7 ส.ค. 2023 เวลา 14:10 • กีฬา
สนามกีฬาเวมบลีย์

Arsenal แชมป์เล็กๆ สู่ก้าวที่ใหญ่ยิ่งกว่า

ควันหลงศึกฟุตบอลคอมมูนิตี้ชิลด์
เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ระหว่าง “Man City vs Arsenal”
หลังทัพปืนโชว์สปิริตโกงความตาย
ยิงตีเจ๊าท้ายเกม 1-1
ก่อนจะเป็นฝ่ายคว้าชัย
ในการดวลเป้าไปด้วยสกอร์ 1-4
เตรียมเข้าสู่ฤดูกาลใหม่
ด้วยการจมเรือใบ
ที่ผงาดคว้า 3 แชมป์
เมื่อฤดูกาลก่อนลงได้อย่างน่าชม
ในเกมนี้มีไฮไลต์อะไรน่าสนใจไปดูกัน
.
.
.
1. “M.Arteta” กับการคุมทีม เข้าสู่ปีที่ 5
- ต้องบอกว่าทีมของกุนซือหนุ่มคนนี้เริ่มลงตัวขึ้นเรื่อยๆ ทีมของเขาทำผลงานได้ดีขึ้นตามลำดับ จากม้านอกสายตาสู่ทีมลุ้นแชมป์จนโค้งสุดท้ายมากขึ้น โดยเริ่มจากการผ่าตัดทีมใหม่หมด เอาแข้งซีเนียร์ของทีมที่มีปัญหา แพสชั่นในการเล่นฟุตบอลน้อยลงออกจากทีม
พร้อมหล่อกระบอกปืนใหม่ สร้างทีมสปิริตขึ้นมาใหม่ด้วยนักเตะที่เขามีส่วนในการคัดเลือกจนตอนนี้ทีมกลับเข้ามาสู่เส้นทางอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์ หรือกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนลีค อีกครั้ง นับว่าดูสดใสกว่าเดิม
2.ศิษย์พิชิตครู
- ต้องยอมรับว่าทีมของ “Pep Guardiola” ยังคงความสุดยอดสมราคาทริปเปิ้ลแชม์ ทั้งในแง่สไตล์การเล่น การกดดันคู่แข่ง และความเป็นมืออาชีพในทุกตำแหน่งอย่างแท้จริง ชนิดที่เมื่อพวกเขาได้ขึงเกมรุกเมื่อไหร่ ไม่ว่าทีมในบนโลกหล้า ก็แย่งบอลกลับไปได้ยากมากๆ
แต่สิ่งที่เห็นถึงความแตกต่างในการเจอกันครั้งนี้ เมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดที่โดนถล่มไป 3-1 นับว่าอาเซนอลทำการบ้านมาได้ดีมากขึ้น กล้าเล่นกล้าลุยมากขึ้น เล่นอย่างมีวินัย อดทนมากขึ้น ไม่ยอมแพ้แม้จะโดนนำไปก่อน จวบจนใกล้สิ้นเสียงนกหวีด
3. นักเตะใหม่ที่เหมือนอยู่มานาน
- ทั้ง “J.Timber - D.Rice - K.Havertz ใคร” ทั้ง 3 ย้ายมาแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย วันนี้เล่นดีกันทุกคน เริ่มจากคนแรกที่โด่นเด่นทุกจังหวะจนได้ Man of The Match
คนที่สองสกิลการอ่านเกมเด็ดขาดสุดๆ จังหวะที่ชัดสุดคือตอนสปีดมาแย่งบอลจาก B.Silva เอาดื้อๆ แบบใสสะอาด จังหวะนี้ยอมรับเลยว่า ตอนแอดกำลังดูอยู่ถึงกับอุทานอย่างดัง แถมเขายังมีส่วนทั้งจังหวะรุกและรับ ตอนรับ ก็ลงมายืนกับแผงหลัง บางทียืนเสมอกันเป็นหลัง 5 คน ทำให้เพื่อนเล่นง่ายขึ้นเยอะ
ส่วน K.Havertz ใครบอกไม่คม แอดก็ยังไม่เถียง แต่ข้อดีคือเล่นบทบาท False 9 แบบเข้าใจเกมมาก มีจังหวะลงมาเชื่อมเกมเองทำให้เกมลุกลื่นไหลขึ้น
อ้อ ที่ไม่ชมไม่ได้คือ “L.Trossard” ที่เข้ามาเติมกระสุน สาดความร้อนแรงในแนวรุกให้ทีมได้ดีเหลือเกิน ปรับตัวได้ไวฉับพลันเสมือนเล่นด้วยกันมานาน อันตรายเสมอเวลาได้ง้างสับสังหาร ยิงทีก็ยิงเอา อย่างเกมนี้แม้จะเป็นลูกแฉลบกับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ทีมกลับมามีลุ้นจนสำเร็จ
4.แนวทางการเล่นที่ชัดเจนและเนียนตาขึ้น
- เมื่อก่อนที่ดูอาเซนอลเล่น จะเห็นว่า M.Arteta พยายามสอดแทรกปรัชญาของเขาเข้าไป แต่มันยังดูขัดๆ เขินๆ ดูไม่ลื่นตาแบบซิตี้เล่น แต่นัดนี้สิ่งที่เห็นคือการเซ็ตบอลจากหลังบ้านทำได้เนียนตาขึ้น ออกบอลไว มีเทคนิคส่วนตัวมากขึ้น แก้เพรสได้ดีขึ้น ไม่ค่อยมีจังหวะยึกยักไม่รู้จะจ่ายให้ใคร หรือจ่ายออกไปเพื่อนจะเสียบอลมั้ย จะเล่นได้มั้ย
หากมองย้อนไป การเซ็ตทีมของ M.Arteta ช่วงแรกๆที่เข้ามาคุม บอกได้เลยว่า “อิหยังวะ?” ยังไม่ลงตัวทั้งเรื่องสไตล์การเล่น และตัวผู้เล่น แต่พอการสร้างทีมที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเจ้าของทีม เริ่มก่อร่างสร้างตัว ทีมของเขาเริ่มมีความเข้าใจกันมากขึ้นอย่างที่เห็น
5. “B.White” ในบทแบ็คขวาเต็มตัว
- ในฤดูกาลที่แล้ว ต้องยอมรับว่าด้านมิติเกมรุกเขายังทำได้ไม่ดีนัก แต่เมื่อคืนนี้กลับระเบิดฟอร์ม เติมมันส์มากกกก เติมทีได้ลุ้นตลอด อย่างลูกที่หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษแล้วดวลกับ M.Akanji จนกองหลังจอมแกร่งจากสวิสเสียหลัก แล้วปาดเข้ามาให้ K.Havertz หมุนตัวยิง เสียดายถ้าลูกนั้นห่างตัว S.Ortega นายด่านเรืออีกสักนิด มีหวังได้เฮแน่นอน
6.จังหวะการเปลี่ยนตัวของทีมที่ยังไม่ดี
- เป็นจังหวะที่ควรจะสร้างความได้เปรียบ แต่ดันเสียเปรียบ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความซวยของ “K.Tierney” หรือการเปลี่ยนตัวไม่ดูจังหวะเวลาของพี่ต้า แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เปลี่ยนตัวปุบแล้วโดนยิงทำให้ทีมเสียเปรียบ แน่นอนมันก็มีจังหวะที่น่าจดจำหลายครั้งเช่นตอนเปลี่ยน R.Nelson ลงมายิงประตูชัยนัดเจอบอร์นมัธ
แต่แมตซ์ที่สูสีแบบนี้ ผมว่าอาเตต้าควรละเมียดละไมขึ้นอีกหน่อย ควรเปลี่ยนในจังหวะบุกหรืออะไรก็ว่ากันไป ลูกที่เสียทีมกำลังตั้งรับ แล้วเซ็ตตำแหน่งกันไม่ทัน กลายเป็น K.Tierney ลงมาโดนยิง (ไม่ได้โทษตัวนักเตะนะมันเป็นจังหวะที่สุดวิสัยจริงๆ)
7.ทีมที่มีกองหน้าธรรมชาติ แต่ไม่มีตัวจ่ายบอลเทพ VS ทีมที่ไม่มีกองหน้าธรรมชาติ แต่มีตัวจ่ายบอล
- อีกอย่างที่ต้องยอมรับคือในเวลาร่วมๆ ชม. “Erling Braut Haaland “ ที่ความอันตรายหายลงไปเยอะ ไม่มีโอกาสยิงสักลูก ขาด “Kevin De Bruyne” แต่ในมุมกลับกันอาร์เซน่อลมี K.Havertz เป็น False 9 มีโอกาสยิงหลายครั้ง แต่ไม่เป็นประตู มันจึงเป็นคำถามว่าถ้าปืนคิดต่อกรกับทีมอื่นๆในฤดูกาลนี้ได้ มันควรมีกองหน้าสไตล์ปิดบัญชี โป้งเดียวจอด สักคนหรือไม่? เมื่อมองไป G.Jesus ก็ขยันเจ็บ ดูติดใจพยาบาลมากกว่า
8. “A.Ramsdale” ยังต้องการแรงกระตุ้น
- ไม่ปฏิเสธว่าเขาเป็นโกลที่ดี แต่ควรมีคนกดดันแย่งตำแหน่งบ้างเหมือนกัน เพราะถ้าจำได้ตอนขึ้นมาแย่งตำแหน่งจาก B.Leno ใหม่ๆ เจ้าตัวมีฟอร์มที่เรียกได้ว่าอัศจรรย์มากๆ แต่มาตอนนี้ฟอร์มเริ่มนิ่งๆ การออกบอลขาดๆ เกินๆ การโยนยาวก็ยังหวังผลไม่ได้ การมีข่าวกับ “D.Raya” ก็หวังให้เกิดการย้ายขึ้นจริง เพื่อเพิ่มการแข่งขันในตำแหน่งนี้ มือ 1 เองก็จะถูกกดดันให้ต้องพัฒนามากขึ้น
9. “W.Saliba” อนาคตระดับโลก
- ขอหวังสูงๆ เลยกับกองหลังอายุเพียง 22 ปี ถ้ายังเล่นได้สม่ำเสมอแบบนี้อนาคตระดับโลกแน่นอน แอบคิดไม่ได้ถ้าช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วเขาไม่เจ็บ แต้มที่หายไป 5 แต้มนั่นอาจจะยังอยู่ แล้วเป็นแชมป์ก็ได้ เพราะการขาดเจ้าเด็กคนนี้ไปแล้วไม่มีใครทดแทนได้ถือเป็นเรื่องที่เจ็บปวด และคิดว่าพี่ต้าเองก็รู้เรื่องนี้จนเป็นที่มาให้เร่งดึง J.Timber เข้ามาเพื่อเพิ่มมิติเชิงลึกให้ทีมในที่สุด
----------
10.พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้จะยิ่งเข้มข้น
- นับว่าแต่ละทีมเสริมทัพได้น่าสนใจมาก “Chelsea” ก็ดูจะเรียกสติ หันมาจับจ่ายแบบคิดหน้าคิดหลัง ซื้อเน้นๆ แบบหวังผลได้มากขึ้น หมายมั่นปั้นมือจะกู้ศักดิ์ศรีจากฤดูกาลที่แล้ว “Man United” เอง ก็ไม่น้อยหน้าแน่นอนตั้งเป้ากลับมาไล่ล่าทุกแชมป์ตาม DNA ของทีมผู้กระหายความสำเร็จ ส่วน “Liverpool” ก็ถ่ายเลือดเพื่อลุยกลับมาเป็นสุดยอดทีม รวมถึง “Newcastle United” ที่เสริมทัพได้น่ากลัว ทุกอย่างดูดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและนอกสนาม สาลิกาดงกำลังจะกลับมาบินสูง
ขณะที่การจะล้มแชมป์เก่าอย่าง “Man City” ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นโจทย์ว่าพี่ต้าและลูกทีมจะก้าวข้ามความผิดพลาดในอดีตของพวกเขาได้มั้ย ถ้าสม่ำเสมอมากพอ ไม่มีหลุดโค้งช่วงสำคัญ มีขุมกำลังเชิงลึกมาอุดรอยรั่วเวลามีใครเจ็บ บอกเลยว่า “Arsenal” จะมีลุ้นแชมป์ยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีหรอก อาถรรพ์แชมป์คอมมู
แล้วจะชวดแชมป์ลีก
ถ้าเตรียมทีม แก้เกม
พร้อมลุยกันให้มากพอ
นิ่งพอจนถึงปลายทาง
พรีเมียร์ลีกฤดูกาดนี้ มันส์แน่นอน!
เขียนบทความโดย: แอด "Armmer Gooner"
โฆษณา