30 ก.ค. 2023 เวลา 12:18 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

MovieTalk Special Series:

N – O – L – A – N Project 12:
Oppenheimer
โพรมีเธอุสคือชายผู้นำไฟมาให้กับมนุษย์
ส่วนออพเพนไฮเมอร์คือชายที่นำไฟ(บรรลัยกัลป์)มาพลิกโลก
และนี่คือผลงานล่าสุดของ คริสโตเฟอร์ โนแลน
เรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้ริเริ่มสร้างระเบิดปรมาณูได้เป็นผลสำเร็จ แต่ก่อนจะกลายเป็นผลงานพลิกโลก เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ ได้เผชิญกับการท้าทายในชีวิตทั้งชีวิตส่วนตัว และการรับใช้ชาติ ภายหลังความสำเร็จที่นำมาซึ่งการถูกส่งขึ้นเขียงเพื่อทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ เขาคือคนที่ควรได้รับการยกย่อง หรือประณาม
คริสโตเฟอร์ โนแลน กลับมาอีกครั้งพร้อมกับพาคนดูไปสำรวจแง่มุมชีวิตและผลงานของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ บิดาแห่งระเบิดปรมาณู ผ่านการเล่าในสไตล์ของโนแลน ที่ไม่เรียงตามลำดับเวลาอันถือเป็นลายเซ็นของโนแลน
หนังอุดมไปด้วยบทสนทนาแทบจะตลอด 180 นาทีของหนัง แน่นอนว่ามันอาศัยสมาธิในการดูพออยู่ไม่น้อย แต่ด้วยชั้นเชิงความเป็นนักเล่าเรื่องของโนแลน และการใช้เทคนิคภาพขาวดำกับภาพสีตัดสลับกันไปมา และการไม่เรียงไทม์ไลน์ของหนัง ตลอดจนการเลือกใช้ภาพ-เสียงสะท้อนภาวะความคิดของตัวออพเพนไฮเมอร์ ก็มีส่วนทำให้หนังที่มีแต่บทพูดเรื่องนี้กลายเป็นงานที่มีความน่าสนใจ โดยไม่จำเป็นที่คนดูจะต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านฟิสิกส์ก็สามารถสนุกไปกับหนังเรื่องนี้ได้
บทหนังของโนแลนไม่ได้ตัดสินออพเพนไฮเมอร์ว่าสิ่งที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นความถูกต้อง หรือความเลวร้าย แต่ให้คนดูได้พิจารณาผ่านข้อมูลตามรายทางที่ทำให้เห็นว่า ชายคนหนึ่งที่มีความซับซ้อนทางความคิด ทำไมถึงสร้างสิ่งที่กลายเป็นเสมือนไฟบรรลัยกัลป์ที่จะทำลายล้างโลกใบนี้ได้ หลายต่อหลายครั้งเราได้เห็นความอ่อนไหว เปราะบาง ที่เดินคู่กับความเป็นอัจฉริยะทางสายงาน
แน่นอนว่าการแสดงแบบขึ้นหิ้งของนักแสดงคู่บุญ คิลเลียน เมอร์ฟีย์ ที่รับบทเป็น ออพเพนไฮเมอร์ ถือเป็นการแสดงหลายชั้นในหลายต่อหลายฉากแบบนอนมาในโค้งสุดท้ายของออสการ์
เช่นเดียวกับ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กับบท ลิวอิส สเตราส์ ที่ให้การแสดงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและยากคาดเดาได้ จนอาจกล่าวได้ว่านี่คือบทที่ดีที่สุดของดาวนีย์ จูเนียร์ และไม่แปลกถ้าถึงโค้งสุดท้ายเจ้าตัวจะได้เข้าชิงออสการ์ด้วย
นักแสดงที่เหลือไม่ว่าจะเป็น แมตต์ เดมอน, เอมิลี บลันต์, ฟลอเรนซ์ พิว, เจสัน คลาร์ก หรือกระทั่ง จอช ฮาร์ทเนตต์ที่หายหน้าหายตาไปเลย ล้วนแต่ทำหน้าที่ในบทของตนเองได้อย่างดี
โนแลนใช้กล้องไอแมกซ์ ฟิล์ม 70 มม. ในการถ่ายทำตลอดทั้งเรื่อง ผสมผสานการตัดต่อ และการเลือกใช้เสียงที่หลากหลายสะท้อนความนึกคิดของออพเพนไฮเมอร์ ที่เหมือนการนับถอยหลังการการกดระเบิดนิวเคลียร์ โดยเฉพาะการอัดเสียงระเบิดเข้าไปทำให้คนดูเหมือนอยู่ในการทดสอบนั้นด้วย แน่นอนว่าเพื่อให้ได้อรรถรสและตรงตามความต้องการของโนแลน การเลือกชมในโรง IMAX with Laser จึงเป็นการดูหนังเรื่องนี้อย่างขั้นสุด
Oppenheimer ถือเป็นหนังที่ คริสโตเฟอร์ โนแลน ใช้ทุกสิ่งที่สะสมมาจากงานเก่า ๆ ทั้ง 11 ชิ้น หล่อหลอมจนกลายเป็นอย่างที่เห็น แต่โดยส่วนตัวนี่คืองานที่ผมจัดอยู่ในกลุ่มไม่ค่อยชอบของโนแลนมากกว่า
จุดเริ่มต้นของการสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อเหตุผลหนึ่ง แต่มันอาจนำไปสู่อีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นด้านตรงข้าม
สุดท้ายแล้วสิ่งประดิษฐ์นั้นจะมีคุณค่าหรือไม่ก็อยู่ที่การนำไปใช้อย่างถูกวิธี
Oppenheimer (2023)
Directed: Christopher Nolan/Starring: Cillian Murphy, Matt Damon, Emily Blunt, Robert Downey Jr., Florence Pugh/Music: Ludwig Goransson/Cinematography: Hoyte Van Hoytema/Edited: Jennifer Lame/Screenplay: Christopher Nolan
Running time: 180 Mins.
ขอบคุณที่มาข้อมูล/ภาพประกอบ: IMDb, Wikipedia, Youtube, Rotten Tomatoes, Universal Studio, Major Cineplex

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา