9 ส.ค. 2023 เวลา 12:59 • กีฬา

จากกัปตันสู่การโดนปล่อยทิ้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ใครจะไปเชื่อว่า ชีวิตของแฮร์รี แม็กไกวร์ จะผกผันได้รวดเร็วขนาดนี้
จากที่เคยเป็นกัปตันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นแกนหลักทีมชาติอังกฤษ ในเวลาแป้บเดียวเท่านั้น ชีวิตของเขากลับตาลปัตร มาเจอความรันทดอะไรก็ไม่รู้
แม็กไกวร์ ย้ายจากเลสเตอร์ในปี 2019 ด้วยราคาสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติเดิมของเวอร์จิล ฟาน ไดค์ ลงได้สำเร็จ (75 ล้านปอนด์)
ซีซั่นแรกของแม็กไกวร์ (2019-20) เขาพาแมนฯ ยูไนเต็ด จากที่เคยจบอันดับ 6 พุ่งทะยานมาจบอันดับ 3 คว้าสิทธิ์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเริ่มต้นได้ดีมาก
ซีซั่นที่สอง (2020-21) เขาพาแมนฯ ยูไนเต็ด อันดับดีขึ้นกว่าเดิมอีก ขึ้นมาจบอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก แถมเข้าชิงยูฟ่า ยูโรป้าลีกอีกต่างหาก
1
ณ เวลานั้น แม็กไกวร์ เป็นคีย์แมนสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้ เขาเป็นผู้เล่นที่ลงตัวจริงทุกนัดทุกนาที "71 เกมติดต่อกัน" ในพรีเมียร์ลีก เป็นสถิติที่มากที่สุดตลอดกาลของสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด เทียบเท่าแกรี่ พัลลิสเตอร์ เซ็นเตอร์แบ็กยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
นอกจากนั้นในช่วง 2 ปีแรกของเขากับแมนฯ ยูไนเต็ด แม็กไกวร์ ยังสร้างตัวเลขสถิติ อีกหลายอย่างที่น่าสนใจมากๆ เช่น
- จ่ายบอลเข้าเป้ามากที่สุด อันดับ 2 ของกองหลังในพรีเมียร์ลีก (4,127 ครั้ง)
- แย่งบอลคู่แข่งได้มากที่สุด อันดับ 2 ของกองหลังในพรีเมียร์ลีก (443 ครั้ง)
- ตัดลูกส่งคู่แข่งได้มากที่สุด อันดับ 2 ของกองหลังในพรีเมียร์ลีก (132 ครั้ง)
เมื่อเล่นได้ดี ทำให้ตัวเลข 80 ล้านปอนด์ที่แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายให้เลสเตอร์ ก็ดูจะคุ้มค่า เหมือนกับที่ลิเวอร์พูลเคยจ่ายค่าตัวสถิติโลกซื้อฟาน ไดค์
ปัญหาของแม็กไกวร์นั้น มาเริ่มต้นในฤดูกาลที่สาม (2021-22) เมื่อเกมรับของทีมปีศาจแดงรั่วแบบสุดๆ เสียประตูทั้งซีซั่น 57 ลูก เป็นการเสียประตูมากที่สุดในรอบ 43 ปีของสโมสร
2
การเปลี่ยนโค้ชกลางฤดูกาลก็คือเหตุผลหนึ่ง แต่ตัวแม็กไกวร์เองก็ฟอร์มตกด้วย สถิติเผยว่าในปีนี้ เขาเล่นผิดพลาดจนนำไปสู่การเสียประตูถึง 16 ครั้ง บางครั้งเป็นความผิดพลาดใหญ่ บางครั้งเป็นความผิดพลาดเล็กๆ
ฟอร์มที่ถอยหลังลงคลอง บวกกับค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็นมีม ที่โดนแฟนบอลทีมอื่นเอามาล้อเลียน ไปๆ มาๆ แม้แต่แฟนทีมตัวเองก็ยังแซวว่าเป็นเจ้าพ่อคอนเทนต์
2
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่กดดันให้แม็กไกวร์เล่นแย่ลงไปอีก คือมีแฟนบอลรายหนึ่งส่งจดหมายขู่ว่าเล่นห่วยแบบนี้ จะล้างแค้นด้วยการวางระเบิดบ้านแม็กไกวร์ เมื่อโดนขู่แบบนั้น เขาบอกเลยว่า มันข้ามเส้นเกินไปแล้ว "การโดนด่าทอไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับผมมาก แต่เมื่อเป็นเรื่องการขู่วางระเบิดมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดี เพราะมันเกี่ยวกับครอบครัว เกี่ยวกับคู่หมั้นของผม"
เล่นก็ไม่ดีอยู่แล้ว แถมยังมีเรื่องโดนขู่วางระเบิดบ้านอีก ขณะที่ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก ดูได้จากการที่เอริค ไบยี่ กองหลังที่ย้ายไปอยู่มาร์กเซย ให้สัมภาษณ์ว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรจะหลีกเลี่ยงการเอาใจให้โอกาสนักเตะอังกฤษก่อนชาติอื่น พวกเขาควรให้เกิดการแข่งขันในห้องแต่งตัว ผมรู้สึกว่าใครก็ตามที่เป็นนักเตะทีมชาติจะถูกให้ความสำคัญก่อน"
1
แม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ใครก็พอรู้ว่าไบยี่ หมายถึงแม็กไกวร์นั่นแหละ ไบยี่บ่นว่าเวลาเขาไม่เจ็บ ลงสนามได้ ก็มักจะเล่นดีตลอด แต่สโมสรก็มักจะให้โอกาสแม็กไกวร์ก่อน ทั้งๆ ที่เล่นหลุดฟอร์มไปตั้งเยอะ เพียงเพราะเป็นคีย์แมนของทีมชาติอังกฤษแค่นั้น
อีกหนึ่งคนที่มีปัญหากับแม็กไกวร์ คือ มาร์กอส โรโฮ ครั้งหนึ่งเขาหงุดหงิดที่แม็กไกวร์เล่นแย่ แต่ดันเป็นตัวจริงตลอด ถึงขั้นบุกไปถามโอเล่ กุนนาร์ โซลชา บอกว่า 'คุณจะให้ผมลงเล่น หรือจะปล่อยผมไป' โซลชาตอบว่า 'สโมสรจ่ายเงินมหาศาลไปแล้ว ดังนั้นแม็กไกวร์ต้องได้ลงเท่านั้น"
1
เรื่องนี้สร้างความเจ็บแค้นให้โรโฮมาก เขากล่าวแซะแม็กไกวร์ตอนย้ายออกไปแล้วว่า "ขอบคุณพระเจ้าที่แมนฯ ยูไนเต็ดรู้ตัวซะทีแล้วเอาแม็กไกวร์ออกจากตำแหน่งตัวจริง ให้ลิซานโดร มาร์ติเนซลงตัวจริง นี่คือเรื่องถูกต้องแล้ว"
เมื่อเข้าฤดูกาลที่สี่ (2022-23) พอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นเอริค เทน ฮาก คราวนี้เป็นหายนะของแม็กไกวร์อย่างแท้จริง เพราะเขาซื้อใจเทน ฮากไม่ได้เลย
2
ตอนเริ่มฤดูกาลใหม่ๆ ราล์ฟ รังนิกอดีตผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า "ที่เยอรมันเราจะมีวิธีการเลือกกัปตัน โดยให้นักเตะเลือกกันเอง ในภาษาเยอรมันใช้คำว่า Spielerrat (สภานักเตะ) ผู้เล่นที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจะได้เป็นกัปตัน นั่นคือวิธีที่ผมจะใช้ จริงๆ ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการทีมต่อ ผมก็จะใช้วิธีนี้หากัปตัน แต่ตอนนี้ตำแหน่งเป็นของเอริค เทน ฮากแล้ว และเขาก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง"
1
รังนิกไม่ได้เอ่ยชื่อแม็กไกวร์ แต่มันก็เหมือนด่าทางอ้อมว่าแม็กไกวร์ไม่เหมาะกับการเป็นกัปตัน จนควรใช้การโหวตเลือกคนใหม่ดีกว่า
แต่เทน ฮาก ก็ยังไม่ได้ฟังรังนิกนัก ในสองเกมแรกของฤดูกาล 2022-23 เขาใช้งานแม็กไกวร์เป็นตัวจริง ปรากฏว่าแพ้ไบรท์ตันคาบ้าน 2-1 ตามด้วยแพ้เบรนท์ฟอร์ดกระจุย 4-0
3
จากนั้นมาเทน ฮาก ก็ไม่เคยเชื่อใจแม็กไกวร์อีกเลย เขาใช้มาร์ติเนซ ยืนคู่ราฟาแอล วารานยังจะดีกว่า
พอแพ้สองนัดแรกปั๊บ แล้วเทน ฮาก เปลี่ยนมาใช้เซ็นเตอร์แบ็กในเกมที่ 3 ปรากฏว่าแมนฯ ยูไนเต็ดเล่นดีขึ้น เอาชนะลิเวอร์พูลได้ในศึกแดงเดือด จากนั้นมา แม็กไกวร์ก็กลายเป็นตัวสำรองอย่างถาวร
แม้แต่ในคาราบาวคัพ ที่แม็กไกวร์เล่นในรอบแรกๆ มาตลอด แต่พอมาถึงรอบชิง เทน ฮากก็ดร็อปเขาเป็นสำรอง แล้วส่งลงสนามมาพอเป็นพิธีแค่ 2 นาทีสุดท้ายเท่านั้น
และเอาจริงๆ อย่าว่า แต่มาร์ติเนซ กับ วาราน ไปๆ มาๆ ลุค ชอว์ ยังได้รับโอกาสในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กก่อนด้วยซ้ำ
ถามว่าแม็กไกวร์แย่ขนาดนั้นไหม? คำตอบคือ ก็ไม่ เพียงแต่สไตล์การเล่น Possession Game ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จ่ายบอลเท้าสู่เท้าตลอดเวลา คุณต้องชัวร์มาก ห้ามเล่นพลาด ห้ามออกลูกเหวอ ไม่งั้นอาจโดนฉกหน้าโกล์ไปยิงง่ายๆ ยังไงก็ต้องเอาคนที่เล่นชัวร์ที่สุดลงก่อน
1
แล้วแม็กไกวร์มีเหวอ มีพลาดบ่อย ก็ไม่ได้แปลกอะไรที่เทน ฮาก จะไม่ค่อยไว้ใจให้ลงในเกมสำคัญ
1
มันเลยกลายเป็นลูกกระอักกระอ่วน เพราะกัปตันทีมตัวจริงกลับไม่ค่อยได้ลง ไม่มีทีมไหนในพรีเมียร์ลีก ที่เอากัปตันตัวจริงดองเป็นสำรองแบบนี้ ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่พอจบฤดูกาลแล้ว เทน ฮาก ริบตำแหน่งกัปตันทีมจากแม็กไกวร์ แล้วเอาไปให้บรูโน่ เฟอร์นันเดสแทน เป็นการสื่อให้เห็นเคลียร์ๆ ไปเลยว่า คุณอยู่ต่อได้นะ แต่สเตตัสคุณเป็นแค่ผู้เล่นอะไหล่แล้วจริงๆ
1
เทน ฮาก ถูกสื่ออังกฤษใช้คำว่า "Ruthless" นั่นคือเด็ดขาด อำมหิต เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถ้าอะไรคิดว่าดีต่อทีม ก็จะทำ แม้จะกระทบกระทั่งใจใคร ก่อนหน้านี้ เทน ฮาก ตัดโรนัลโด้ทิ้ง รวมถึงไม่อยากต่อสัญญาเด เกอา ดังนั้นก็ไม่แปลกอะไร ที่จะเลือดเย็นพอ ที่จะริบตำแหน่งกัปตันของแม็กไกวร์ได้อย่างง่ายๆ
4
นักข่าวเคยถามเทน ฮากว่า คุณทำแบบนี้ จงเกลียดจงชังแม็กไกวร์เป็นการส่วนตัวหรือเปล่า เทน ฮากตอบว่า "ผมไม่มีความขัดแย้งอะไรกับเขา แต่สิ่งที่ทำเพื่อผลประโยชน์ทีม ผมไม่ได้บอกว่าแฮร์รี่คือส่วนเกินของทีมนะ แต่เขาต้องต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งมาให้ได้"
4
"การชิงชัยตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กของเขาเป็นเรื่องยาก คุณต้องแสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์กับทีมมากกว่าที่ราฟาแอล วาราน กับ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟทำ"
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจบฤดูกาลที่ 4 ของแม็กไกวร์กับแมนฯ ยูไนเต็ดก็คือ ยังไงโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงของเขา มันยากแสนยาก
1
ประเด็นคือในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง (2023-24) เป็นปีก่อนศึกยูโร ดังนั้นถ้าหากแม็กไกวร์ยังไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ เขาอาจจะไม่ได้ลงตัวจริงให้ทีมชาติ เผลอๆ โดนตัดชื่อทิ้งไปเลยก็ได้ ดังนั้นแม็กไกวร์จึงมองโอกาสในการย้ายทีม
ยาป สตัม ตำนานของทีมปีศาจแดง ก็แนะนำจากใจว่าแม็กไกวร์ย้ายเถอะ โดยบอกว่า "สิ่งดีที่สุดของเขาคือการได้ลงเล่น คือคุณต้องยอมรับว่ายังไงเทน ฮาก ก็ไม่เชื่อใจคุณอยู่ดี ต่อให้พยายามเท่าไหร่ก็ตาม"
เช่นเดียวกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่บอกว่า "ถ้าเป็นผม แล้วเห็นลุค ชอว์ เป็นตัวเลือกก่อนผม ผมจะขอย้ายออกทันที ถ้าเป็นสมัยผม แล้วพาทริซ เอฟร่า ได้ลงเล่นเซ็นเตอร์แบ็กก่อนผมล่ะก็ ผมจะเดินตรงไปหาผู้จัดการทีมที่ออฟฟิศแล้วพูดตรงนั้นเลยว่า 'คุณกำลังไม่ให้เกียรติผมอยู่ใช่ไหม' "
2
เหตุผลหลายประการ และแรงบิ้วจากคนรอบตัว ท้ายที่สุดแล้ว แม็กไกวร์ก็พร้อมจะมูฟออน เขาย้ายก็ได้ ดีกว่าอยู่ต่อในสภาพนี้ คิดดูว่า ในซีซั่น 2022-23 เขาได้ลงตัวจริงแค่ 8 นัด ตลอดชีวิตการเล่นอาชีพ ไม่เคยได้เล่นน้อยขนาดนี้มาก่อน
ซึ่งก็เข้าทางกับฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดพอดี ที่อยากจะขายอยู่แล้ว นอกจากจะได้เงินก้อนแล้ว ยังลดค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 190,000 ปอนด์ลงได้อีกด้วย
ทีมปีศาจแดงตั้งราคาขายไว้ 40 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของตอนซื้อมาจากเลสเตอร์ แต่ไม่มีใครจ่ายราคานี้ กับนักเตะวัย 30 ปี ที่มีมูลค่าหุ้นร่วงตกลงเรื่อยๆ
ทีมที่ยื่นข้อเสนอทางการเข้ามาคือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ขอยืมตัว พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาด ในวันที่ 17 กรกฎาคม แต่แมนฯ ยูไนเต็ดปฏิเสธเพราะต้องการขายขาดมากกว่า
เวสต์แฮม ที่ได้เงินก้อนโตจากการขายดีแคลน ไรซ์ ตัดสินใจยื่นข้อเสนอซื้อขาดครั้งแรกในวันที่ 28 กรกฎาคม ด้วยตัวเลข 20 ล้านปอนด์ แต่แมนฯ ยูไนเต็ดปฏิเสธทันที เพราะมูลค่าต่ำเกินไป
ระหว่างที่เวสต์แฮมกำลังทบทวนว่าจะยื่นข้อเสนอเพิ่มดีไหม ก็มีข่าวว่าเอฟเวอร์ตัน ให้ความสนใจอยู่เช่นกัน สุดท้ายเวสต์แฮมจึงยื่นตัวเลขกลับมาที่ 30 ล้านปอนด์ และเป็นราคาที่แมนฯ ยูไนเต็ดพอใจ ตอบตกลงในที่สุด
1
แมนฯ ยูไนเต็ด โอเคกับราคาแล้ว ก็อยู่ที่ตัวแม็กไกวร์ จะพอใจไหม ที่ย้ายไปอยู่เวสต์แฮม
มีรายงานว่า เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเวสต์แฮม โทรศัพท์เกลี้ยกล่อมแม็กไกวร์หลายครั้ง โดยยืนยันว่าถ้าย้ายมา เขาก็จะมีความสุขมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้กลายเป็นกัปตันทีมคนใหม่ของเวสต์แฮม ในอนาคตอันใกล้ด้วย
1
การที่ถูกคนแซะ คนด่า คนไม่ยอมรับ ที่แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วจู่ๆ อีกสโมสรหนึ่งมีคนยอมรับเขามากขนาดนี้ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้แม็กไกวร์ตัดสินใจได้ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก มาอยู่กับทีมเล็กลงแต่รักเราดีกว่า
2
การที่แม็กไกวร์จะย้ายไปเวสต์แฮม มีคนวิจารณ์ว่า "ลดเกรด" จากทีมระดับแชมเปี้ยนส์ลีกไปเริ่มต้นใหม่กับทีมระดับยูโรป้าลีก แต่ถ้าเรามองกันแบบแฟร์ๆ การอยู่กับทีมไซส์กลาง ที่ไม่กดดันเกินไป อาจจะเหมาะกับตัวแม็กไกวร์มากกว่า เขาจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้น ความมั่นใจก็จะค่อยๆ คัมแบ็กกลับมาช้าๆ
จังหวะชีวิตของแม็กไกวร์ต้องบอกว่า โชคไม่ดีนัก ถ้าย้อนกลับไปตอนโอเล่ กุนนาร์ โซลชาเป็นผู้จัดการทีม แม็กไกวร์ได้รับการดูแลอย่างไข่ในหิน แต่พอเปลี่ยนมาเป็นรังนิค และ เทน ฮาก แล้ว สเตตัสของเขาไม่เป็นเหมือนเดิม แม็กไกวร์ไม่ใช่ผู้เล่นในใจที่โค้ชชอบ คือมันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
1
บทสรุปเรื่องราวของแม็กไกวร์ก็คือ จากนี้ไป มีมล้อเลียนที่เขาโดนมาตลอดปี ก็จะไม่มีอีกแล้ว และสำหรับแฟนปีศาจแดง แม้ปากจะบ่น จะแซว จะล้อ แต่ในใจลึกๆ ก็คงเสียดายเหมือนกัน ที่แม็กไกวร์ไม่สามารถระเบิดฟอร์มดีที่สุดออกมาได้
1
สัจธรรมของโลกใบนี้ก็คือ เมื่อคนเราอยู่ในสถานที่ ที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันไป เหมือนเดวิด มอยส์ ตอนอยู่แมนฯ ยูไนเต็ด โดนเหยียดหยามสารพัด แต่พอย้ายทีม สุดท้ายก็ไปคว้าแชมป์ยุโรปกับเวสต์แฮม ซึ่งเรื่องแบบนี้ ก็อาจเกิดขึ้นกับแฮร์รี่ แม็กไกวร์ได้เช่นกันในอนาคต ขอแค่เขาไม่ท้อใจไปก่อนก็พอ
#FAREWELLHARRY
โฆษณา