Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Jbius Boy - เจเล่าเรื่องคณิต
•
ติดตาม
22 ก.ค. 2023 เวลา 08:34 • การศึกษา
กำเนิด "Jbius Boy - เจเล่าเรื่องคณิต" แสงสว่างเดียวในความมืดที่เปลี่ยนชีวิต
บทความโดย เจ จิรภัทร
กาลครั้งหนึ่ง สมัยที่ผมเรียนอยู่มัธยม ผมเป็นเด็กห้อง Gifted ที่เรียนไปเรื่อยๆ เน้นการเรียน แม้จะมีทั้งวิชาที่ชอบและไม่ชอบตามภาษาคนทั่วไป โดยผมไม่ชอบวิชาวิทย์เลย แต่กระนั้น เกรดก็ค่อนข้างดี เกรดผมดีขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในม.3 ที่ได้เกรดเฉลี่ย 3.96 ทั้ง 2 เทอม ซึ่งเป็นเกรดที่สูงที่สุดในชีวิต จนผมเองวาดฝันไว้ในม.ปลายไกลมาก
เมื่อขึ้นมาเรียนม.ปลายเทอมแรก ผมได้เกรดเฉลี่ย 3.96 เท่ากับม.3 อีกแล้ว นั่นคือ เกรดเท่าเดิม 3 เทอมติดต่อกัน ยิ่งทำให้ผมฝันไปไกลสุดอีกขอบฟาก
โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า สิ่งที่รออยู่หลังจากนี้ คือ รอยแผลที่ซุกซ่อนอยู่กำลังจะถูกเปิดแผลใหญ่ขึ้น หลังจากนี้ ความจริงในม.ปลายกำลังแสยะยิ้มรออยู่
ในเทอมถัดมา ผมเริ่มพบปัญหาในการเรียนวิชาวิทย์ขั้นสูง (โรงเรียนของผมจะเรียกวิชา"เพิ่มเติม"ในกลุ่มวิทย์-คณิตสำหรับห้อง Gifted ว่า"ขั้นสูง") เริ่มรู้สึกเรียนไม่รู้เรื่อง
แต่ด้วยโชคหลายอย่างที่เข้าข้างในเทอมนั้น ผลสุดท้าย คือ ยังได้เกรดเฉลี่ย 3.70 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ผมเองก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก ยังคิดว่า"อู้ย เทอมหน้าเดี๋ยวกลับมาแน่"
หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เจอในเทอมนั้นเป็นเพียงแค่รอยแผลเล็กเท่านั้น แต่มันเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดี เพราะรอยแผลใหญ่ที่สุดที่ถูกปิดผนึกมาตลอด กำลังจะถูกเปิดขึ้น
ในม.5 เป็นปีที่ผมเจอกับวิกฤตการเรียนของตัวเองตกต่ำ คราวนี้ไม่เพียงแต่วิชาตระกูลวิทย์ที่ยังแย่ลงไปจนอาการหนัก แต่ผลข้างเคียงนี้ทำให้วิชาอื่นๆต่างพากันล้มระเนระนาด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูไม่เป็นใจ ไม่มีความสุขในการเรียน ผมเครียดกับวิชาวิทย์เป็นอย่างมาก แถมตอนนั้นดูไร้ทิศทางมากๆ ไม่รู้เรื่องของอนาคตในการสอบเข้ามหาลัยเลย เรื่องของเกรด จากเดิมที่เกรดตัวเองสูงมาตลอด ภายในระยะเวลาแค่ 2 เทอม ดำดิ่งลงสู่ 3.43
ในเทอมต่อมา เราก็คิดว่าจะกลับมาได้มั้ย แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นผล เพราะยังคงแย่อย่างต่อเนื่อง แถมเกรดวิชาชีวะขั้นสูงได้เพียง 1.5 ซึ่งเท่ากับหน่วยกิตเลย เป็นเกรดที่ต่ำที่สุดในชีวิตมัธยม ผลลัพธ์เกรดเฉลี่ยตกไปอยู่ที่ 3.34
ภาพรวมม.5 เป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในการเรียนในแทบทุกด้าน หาแง่มุมบวกแทบจะไม่ได้เลย เป็นการเปิดรอยแผลที่ว่า "ที่ผ่านมา ผมเรียนแต่ท่องจำอย่างเดียว ถ้าเจอแบบนี้ให้ทำแบบนี้ ขอเพียงสอบได้ สอบเสร็จแล้วก็จบกันไป แม้จะได้เกรด 4 ก็จริง แต่ความรู้คืนคุณครูตั้งแต่ก่อนเกรดออกเสียอีก ไม่สนใจที่มาหรอกว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ไม่เคยตั้งคำถามหรือคิดวิเคราะห์ คิดแต่ว่าฉันได้เกรด 4 แปลว่า ฉันสำเร็จในการเรียนแล้ว"
แต่กระนั้น ผมเองก็ยังโชคดีอยู่อย่างนึงครับ ผมเองก็มีวิชาที่มีทัศนคติค่อนข้างดีกับเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และ"แสงสว่างท่ามกลางความมืดที่จะนำพาไปสู่ปลายอุโมงค์" ก็สว่างไสวขึ้นมาในปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยไม่รู้เลยว่าเขานี้แหละที่จะเปลี่ยนแปลงนิยามการเรียนของเราในอนาคตไปอย่างสิ้นเชิง
เขามีชื่อว่า"คณิตศาสตร์" เราเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว อาจจะมีล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง แต่เขาได้ชื่อว่าเป็นวิชาที่เราชอบที่สุดและทำได้ดีที่สุดในภาพรวมเมื่อเทียบกับวิชาอื่น
ในม.5 นี้เองที่ผมท้อแท้และไม่มีความสุขในการเรียน ผมจึงตัดสินใจที่จะจับมือเขาไว้ให้แน่นและแน่วแน่ว่าจะทำให้ดีที่สุด โดยเขาเป็นเพียงความสุขเดียวที่ทำให้ผมมีกำลังใจในการเรียน
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องผลการเรียนตกต่ำเหมือนคนอื่นๆ นอกจากจะไม่ตกต่ำแลัว ยังจะดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ต่อมาในม.6 ผมได้ตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้งโดยการทุ่มเทสุดตัวเท่าที่จะสามารถทำได้ด้วยยึดมั่นในวิธีการของตัวเองที่อาศัยการเตรียมตัวสอบเข้าด้วยตัวเอง ผลักดันคณิตศาสตร์ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของผมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมค้นพบวิธีการเรียนที่ลงตัวที่สุดสำหรับผมในวิชานี้ ซึ่งก่อนสอบผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้องมั้ย แล้วสุดท้ายมันจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่
สุดท้าย เขานี่แหละทำให้ผมติดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ภาคการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ และไม่เพียงเท่านั้น แต่เขาได้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ในการเรียนของผมอย่างสิ้นเชิง
นี่เองคงเป็นที่มาว่าทำไมผม"รัก"คณิตศาสตร์ แม้ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากสถานการณ์บีบบังคับ(ไม่มีทางเลือก) แต่ถ้าไม่รักกันจริง ผมคงลืมเขาไปตั้งแต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว
ตอนนี้ผ่านจากวันสอบเข้ามหาลัยมาแล้วกว่า 1 ปี
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผมชอบใช้เวลาว่างกับคณิตศาสตร์ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำโจทย์เล่นๆ คิดวิเคราะห์เนื้อหา รวมถึงพิสูจน์สูตรที่เดิมเคยพิสูจน์ไม่ได้ ตอบคำถามคณิตที่คนอื่นถามมา ได้เผยแพร่ความรู้ในวิชาคณิตศาตร์อยู่เรื่อยๆตามที่ตัวเองอยากทำ รวมถึงทำคลิปเศรษฐศาสตร์จุลภาคและรีวิวรายวิชาในคณะบัญชีจุฬาอีกด้วย
ผมอยากที่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่น โดยหวังว่าสิ่งนี้จะประโยชน์เล็กๆน้อยๆให้สังคม อีกทั้งตัวเองยังมีความสุขจากการทำสิ่งนี้อีกด้วย สุขทั้งตัวเองและผู้อื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ทางครอบครัวผมโดยเฉพาะคุณแม่สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ผมครับ
ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้เปลี่ยนชื่อช่องจาก"รู้รถกับเจ"(สมัยม.2 ผมเคยทำคลิปรถครับ555) มาเป็น "Jbius Boy - เจบิอุสบอย" ใน Youtube โดยที่มานั้นมาจากอุลตร้าแมนที่ผมชื่นชอบ(แม้ตอนเด็กผมจะรู้จัก แต่พึ่งจะมาดูจริงจังหน่อยตอนม.6 นี่เองครับ หรือนี่เป็นหนึ่งในเคล็ดลับของการสอบติด555) อุลตร้าแมนเรื่องที่ผมชอบที่สุด คือ เมบิอุส จนมีรุ่นน้องคนนึงเรียกผมว่า เจบิอุส ซึ่งมาจาก เจ+เมบิอุส ผมเลยได้ไอเดียว่างั้นตั้งชื่อนี้เป็นชื่อช่องแล้วกัน
แต่บัดนี้ ผมได้เพิ่มช่องทางใน Facebook แล้ว และมีการปรับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "Jbius Boy - เล่าเรื่องคณิต" เพื่อการบ่งบอกถึงเพจ/ช่องว่าเกี่ยวกับอะไรได้อย่างชัดเจนขึ้น โดยจะมีทั้งบทความและคลิปต่างๆตามมาหลังจากนี้แน่นอนครับ เปิดมุมมองใหม่ในการเรียนคณิต เน้นพื้นฐานสำคัญในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย มองคณิตศาสตร์ให้เป็นเรื่องง่าย เป็นพื้นที่สำหรับการพูดคุยคณิตศาสตร์เป็นหลัก แลกเปลี่ยนความรู้ รวมไปถึงคลิปวิชาในคณะบัญชีจุฬาด้วยนะครับ
เด็กดูดี ผู้ใหญ่ดูได้ รับชมได้ทุกเพศทุกวัยทั้งเด็กมัธยมรวมถึงทุกท่านที่สนใจครับ
ว่าแล้วขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
หากท่านอ่านจนจบแล้ว มีความคิดเห็นอย่างไร สามารถคอมเม้นติชม-แนะนำ-พูดคุยกันได้เลยนะครับ
ช่องทางการติดตามนอกจากเพจนี้ ยังมีใน Youtube/Instagram/Tiktok ด้วยนะครับ ใช้ชื่อนี้ช่อง/เพจเดียวกันเลยครับ
Jbius Boy - เจเล่าเรื่องคณิต เร็วๆนี้
#JbiusBoy #เจเล่าเรื่องคณิต #กำเนิดJbiusBoy
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย