26 ก.ค. 2023 เวลา 09:06 • อาหาร

ประวัติผัดกะเพรา เมนูสิ้นคิดที่ยอดฮิต l Line สาระ อาหารรอบโลก

สวัสดีคับ ทุกคนคับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่บทความของ Line สาระ สาระดีๆมีได้ที่บทความของ Line สาระคับ
ในบทความนี้ ผมจะพูดถึงประวัติความเป็นมาของเมนูเมนูหนึ่ง ซึ่งผมเชื่อเลยว่า เวลาคิดไม่ออก ทุกคนจะสั่งเมนูนี้เป็นอันดับแรก เมนูสิ้นคิดที่ยอดฮิตตลอดกาลของคนไทย นั่นก็คือเมนู "ผัดกะเพรา" นั่นเองคับ
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2230 จากหลักฐานในเอกสาร จดหมายเหตุ ลา ลู แบร์ (เป็นจดหมายเหตุที่บันทึกเป็นภาษาฝรั่งเศส กล่าวถึงราชอาณาจักร​สยาม ในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์​มหาราช​)​ ได้กล่าวถึงกะเพราไว้ว่า
“... ผักลางชนิดที่มีกลิ่นดี เช่น กะเพรา....”
ซึ่งเป็นการกล่าวถึงของชาวสยามจากการที่ “มองซิเออร์ เดอลาลูแบร์” ได้ยิน หรือได้พบเห็นเมื่อตอนที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา​ในรัชกาลสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลโดย นางวสุนธรี เสรีสุชาติ นักโภชนาการชำนาญการพิเศษ สำนักโภชนาการ กรมอนามัย
และนอกจากนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานอีกข้อหนึ่ง นั่นก็คือ ประเทศไทยน่าจะรับเอาต้นกะเพรามาจากศาสนาพราหมณ์ เพราะพราหมณ์ มักจะใช้กะเพราสำหรับบูชาเทพเจ้า และยังมีส่วนที่บันทึกไว้ใน อักขราภิธานศรับท์ (พจนานุกรมไทยของ แดน บีช บรัดเลย์)​ ของหมอบรัดเลย์ พ.ศ. 2416 ให้ความหมายว่า "ผักอย่างหนึ่งต้นเล็ก ๆ ใบกลิ่นหอม ใช้แกงกินบ้าง ทำยาบ้าง"
นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องราวหนึ่งของผัดกะเพรา ซึ่งเรื่องราวนี้มาจากผู้ใช้ที่ชื่อ "เสือตะหลิว" สมาชิกเว็ปชื่อดังอย่างพันทิป ได้ออกมาแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจของผัดกะเพรา พร้อมวิธีทำผัดกะเพราแบบดั้งเดิมซึ่งผมสรุปได้ความดังนี้คับ
จากสยามสู่ไทย…ปฏิวัติหัวใจสู่ไทยยุคใหม่ “ผัดกะเพราเนื้อ สูตร จอมพล ป.พิบูลสงคราม”
เสือตะหลิวเชื่อว่าคนไทยทั้ง 70 ล้านคน ล้วนต้องรู้จักและเคยลิ้มลองเมนู “ผัดกะเพรา” กันอย่างแน่นอน และคนไทยส่วนใหญ่มักคิดเสมอว่า เมนู “ผัดกะเพรา” นั้น เป็นเมนูที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ย้อนหลังไปได้หลายร้อยหลายพันปี
แต่ในความเป็นจริงแล้ว รู้หรือไม่ว่า เมนู “ผัดกะเพรา” นั้น เป็นเมนูที่เพิ่งจะถูกคิดค้นมาในช่วงประมาณ พ.ศ. 2490 สมัยของจอมพลรัฐบุรุษชื่อดังผู้หนึ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ล้วนรู้จักกันดี ซึ่งผู้นั้นก็คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ช่วงสมัยนั้น จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ออกนโยบายในเรื่องของการปฏิวัติวัฒนธรรม ท่านได้ทำการปฏิวัติวัฒนธรรมในประเทศครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแต่งกาย การใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งอาหารการกิน
และในสมัยนั้นเอง ได้มีการจัดงานประกวดอาหารและขนมประจำชาติขึ้น แน่นอนว่าอันดับหนึ่งก็คือ “ผัดไทย” แต่เมนู “ผัดกะเพรา” เองก็ตามมาติดๆ ต่อมาหลังจากจบงานประกวด เหล่าบรรดาอาหารและขนมที่ได้รางวัล ก็มีการปรับปรุงสูตรโดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อให้เข้ากับความเป็นไทยมากขึ้น
แต่ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่า “ผัดกะเพรา” แต่เมนู “ผัดกะเพรา” สูตรของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในยุคเริ่มแรกนั้น กลับมีความแตกต่างไปจาก “ผัดกะเพรา” ในยุคปัจจุบัน นั่นก็คือ จะมีการใส่น้ำพริกเผาเข้าไปเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความรสชาติที่ซับซ้อนให้กับผัดกะเพรา หรือหากไม่มีน้ำพริกเผาก็จะใส่น้ำพริกแกงเผ็ดแทนพริกเผาคับ
นอกจากนี้เรื่องการปรุงรส จะต่างไปจากปัจจุบัน นั่นก็คือ รสเค็มจะใช้เต้าเจี้ยวแทนน้ำปลา ส่วนรสหวานจะใช้น้ำตาลปี๊ปแทนน้ำตาลทราย
มันอาจจะดูแปลกๆ สำหรับยุคปัจจุบันที่นิยมใส่น้ำปลาและไม่นิยมเติมน้ำตาล แต่สำหรับ “ผัดกะเพรา” ในยุคแรกของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นั้น ผัดกะเพราจะใส่เต้าเจี้ยวกับน้ำตาลปี๊บ สาเหตุก็เพราะ ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม อิงสูตร “ผัดกะเพรา” ของท่านมาจากเมนู “เนื้อผัดเต้าซี่” หรือ “เนื้อผัดเต้าเจี้ยว” แต่เนื่องด้วยในสมัยนั้น เต้าเจี้ยวหรือเต้าซี่ เป็นเครื่องปรุงที่หายากในครัวเรือนไทย ชาวไทยส่วนใหญ่จึงมักใช้น้ำปลาในการปรุงรสแทนนั่นเอง
นอกจากนี้ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นคนชอบทานอาหารรสหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรสหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ท่านจึงใส่น้ำตาลปี๊บลงไปใน “ผัดกะเพรา” สูตรของท่าน สูตรของท่านจึงมีรสหวานนั่นเองคับ
“ผัดกะเพรา สูตร จอมพล ป.พิบูลสงคราม” คือเมนูผัดกะเพราในยุคแรกเริ่มปฏิวัติวัฒนธรรม เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนแปลงจากสยามไปเป็นไทย นำมาซึ่งการพัฒนาประเทศจนนำมาสู่ความเจริญของประเทศไทยยุคใหม่
“เพราะอาหารคือเรื่องของปากท้อง และปากท้องคือเรื่องของประเทศชาติ…เหล่าผู้นำทั้งหลายจึงควรคิดถึงเรื่องปากท้องของคนในชาติเป็นสำคัญ เพราะถ้าหากปากท้องของคนในชาติมีปัญหา ความเจริญของประเทศชาติย่อมไม่ปรากฏ”
คำพูดของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
โฆษณา