3 ส.ค. 2023 เวลา 11:00 • ท่องเที่ยว

3,000 ไมล์ 23 วัน 4 รัฐ เที่ยวง่ายๆ สไตล์โครงการ “Work and Travel” งบไม่ถึงแสน!

หลายๆคนคงคิดว่าการ Roadtrip ในอเมริกาเป็นเรื่องที่ยาก และใช่ครับ ยากจริง เพราะเจอปัญหาเยอะมากกก ยิ่งไปในฐานะเด็ก Work มีข้อจำกัดหลายอย่าง วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ Roadtrip ที่ท้าทายครั้งนึงในชีวิต 😆
เซฟเก็บไว้เป็นแนวทางแพลนทริปกันได้เลย ‼️
🚗การเดินทางครั้งนี้ใช้ Minivan ที่เช่ามาจาก www.enterprise.com
เริ่ม roadtrip ตั้งแต่ Salt Lake City ยัน LA กับผมที่ขับ 1 คนถ้วน 5555555 เรียกได้ว่าเป็นการขับรถ Minivan ครั้งแรกในชีวิต และ ไม่เคยคิดว่าตัวเองสามารถขับรถได้ในเส้นทางที่โหดขนาดนี้ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบขับรถอยู่แล้ว + วิวที่โคตรรรตระการตา = ความสุขที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
4
—————————————————————
ใครมีคำถาม Comment มาได้เลยครับ
กด like กดติดตาม เป็นกำลังใจในการทำโพสต์ต่อๆไป
ส่วนโพสต์หน้า สาวก Disney ห้ามพลาดดด!!!
"เที่ยว Disney World ฉบับเก็บครบทุก Park"
รอติดตามกันได้เล้ยยย
2
#ลาออกไปเช็คอิน #เที่ยวอเมริกา #workandtravel
แพลนการเดินทาง
🛫 Roadtrip ครั้งนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน - 6 ตุลาคม ปี 2022 เราเริ่มต้น roadtrip ที่ Salt lake city รัฐ Utah ซึ่งแพลนการเดินทางจะเป็นดังนี้
Salt Lake City - Canyonlands National Park - Monument Valley - Lower Antelope Canyon - Horseshoe Bend - Zion National Park - Valley of Fire State Park- Las Vegas - Death Valley National park - Yosemite National Park - San Francisco - Silicon Valley - Bixby Creek Bridge - Big Sur - Solvang - Los Angeles (ส่งเพื่อน) - San Diego - Los Angeles
ค่าใช้จ่ายเข้าชมสถานที่
เมื่อวางแผนเส้นทางของทริปนี้ได้แล้ว สิ่งควรทำต่อมาคือ "ศึกษาข้อมูล" ซึ่งแน่นอนครับ ว่าสำคัญมากกก!!!
ถ้าไม่อยากเสียเวลา เสียเงินแพงๆ วางแผนล่วงหน้ากันให้ดีครับ
ซึ่งทริปนี้ผมก็ได้สรุปราคาค่าเข้า (entry fee) ฉบับ update2023 ไว้ให้ด้วย
ส่วนใครที่วางแผนว่าจะเก็บ National Park เยอะๆ แนะนำให้ซื้อ US Park pass ตามลิ้งค์นี้เลย https://usparkpass.com/
จองรถเช่าขับในอเมริกา
สิ่งสำคัญที่สุดของ Roadtrip คือ "รถยนต์" ซึ่งในทริปเรามี 5 คน luggage อีก 8 ใบ คือถ้าเช่ารถเก๋งปกติไม่พอแน่นอน
ดังนั้นรถที่ผมเลือกไว้จะเป็น Minivan ซึ่งเช่ามาจาก www.enterprise.com
ผมเลือกที่จะเช่ารถ รับรถที่สนามบิน
แล้วขับยาวๆยันจบทริปครับ สะดวกดี555555
รถที่เราใช้ คือยี่ห้อ Chrysler Minivan 2021
สภาพดีมาก มีระบบ carplay พร้อม จุได้ 8 ที่นั่ง (ไม่รวมคนขับ)
ทำประกันครบ พร้อมลุย!
ปล.ควรเช็คสภาพรถและ coverage of insurance ก่อนเดินทางให้ดี
จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังตอนคืนรถนะครับ
Canyonlands National Park
หลังจากขับรถมาจาก Salt Lake City 4 ชม. ก็ถึง Canyonlands National Park
ซึ่งผมเล็งไว้ว่าจะมาที่นี่ เพราะมันให้ฟีลเหมือนกับการไป Grand Canyon เวอร์ชั่น unseen + ไม่ต้องแออัดกับนักท่องเที่ยว และไม่ต้องขับไกลไปถึงใจกลางของรัฐ Arizona ด้วย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็คือ หุบผาชัน (Canyon) ที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Colorado เหมือนกัน
จากภาพที่เห็นคือ Dead Horse Point Overlook จุดถ่ายภาพจุดหนึ่งของ Canyonlands National Park
1
Highway from Forrest Gump Movie
Day 2: To Monument Valley
วันที่สองเราออกจากเมือง Moab ไปที่ Monument Valley ใช้เวลาเกือบ 3 ชม.
ซึ่งเราจะแวะที่นึงที่เป็น A must see ก่อนถึง Monument Valley
นั่นก็คือ "Highway from Forrest Gump Movie" ในหนัง Forrest Gump พระเอกกำลังวิ่งๆๆๆอยู่เรื่อยๆ แล้วจู่ๆก็เลิกวิ่งกลางคัน ปล่อยให้กลุ่มคนที่วิ่งตามนั้นงงกันไปแถว
ถ้ามอง landscape จะเห็นความสมดุลของถนนสักอย่าง 55555 ละมีพื้นหลังความเป็น monument valley ติดมาด้วย
Monument Valley
ในที่สุด เราก็ถึง Monument Valley!
อุทยานแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของ US National Park แต่จะอยู่ภายใต้เขตปกครองของชนเผ่า Navajo โดยคิดราคา 20 USD per vehicle (4 persons) หากรถมีมากกว่า 4 คนจะคิดเพิ่มคนละ 5 USD
ถ้าขับรถเข้าไปจอดข้างใน visitor center ก็จะเห็นภาพนี้เลย
Horseshoe Bend
ต่อมาเราขับรถต่อไปที่เมือง Page เพื่อดูสิ่งนี้!
Horseshoe Bend จะมีลักษณะเหมือนเกือกม้า ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Colorado เรารีบจอดรถ แล้วเดินตาม trail ไป Horseshoe Bend อีกประมาณ 10-20 นาที ซึ่งเราต้องรีบทำเวลาก่อนที่แสงจะหมด
สิ่งที่ยากกว่าการมาที่ horseshoe bend ก็ถ่ายรูปนี่แหละ นักท่องเที่ยวเยอะสุดไรสุด แล้วก็เตรียมใจรับทรายเต็มๆรองเท้าไว้เลย 555555
Lower Antelope Canyon
Day 3: Antelope Lower Canyon
วันที่ 3 เราต้องออกจากห้องแต่เช้า ตั้งแต่ 7 โมงเพื่อไปทัวร์ของ Lower Antelope Canyon บอกเลยว่าใครที่อยากไป ควรแพลนล่วงหน้าให้ดีๆและต้องจองทัวร์ก่อนไป
หลักๆที่ผมแนะนำ จะมี 2 ที่
1.Dixie's Lower Antelope Canyon Tour
2.Ken's Tours Lower Antelope Canyon
เช็คข้อมูลทัวร์ ราคาทัวร์ และลง slot ล่วงหน้าไว้ดีๆ เพราะช่วง summer คือ peak season ที่นักท่องเที่ยวจะเยอะมาก และเต็มไวมากกกก
1
เวลาที่นิยมที่สุดจะเป็นช่วงเวลา 11.00 -13.00 เพราะแสงจะส่องลงมาแนวตั้ง และทำให้เห็นริ้วสวย เห็นริ้วสว่าง ชัดๆ
Zion National Park
Day 4 : มุ่งหน้าต่อไปที่ Zion National Park
อย่าลืม timezone +1 อีกครั้งหลังจากที่เข้ารัฐ Utah อีกรอบ
Pa'rus Trailhead
Pa'rus Trailhead เป็น trail ที่ควรเดินใน Zion National Park มากๆ เพราะเดินง่าย ถ่ายรูปสวย เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกคนน
Day5: To Nevada
เตรียมเข้าสู่รัฐเนวาดา วิวเริ่มเปลี่ยนจากทะเลทรายสีแดงอิฐ เป็นทะเลทรายสีเหลืองแทน สถานที่ที่จะไปต่อนั่นก็คือ Valley of Fire State park
Valley of Fire State Park จะไม่ขึ้นกับ National Park
ค่าเข้าที่นี่คิด 10 USD per vehicle แต่เรื่องตลกก็คือไม่มีคนเก็บเงินเลย
มีแค่ตู้ไปรษณีย์ที่ให้ซองจดหมาย เพื่อให้เราหยอดเงิน 10 USD ลงไป แล้วให้ดึงบัตรจอดรถแปะไว้ที่หน้ารถ
Las Vegas
หลังจากนั้นเราขับรถต่อไปที่ Las Vegas !!!
เมืองแห่งแสง สี เสียง เยอะแบบตระการตา
2
Dante's View
Day 6: To Death Valley National Park
ในภาพปักหมุดว่า Dante's View ได้เลย ตอนที่ได้เห็นวิวแบบนี้ไม่อยากเชื่อเลยว่าโลกเราสวยงามมากขนาดนี้
Yosemite Falls
Day 7: Yosemite National Park
การขับรถจาก Death Valley มา Yosemite เป็นเส้นทางที่โหด และขับรถนานมากๆ ต้องขับเลาะภูเขาไปเรื่อยๆ
แต่พอถึงตัวอุทยานมันสวยมากจริงๆ หายเหนื่อยแบบทันที
Day 8-9-10 : San Francisco
ขับรถออกจาก Yosemite ไปถึงตัวเมือง San Francisco ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมงกว่า
San Francisco
Stanford University
Day 11: Googleplex & Stanford University
สำนักงานใหญ่ Google ก็เป็นความฝันที่เราอยากเข้าไปดูด้วยตาตัวเอง ว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไง แต่ว่าวันนั้นเป็นวันหยุด เลยไม่มีพนักงานอยู่เลย 555 แต่เท่าที่เห็นคือบรรยากาศร่มรื่นมาก
1
ส่วน Stanford University มหาวิทยาลัยระดับโลกที่อยู่ไม่ไกลจาก Google เลยแวะเข้าไปดู พอเข้าไปเท่านั้นแหละ รู้สึกได้ถึงกลิ่นอัจฉริยะ 555
Day 12: Driving along the west coast
วันนี้ขับรถเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
Big sur เป็นถนนเลียบชายฝั่งที่ข้างนึงเป็นภูเขา ข้างนึงเป็นทะเล
เป็นที่ที่นึงที่คนที่ชอบขับรถชมวิวควรมามากๆ อากาศก็ดีมาก ไม่ต้องเปิดแอร์ตอนขับรถเลย
Bixby Creek Bridge
Bixby Creek Bridge เป็น best spot ที่ทุกคนต้องแวะมาถ่ายรูป!
และเป็นจุดชมวิว Big Sur ที่สวยที่สุดด้วยเช่นกัน
Hollywood Walk of Fame
Day 13-14-15: To Los Angeles
หลังจากถึง LA ก็เปิดวันแรกด้วยการเดิน Hollywood walk of fame เดินไปตามหา Celebrity ที่ชอบ
ต่อด้วย TCL Chinese Theater ซึ่งจะมีให้วัดรอยฝ่ามือกับ Celebrity ที่ตัวเองชื่นชอบด้วยเช่นกันน
ต่อด้วย TCL Chinese Theater ซึ่งจะมีให้วัดรอยฝ่ามือกับ Celebrity ที่ตัวเองชื่นชอบด้วยเช่นกันน
Griffith Observatory
Griffith Observatory
เป็นหอดูดาวที่อยู่บนภูเขา Hollywood ข้างนอกจะเห็นทัศนียภาพของ LA ทั้งเมือง
ส่วนข้างในจะเป็นพิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์ และ ธรณีวิทยา
มีกิจกรรมอะไรให้เล่นในนั้นด้วย ทั้งส่องกล้อง ทั้ง Forecast ดาวเคราะห์ สัมผัสอุกกาบาต ลองชั่งน้ำหนักบนดาวเคราะห์อื่นๆ
ปิดทำการทุกวันจันทร์
วันอังคาร - ศุกร์ : 12.00 - 22.00
วันเสาร์ - อาทิตย์ : 10.00 - 22.00
ค่าเข้า ฟรี
Rodeo Drive & Beverly Hills
ย่าน Rodeo Drive เป็นย่าน shopping ของคนรวย รถที่อยู่ข้างทางอย่างกับงาน Showroom luxury car ส่วน Bodyguard ตามร้านข้างทางอย่าง Chanel หรือ Versace ทุกคนจะสวมเสื้อกันกระสุนและพกปืนกันทั้งนั้นครับ 555
แต่มุมถ่ายรูปคือ สวย (ดู)รวย ควรเดิน
และย่าน Beverly Hills เป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนรวย รวมถึง Celebrity ชื่อดัง ซึ่งหลักๆผมแค่มาถ่ายกับต้น Palm ให้ฟีล American West Coast ก็พอครับ
Universal Studio Hollywood
Day 15-16: Universal Studio Hollywood
ความพิเศษของ Universal Studio ของสาขานี้คือมี Hollywood tours ที่เขาจะพาเราดูวิธีการทำเอฟเฟค หรือการสร้างฉากจากหนัง Hollywood ซึ่งสาขาอื่นไม่มีแน่ๆ ใครที่เป็นคอหนังแนะนำให้มาสักครั้งครับ ส่วนเครื่องเล่นอื่นๆ คง concept ความเป็น Universal Studio เหมือนที่อื่นๆ
ใครที่ต้องการให้รีวิว Universal Studio ตั้งแต่วิธีการจองยันเล่น
กดไลค์ กดติดตาม รอได้เลยครับ เดี๋ยวมีโพสแบบละเอียดแน่นอน
หลังจากส่งเพื่อนเสร็จเรียบร้อย ได้เวลาเดินทางไปเมืองสุดท้ายของทริป
นั่นก็คือ San Diego เมืองที่คาดหวังน้อยสุด แต่กลับรู้สึกประทับใจมากที่สุด
บรรยากาศในเมืองนี้คือดีกว่า Los Angeles หลายเท่า แทบไม่เจอ Homeless ไม่เจอขยะ ไม่เจอ Scammer อากาศดีกว่า แถมเจอที่จอดรถฟรีด้วยยย ซึ่งตรงนี้ประทับใจมาก เพราะไม่เคยคิดว่าประเทศที่เก็บทุกบาททุกสตางค์อย่าง USA จะมีบริการที่จอดรถฟรีๆ อย่าง San Diego
San Diego ที่เดิมทีเมืองนี้เคยเป็นเมืองของประเทศ Mexico มาก่อนที่จะแพ้สงครามกับสหรัฐฯ จน San Diego ได้ถูกผนวกเข้ากับรัฐ California ที่กลายเป็นรัฐของสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา ทำให้เมืองนี้ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมของ Mexico และมีชาว Mexican อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ที่เที่ยวสำคัญจะมีย่าน Gaslamp Quarter, Old town, La Jolla Beach, Balboa Park และถ้าใครมีเวลาแนะนำให้ไป Seaworld ด้วยเช่นกัน!
โฆษณา