6 ส.ค. 2023 เวลา 03:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ

บันทึกวันที่ 4 - Port การลงทุนและการคำนวณหาค่าประมาณเงินปันผลที่จะได้รับ

สำหรับเป้าหมายที่เราอยากมี Passive Income เดือนละ 40,000 บาท ปัจจุบันเราคำนวณได้ประมาณเดือนละ 5,0004.17 บาท คิดมาได้ยังไง เดียวเราจะลองอธิบายให้ฟัง
ก่อนอื่นก็ลองไปดูก่อนว่าหุ้นตัวดังกล่าวเมื่อปีที่แล้วจ่ายปันผลไปทั้งหมดกี่บาท ยกตัวอย่างเช่น BCPG ละกัน เมื่อปี 2565 เราดูผ่านทาง Trading View เลย ก็จะพบว่า มีการปันผล 2 ครั้ง (มองหาสัญลักษณ์ D ในกราฟ ถ้าของใครไม่ปรากฎให้ทำการ คลิ๊กขวาที่กราฟ >> Setting >> Events >> ทำการเลือก Dividends on chart)
ครั้งที่ 1 วันที่ 3 มีนาคม 2565 ปันผล 0.17 บาท ต่อหุ้น
ครั้งที่ 2 วันที่ 30 สิงหาคม 2565 ปันผล 0.20 บาท ต่อหุ้น
ฉะนั้น แปลว่าทั้งปี 2565 หุ้น BCPG ปั้นผลรวมไป 0.37 บาท ต่อหุ้น เราก็เอามาอ้างอิงกับเงินปันผลคาดการณ์ของปีนี้ที่เราจะได้รับในปี 2566 เรามี BCPG อยู่ 10,000 หุ้น นำไปคูณกับ 0.37 บาท ก็คาดว่าจะได้ปันผลอยู่ที่ 3,700 บาท หักภาษี 10% ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3,330 บาท
ถ้าเทียบจากราคาหุ้นที่ปิดตลาดไปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 นั้น BCPG จะมี Dividend Yield อยู่ที่ประมาณ 3.75% ถ้าคำนวณด้วยต้นทุนของเราเอง แต่ถ้าเป็นการคำนวณด้วยราคาปิดตาม SET จะอยู่ที่ 3.80% ที่เป็นแบบนี้เพราะราคาต้นทุนเฉลี่ยของเราอยู่ที่ 9.87 บาท แต่ราคามันปิดไปที่ 9.45 บาทนั้นเอง
พอคำนวณได้ประมาณนี้ ก่อนหักภาษีเราจะมีหุ้นที่ค่อยจ่ายปันผลให้เราประมาณการณ์ปีละ 60,050 บาท ตกเดือนละ 5,004.17 บาท ด้วยเงินลงทุน 952,952.04 บาท (ไม่ได้นับพวกค่าโบรกับค่าภาษีนะ)
พอนำไปเปรียบเทียบกับยอดเงินที่เราได้จาก Kept ที่เราเคยนำมาให้เพื่อนๆ ดูในบทความแรกๆ อันนั้นคิดง่ายๆ 1 ล้านบาท ได้ 15,000 บาทต่อปี แต่ถ้า 2 ล้านบาท โดนภาษี 15% ไม่โฟกัสที่ภาษีละกันนะ มาโฟกัสตรงยอดเงินจะสังเกตุได้ว่าลงทุนในหุ้นจะได้ดอกเบี้ยที่เยอะกว่า และถ้าซื้อในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วราคากลับตัว เราจะได้ทั้งปันผล และส่วนต่างของราคา ซึ่งน่าจะเป็นผลตอบแทนที่ดีกว่ามาก
แต่มันก็มีความเสี่ยงมากกว่าการออมในบัญชีออมทรัยพ์อยู่แล้ว ฉะนั้นเราควรลดความเสี่ยง ปิดความเสี่ยงของเราทั้งการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน การใช้เทคนิคหรือเครื่องมือมาเป็นตัวช่วยตัดสินใจเป็นต้น
โฆษณา