3 ส.ค. 2023 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Digital Nomad ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย โตระเบิดในไทย

รู้หรือไม่ว่าในตอนนี้ ผู้ใช้ชีวิตแบบเดินทางท่องเที่ยวและทำงานไปด้วย หรือ Digital Nomad
มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านคนทั่วโลก เป็น 35 ล้านคน หรือเกินกว่าเท่าตัว ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
และรู้หรือไม่ว่าบ้านเราเองก็มีเมือง ที่ติด 10 อันดับ เมืองที่ดีที่สุดสำหรับ
เเหล่า Digital Nomad ทั่วโลก ถึง 3 เมือง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และพะงัน
2
ทำไมกลุ่ม Digital Nomad ถึงมองไทย เป็นจุดหมายหลัก ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Digital Nomad คือ กลุ่มผู้ที่เดินทางท่องเที่ยว และทำงานไปด้วย ตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก
ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ทำงานแบบ Freelance หรือทำงานแบบ Work from Anywhere รวมถึงผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ
กรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 2 โดยเป็นเมืองที่ดีที่สุด สำหรับเหล่า Digital Nomad ทั่วโลกในปี 2566
ซึ่งนอกจากเมืองหลวงของเราแล้ว ก็ยังมี เกาะพะงัน และเชียงใหม่ ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ของการจัดอันดับนี้เช่นกัน
สาเหตุที่บ้านเรา กลายเป็นจุดหมายสำคัญของเหล่า Digital Nomad ทั่วโลก นั่นก็เป็นเพราะ
- ค่าครองชีพที่ถูกกว่าหลาย ๆ เมือง
- อินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ
- Cafe และ Co-working Space ที่มีเป็นจำนวนมาก
- สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม
2
มาถึงตรงนี้ หลายคนก็น่าจะเริ่มสงสัยว่า กลุ่ม Digital Nomad ต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไปอย่างไร ?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า กลุ่มนักท่องเที่ยว Digital Nomad ส่วนใหญ่จะเป็นชาวอเมริกันเกือบครึ่งหนึ่ง รองลงมาเป็น สหราชอาณาจักร รัสเซีย และแคนาดา
2
ในด้านอายุจะอยู่ในช่วง 22 ถึง 42 ปี หรือ Gen Y คิดเป็นกว่า 47% รองลงมาเป็นชาว Gen X และ Gen Z
ซึ่งดูแล้วก็อาจจะยังไม่ได้ต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ มากเท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้ Digital Nomad ต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ คือ
1. มีระยะเวลาท่องเที่ยว นานกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป
โดยเฉลี่ยสูงถึง 6 เดือน ซึ่งทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยที่มากกว่า ด้วยงบประมาณในการใช้จ่ายต่อเดือนสูงถึง 64,000 บาท
2. มีการมาท่องเที่ยวทุกช่วง ตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาลหรือฤดูท่องเที่ยว
3. ไม่ได้ไปแค่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แต่ยังไปสถานที่ท่องเที่ยวรอง ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นด้วย
ข้อแตกต่างเหล่านี้ ทำให้ Digital Nomad ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ในมุมที่ต่างจากนักท่องเที่ยวธรรมดา
โดยในด้านเศรษฐกิจ Digital Nomad ไม่ได้แค่ช่วยเพิ่มจำนวนของธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร หรือร้านค้าปลีก เท่านั้น
ธุรกิจอื่น ๆ ที่สนับสนุนไลฟ์สไตล์แบบ Digital Nomad อย่าง Co-working Space และ Service Apartment จึงเติบโตตามไปด้วย
อย่างที่เห็นได้จากทั้งกรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่ ที่ต่างเต็มไปด้วย Co-working Space และ Cafe มากมาย
รวมถึงในพื้นที่เมืองรอง ก็สามารถเติบโตไปกับเทรนด์ Digital Nomad ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การมาของ Digital Nomad ที่มีกำลังซื้อที่สูง ก็ได้ทำให้ค่าครองชีพในพื้นที่นั้นสูงขึ้นตามไปด้วย และคนที่ได้รับผลกระทบก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ อาจต้องแบกรับค่ากินอยู่ที่มากขึ้น
1
อย่างที่เกิดขึ้นในเมืองที่อาศัยการท่องเที่ยวเป็นหลักอย่างภูเก็ตและกระบี่ ที่ติดอันดับ 2 และ 4 ของจังหวัดที่มีค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือนสูงที่สุดในประเทศ
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า เหล่า Digital Nomad ที่มาเยือนไทย ไม่ได้แค่มาพร้อมเงิน แต่ยังมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว คนในพื้นที่ยังต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคม
1
เพราะเมื่อมีเหล่า Digital Nomad มาอยู่อาศัยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ชุมชนในพื้นที่ รวมถึงร้านค้า ที่พัก หรือวิถีชีวิต ก็อาจปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ที่จะทั้งเข้ามาสร้างการเติบโต และความท้าทาย ให้เราไม่น้อย เลยทีเดียว..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
โฆษณา