรือด้วยประสบการณ์เก่า
เมื่อเข้าใจเราก็อาจสามารถลดมาตรวัดความทุกข์ลง
ทำให้รู้สึกแย่น้อยลงทั้งที่เป็น ‘ทุกข์’ อันเดิม
.
ดังนั้นเวลาสุขอย่าลืมตอนทุกข์ เวลาทุกข์อย่าลืมตอนสุข
เวลาเศร้าอย่าลืมตอนหัวเราะ เวลาหัวเราะอย่าลืมตอนเศร้า
เวลาซึมอย่าลืมตอนสดชื่น เวลาเหงาอย่าลืมตอนมีเพื่อน ฯลฯ
.
เพราะทุกอารมณ์เป็นเรื่องเดียวกัน
ต่างที่ว่าจะไปจับตรงช่วงไหนของเรื่องนั้น
.
ย่อความจาก ความสุขเล็ก ๆ ก็คือความสุข / ข้อมูลหนังสือ
โฆษณา