27 ก.ค. 2023 เวลา 08:45 • อาหาร

ประวัติศาสตร์คุกกี้ ของหวานสุดอร่อย l Line สาระ อาหารรอบโลก

สวัสดีคับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่บทความของ Line สาระ สาระดีๆ มีได้ที่บทความของ Line สาระคับ
เมื่อพูดถึงเบเกอรี่หรือขนมหวาน หรือของทานเล่นที่เป็นรสหวาน ปฏิเสธไม่ได้แน่นอนคับว่า ขนมหวานที่ทุกคนคิดถึงเป็นอันดับต้นๆ ก็คือคุกกี้ นอกจากจะเป็นขนมที่ทานง่าย หาซื้อได้ง่ายแล้ว คุกกี้ยังเป็นของขวัญอันดับต้นๆ ที่ทุกคนนึกถึงและซื้อไปฝากญาติๆหรือเพื่อนๆของเรา แต่ทุกคนรู้หรือเปล่าคับว่า กว่าจะมีขนมที่เรียกว่าคุกกี้นี้ ประวัติความเป็นมามันเป็นยังไง แล้วทำไมคุกกี้ถึงเป็นขนมยอดนิยม เดี๋ยวบทความนี้มีคำตอบให้คับ
ประวัติศาสตร์ของคุกกี้
มาทำความเข้าใจกันก่อนคับว่า คุกกี้คืออะไร? คุกกี้ คือ ขนมอบชิ้นเล็กๆ ที่มีรูปร่างแบน ทำมาจากแป้งสาลี เดิมทีแล้ว คุกกี้ทำโดยการแบ่งแป้งขนมเค้กที่ผสมไว้แล้วออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำเข้าเตาอบ เพื่อทดสอบอุณหภูมิที่จะใช้อบขนมเค้ก
คำว่า “คุกกี้” (cookie) ใช้กันใน สหรัฐอเมริกาและ แคนาดา ในขณะที่ในสหราชอาณาจักรจะเรียกขนมแบบเดียวกันนี้ว่า “บิสกิต” (biscuit)
โดยคุกกี้ (cookie) มีต้นกำเนิดมานานมาก โดยกำเนิดขึ้นในครั้งแรกตอนศตวรรษที่ 7 มาจากแถบเปอร์เซีย ที่ตอนนี้กลายเป็นประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ซึ่งชาวเปอร์เซียกลุ่มนี้ เป็นชนกลุ่มแรกๆที่ทำการปลูกอ้อย เพื่อคั้นเอาน้ำตาลมาใช้ประโยชน์
เรื่องราวนี้จึงทำให้คุกกี้ที่มีส่วนผสมของเนยน้ำตาล (คุกกี้เนย) ที่ถูกผลิตขึ้นออกมาเป็นชิ้นแรก
หลังจากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 14 คุกกี้ก็กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเริ่มแพร่ขยายไปสู่ยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนที่จะมาเป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่อังกฤษในยุคสมัย “Elizabethan” ที่มีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษที่ปกครองอยู่ ณ ขณะนั้น ก็นิยมทานคุกกี้มากๆ แต่คนอังกฤษยังไม่ได้เรียกว่าคุกกี้คับ แต่จะเรียกว่าบิสกิตแทน ซึ่งบิสกิตที่นิยมก็จะเป็นในรูปแบบของ Short-cake biscuit (ในเวลาเดียวกันที่ประเทศสกอตแลนด์ เขาก็จะมีนิยมกิน Shortbread biscuit)
แน่นอนว่า บิสกิตหรือคุกกี้ ที่ชาวยุโรปนิยมและชอบมาก ก็ได้แพร่หลายไปยังดินแดนทวีปอเมริกา ด้วยเหตุผลที่เราคุ้นเคยกันก็คือ การอพยพของชาวยุโรปและชาวอังกฤษ ไปสร้างอาณานิคมใหม่ ๆ บนทวีปอเมริกานั่นเอง
พอคุกกี้ได้ถือกำเนิดขึ้นในอเมริกา ด้วยความที่ว่า มันมีสูตรที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ จึงทำให้อเมริกันคุกกี้ชิ้นแรกๆ ก็จะมีความเป็นคุกกี้เนย (American butter cookies) ซึ่งจะมีลักษณะที่คล้ายๆ กับ สโคนของอังกฤษผสมกับชอร์ตเบรตของสกอตแลนด์ แต่จะมีความกรุบกรอบขึ้นมา (แต่ยังคงเป็นแผ่นกลมบางแห้งอยู่)
โดยคุกกี้ได้มีการปรากฎการบันทึกเอาไว้ในครั้งแรกๆ ในปี ค.ศ 1796 ตามหนังสือสูตรทำอาหารต่างๆ ของอเมริกัน (cookbook)
ต้องยอมรับว่า คุกกี้ (cookie) เป็นขนม ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกและแพร่หลาย หลังจากที่คุกกี้ (cookie) กำเนิดขึ้นในเปอร์เซียแล้ว คุกกี้ (cookie) ก็เริ่มเผยแพร่ไปยังทวีปยุโรป หลังจากช่วงที่ประเทศสเปนเริ่มลุกลามมุสลิม จนเวลาผ่านไปนานจนถึงศตวรรษที่ 14 คุกกี้ (cookie) ก็กลายมาเป็นขนมที่ชาวยุโรปนิยมทานกัน ถือว่ามีความนิยมอย่างมาก จนมีขายกันแทบทุกร้านขนม ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหารที่มีความหรูหรา เรียกได้ว่าถ้ามีร้านขนม ที่นั่นก็ต้องมีคุกกี้
คำว่าคุกกี้ (Cookie) ที่นิยมเรียกกันในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English) ที่หมายถึงขนมอบแผ่นบางมีรสออกหวานเค็ม มีที่มาจากคำในภาษาดัตช์ koekje ซึ่งหมายถึง "เค้กชิ้นเล็ก ๆ" แต่สำหรับชาวอเมริกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้หวาน คุกกี้กรอบร่วน คุกกี้เค็มหรือแบบไหนก็ตาม พวกเขาจะเรียกเหมารวมว่า “Cookie” ไปทั้งหมดเลย
ส่วนชื่อเรียกว่า “Biscuit” หรือ บิสกิต ที่นิยมเรียกกันในภาษาอังกฤษของชาวอังกฤษ (British English) มาจากขนมยุคเก่าของฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า “Old French bescuit” ซึ่งมีรากฐานในภาษาละตินคำว่า bis coctum ที่มีความหมายว่าการอบซ้อนถึง 2 ครั้ง (Twice baked)
ซึ่งต่อมาชาวอังกฤษจึงได้ใช้ชื่อเรียก Biscuit ตามทับกับชื่อของภาษาฝรั่งเศสกันมา โดยมักจะหมายถึงขนมอบแผ่นบาง ที่ไม่ได้มีความหวานมากนัก (ออกไปทางเค็ม)
ซึ่งถ้าเรียกบิสกิตที่มีความหวาน เขาก็จะเรียก “Sweet Biscuit” ตรงตัวไปเลย แต่สมัยใหม่ เราเห็นเขาก็เรียก Cookie กันก็มีนะ (จากตอนแรกที่เข้าใจว่าอังกฤษจะไม่เรียกเลย)
ประเภทของคุกกี้
ซึ่งคุกกี้ก็จะมีการแบ่งเป็นประเภทต่างๆด้วยคับ ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามนี้เลยคับ
  • คุกกี้หยอด (Dropped Cookies) เป็นคุกกี้ (cookie) ที่ส่วนผสมจะมีลักษณะเหลวพอที่จะใช้ช้อนตักหยอดเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ หรือบางคนอาจจะใส่กรวยที่มีหัวบีบก็ได้เช่นกัน สามารถตกแต่งหน้าด้วยผลไม้แห้งต่าง ๆ เช่น เชอรี่ ลูกเกด มะม่วงหินมะพาน อัลมอล เป็นต้น โดย คุกกี้ (cookie) ประเภทนนี้ก็อย่างเช่น คุกกี้นมสด คุกกี้เนย คุกกี้กุ้งแห้ง คุกกี้เม็ดมะม่วง เป็นต้น
  • คุกกี้ม้วน (Rolled Cookies) เป็นคุกกี้ที่มีส่วนผสมค่อนข้างแห้งและอยู่ตัว สามารถใช้ไม้คลึงแป้งเป็นแผ่นวางลวดลายต่างๆ หรือม้วนเป็นวงกลมได้ คุกกี้ (cookie) ชนิดนี้ต้องนำเข้าแช่ในตู้เย็นจนแข็งก่อนแล้วจึงค่อยนำมาตัด หรือใช้แม่พิมตัดเป็นรูปต่าง ๆ ก่อนนำเข้าอบ เช่น คุกกี้แฟนซี คุกกี้ผลไม้ ฯลฯ
  • คุกกี้กด (Pressed Cookies) เป็น คุกกี้ (cookie) ที่มีความเข้มข้นมาก สามารถนำมารีดเป็นแผ่น หรือกดด้วยพิมพ์เป็นลายต่างๆ ได้ เช่น คุกกี้หน้าทอฟฟี่ คุกกี้สิงคโปร์ ฯลฯ
  • คุกกี้ปั้น (Moulded Cookies) ส่วนผสมค่อนข้างแห้งและมีประมาณไขมันสูง สามารถนำมาปั้นเป็นรูปต่างๆ ได้ดีเลย เพราะแป้งมีความข้นแห้ง เช่น รูปดาว รูปวงกลม รูปนก รูปหัวใจ ฯลฯ
  • คุกกี้แท่งหรือคุกกี้บาร์ (Bar Cookies) เป็น คุกกี้ (cookie) ที่มีเนื้อเหลวและส่วนผสมใกล้เคียงเค้กมาก มักอบในพิมพ์ แล้วตัตเป็นชิ้น โดยคุกกี้ (cookie) ชนิดนี้มักจะมีเนื้อที่นุ่มคล้ายเนื้อเค้ก บางชนิดจะกรอบ หรือเหนียว
  • คุกกี้แช่เย็น (Refrigerated Cookies) ส่วนใหญ่จะคลึงแล้วม้วนเป็นแท่ง และแช่เย็นให้อยู่ตัว แล้วตัดเป็นชิ้นๆ ก่อนเอาไปอบ คุกกี้ชนิดนี้สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน โดยเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง
และนี่ก็คือประวัติของคุกกี้ ขนมหวานสุดแสนอร่อย หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ในที่นี้ด้วยนะคับ ยังไงถ้าชอบ ฝากกดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์มาพูดคุยกันได้เลยคับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า เพราะสาระดีๆ มีที่บทความของไลน์สาระคับ
ที่มา
โฆษณา