ภาพประวัติศาสตร์ เมื่อสองจอมยุทธ์พบกัน
เมื่อวานนี้เขียนเปรยว่าเติ้งเสี่ยวผิงขอโทษกิมย้ง เรื่องที่เรดการ์ดฆ่าพ่อของกิมย้งตาย
อ้างอิงโพสต์ : https://www.blockdit.com/posts/64bd408badcca131a14a2494
วันนี้ขยายความอีกหน่อย
หนังสือของกิมย้งแพร่หลายไปทั่วเอเชียอาคเนย์ คนไทยอ่านนิยายกิมย้งมาตั้งแต่ราว 2500 แต่มันไม่ปรากฏในจีนแผ่นดินใหญ่ และหายากที่ไต้หวัน คอมมิวนิสต์จีนแบนงานเขียนของเขา ข้อหา “มอมเมาประชาชน”
ที่ประหลาดก็คือเติ้งเสี่ยวผิงเป็นคนแรก ๆ ในแผ่นดินจีนใหญ่ที่อ่านนิยายของกิมย้ง เขาให้คนแอบไปซื้อมาจากฮ่องกง!
เติ้งเสี่ยวผิงชอบอ่านตอนเที่ยง และตอนครึ่งชั่วโมงก่อนนอนแทบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน
ลูกสาวของเติ้งเสี่ยวผิงบอกว่าพ่อชอบอ่านงานกิมย้งมิใช่เพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่เพื่อเชื่อมตัวละครกับคนจริง
นิยายกำลังภายในของกิมย้งทำให้เกิดพลังบวก เกิดความรู้สึกดีที่ทำการเพื่อแผ่นดินเกิดและประชาชน อีกประการมันยังอบอวลด้วยวัฒนธรรมจีน
กิมย้งเป็นคนที่รักแผ่นดินจีนใหญ่หลวง มันสะท้อนในงานเขียนของเขา ตัวเอกมีความรักชาติ
ในปี 1981 ทางการปักกิ่งเชิญกิมย้งไปเมืองจีน กิมย้งถามหน่วยงานที่เชิญว่า เป็นไปได้ไหมที่จะพบเติ้งเสี่ยวผิง ทางการส่งคำขอนี้ไปถึงเติ้งเสี่ยวผิง
เติ้งเสี่ยวผิงเขียนบนกระดาษแผ่นนั้นทันทีว่า “ต้องการพบ”
วันที่ 18 กรกฎาคม 1981 บุรุษทั้งสองก็ได้พบกันที่มหาศาลาประชาชน เทียนอานเหมิน เติ้งเสี่ยวผิงมาต้อนรับที่ด้านหน้า
คนทั้งสองจับมือกัน เติ้งเสี่ยวผิงกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน เราเป็นเพื่อนเก่าแก่”
เติ้งเสี่ยวผิงบอกกิมย้งว่า “นี่เป็นครั้งที่สามที่ผมเกิดใหม่ในโลก ตัวละครเอกในนิยายของคุณก็ต้องฟันฝ่าความลำบากก่อนจะก้าวขึ้นมา”
เติ้งเสี่ยวผิงมิได้พูดเล่นแต่อย่างไร คำพูดนี้สะท้อนความจริงอันเจ็บปวด
เติ้งเสี่ยวผิงเคยเป็นดาวจรัสแสงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ความคิดอ่านทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าเกินกาลของเขาทำให้เขาหลุดจากขั้วอำนาจ เพราะมันสวนทางกับความคิดของท่านประธานเหมาเจ๋อตง
เหมาเจ๋อตงกลัวว่าแนวคิดของเติ้งเสี่ยวผิงจะทำให้จีนกลับไปหาระบบทุนนิยม ท่านประธานจึงเริ่มการปฏิวัติวัฒนธรรมในปี 1966 เติ้งเสี่ยวผิงถูกบีบให้ลาออกจากทุกตำแหน่ง
ผลจากการปฏิวัติวัฒนธรรมทำให้แก๊งสี่คนครองอำนาจ เติ้งเสี่ยวผิงถูกพิษการเมืองเล่นงานอย่างหนัก แม้จะเคยอยู่ในอำนาจและตำแหน่งระดับสูง แต่เขาก็หนีไม่พ้นฤทธิ์เดชของพวกเรดการ์ด
เติ้งเสี่ยวผิงเองถูกส่งไปทำงานเป็นคนขับรถแทรคเตอร์ที่ชายแดนเจียงสีนานถึงสี่ปี
ส่วนครอบครัวของเขาก็ได้รับผลกระทบ ลูกชายของเติ้งเสี่ยวผิงถูกจำคุก ถูกทารุณกรรม ถูกโยนออกจากหน้าต่างตึกสี่ชั้น ทำให้เป็นอัมพาตช่วงล่างไปตลอดชีวิต
แต่ชะตาชีวิตเป็นเรื่องแปลก เติ้งเสี่ยวผิงกลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากโจวเอินไหลช่วยกล่อมประธานเหมา ขณะที่กลุ่มแก๊งสี่คนกลัวการกลับมาของเติ้งเสี่ยวผิงจะขวางทางฝ่ายตน
หลังจากโจวเอินไหลตายในปี 1976 เติ้งเสี่ยวผิงไร้คนช่วยเหลือ เขาก็ร่วงจากอำนาจอีกครั้ง
แต่นกปีกหักตัวนี้ยังบินต่อ
หลังเหมาเจ๋อตงตายปี 1976 มีการขับแก๊งสี่คน และเติ้งเสี่ยวผิงก็หวนกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้นำเบื้องหลัง
เขาเป็นจอมยุทธ์ที่ไม่ยอมแพ้
ดังนั้นนิยายของกิมย้งจึงถูกจริตและตรงใจเติ้งเสี่ยวผิงอย่างยิ่ง
แม้เป็นครั้งแรกที่พบกัน แต่ทั้งสองคุยกันเหมือนรู้จักกันมานานปี
ทุกคนรู้ว่ากิมย้งต่อต้านหลายนโยบายของเหมาเจ๋อตง โดยเฉพาะการปฏิวัติวัฒนธรรมซึ่งส่งผลต่อครอบครัวของเขา แต่กิมย้งกลับชื่นชมเติ้งเสี่ยวผิงมาตั้งแต่ต้น แม้ในตอนที่เติ้งเสี่ยวผิงตกจากอำนาจ
กิมย้งเขียนว่า “เติ้งเสี่ยวผิงมีความกล้าและวิสัยทัศน์ ผมรู้ว่าเขาจะแตกต่างจากคนอื่น”
ในปี 1976 กิมย้งเขียนว่าเติ้งควรกลับมาสู่อำนาจ และทำนายว่าเติ้งจะกลับมา
เติ้งเสี่ยวผิงกลับคืนสู่อำนาจในปีถัดมา
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เติ้งเสี่ยวผิงชมชอบกิมย้ง
เมื่อคลื่นความคิดตรงกัน จึงไม่แปลกที่ทั้งสองอยากพบกันมานานแล้ว
กิมย้งมีความปรารถนาอย่างหนึ่งในชีวิตคือ ก่อนตายเขาอยากให้แผ่นดินจีนรวมกันอีกครั้งอย่างสันติ จุดนี้เติ้งเสี่ยวผิงก็เห็นด้วย
หลังจากจีนข้ามพ้นยุคเหมาเจ๋อตงและแก๊งสี่คน เติ้งเสี่ยวผิงก็เปิดประเทศ พาประเทศไปสู่ยุคการสร้างเศรษฐกิจใหม่ จนได้รับฉายาว่าสถาปนิกของจีนใหม่
กิมย้งเขียนบทความสนับสนุนการที่เติ้งเสี่ยวผิงหันไปสร้างเศรษฐกิจและเปิดประเทศ
ทั้งสองมีมุมมองและวิสัยทัศน์ตรงกันในเรื่องนี้
เติ้งเสี่ยวผิงกล่าวว่า “งานหลักสามอย่างของประเทศจีนในอนาคตคือ หนึ่ง ต่อต้านลัทธิเจ้าโลก สอง รักษาสันติภาพโลก สาม รวมแผ่นดินจีนอย่างสมบูรณ์”
ในตอนหนึ่งของการคุย กิมย้งพูดทำนองว่า เติ้งเสี่ยวผิงสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด แต่กลับไม่ทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่หายากและน่านับถือ ทั้งในมุมของประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์โลก
เติ้งเสี่ยวผิงยิ้มแล้วจุดบุหรี่ กล่าวว่า “ชื่อเสียงหรือ? ผมมีแล้ว ผมไม่ต้องการตำแหน่งใดอีก...”
เติ้งเสี่ยวผิงบอกว่าเขาไม่อยากเป็นผู้นำสูงสุด "เพราะตอนนี้มี 120 ประเทศที่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน แค่การพบกับผู้นำของแต่ละประเทศ เลี้ยงต้อนรับ ก็หมดเวลาทำงานแล้ว”
ยังมีงานให้ทำอีกมากเพื่อแก้ไขปัญหาของแผ่นดิน รวมทั้งการเยียวยาผู้ที่ได้รับปัญหาจากความขัดแย้งทางการเมือง
เติ้งเสี่ยวผิงเยียวยาคนสามล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติวัฒนธรรม
และคนล่าสุดก็คือครอบครัวของกิมย้ง
พ่อของกิมย้งเป็นเหยื่อของความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถูกประหารเมื่ออายุ 55 ข้อหา “ตั้งซ่องโจร” และอื่น ๆ
เติ้งเสี่ยวผิงแสดงความเสียใจในเหตุดังกล่าว กล่าวว่า “ขอให้เราวางเรื่องนี้ไว้เบื้องหลังเราเถอะ”
กิมย้งตอบว่า “พ่อผมก็ไม่สามารถกลับมาจากสวรรค์ได้อีก ลืมมันเถอะ”
ปี 1985 ทางการจีนเคลียร์ประวัติให้บิดาของกิมย้ง
หลังได้ข่าว กิมย้งบอกว่า เขาเศร้าใจก็จริง แต่มิได้คุมแค้นใคร เพราะเข้าใจสถานการณ์ในเวลานั้น อันเป็นโศกนาฏกรรม และยากจะเลี่ยงพ้นผลกระทบของเหตุการณ์
สามปีหลังจากการพบกันครั้งนั้น ทางการจีนก็เลิกแบนงานของกิมย้ง
แน่นอน เชื่อว่าเติ้งเสี่ยวผิงน่าจะมีส่วนในการทำให้งานของกิมย้งแพร่หลายในเมืองจีน
กิมย้งมิได้มีบทบาทเพียงนักเขียนนิยาย การเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างทำให้เขามีอิทธิพลทางความคิดในเรื่องการเมือง เขารู้จักคนระดับผู้นำทั้งในไต้หวันและเมืองจีน
หลังจากรุ่นเติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำคนต่อ ๆ มาเช่น เจียงเจ๋อหมิน แม้แต่สีจิ้นผิง ต่างเป็นแฟนหนังสือของเขา
และนี่พิสูจน์ว่านิยายกำลังภายในก็สามารถเป็นมากกว่านิยายกำลังภายใน
เราเรียนจากนิยายได้ และเราก็เรียนจากบทเรียนเจ็บปวดของจีนได้เช่นกัน เพราะดูรอบตัวแล้ว สถานการณ์บ้านเราตอนนี้ก็คล้ายเมืองจีนยุคปฏิวัติวัฒนธรรมและเรดการ์ด
ย่อความจาก ยุทธจักรวาลกิมย้ง / วินทร์ เลียววาริณ / หนังสือเจาะประวัติศาสตร์เบื้องหลังนวนิยายทุกเรื่องของกิมย้ง / ตอนนี้มีโปรโมชั่นชุดรวมมิตร 3 (R3) และชุด 3 in 1 (S2) มีจำหน่ายทั้งในเว็บ winbookclub.com และ Shopee (ค้นคำ namol113)
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
