13 ส.ค. 2023 เวลา 14:59 • ท่องเที่ยว
จัตุรัสพระราชวังบักตะปูร์

Ep.3 ปักตะปุร์เมืองที่ไม่อาจหวนคืน ตอน นั่งรถเมล์ไปปักตะปุร์ | เนปาลในความทรงจำ

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า ทริปนี้เรามีเวลาเตรียมตัวกันน้อยมาก จะเรียกว่าเป็นการตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นก็ว่าได้
ต้องบอกก่อนว่าเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว อินเทอร์เน็ตยังไม่ได้ดีขนาดนี้ จำไม่ได้แล้วว่า เราได้ซื้อซิมโทรศัพท์ของเนปาลหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ซื้อ เพราะไม่งั้นคงได้เห็นไอ้บิ้นเล่น LINE POP ตลอดทาง
"อ้อ ขอเปิดตัวสมาชิกคนที่สองของทริปนี้เลยก็แล้วกัน"
คุณริบบิ้นศรี
คุณริบบิ้นศรีเขาเป็นเจ้าของภาพถ่ายบางส่วน ในเรื่องเล่า 'เนปาลในความทรงจำ' ทริปนี้ด้วยนะ แล้วก็เป็นคนชวนเราเข้าวงการถ่ายภาพ ที่ทำให้ทุกการท่องเที่ยวหลังจากนั้น หลังแอ่นหนักกว่าเดิม ที่เหมือนเดิมคือถ่ายภาพไม่ได้เรื่องคือเก่า 😅
ริบบิ้นศรี สมาชิกคนที่สองของทริปนี้
ใครที่ยังไม่เคยอ่านตอนก่อนหน้า สามารถอ่านได้ที่ลิ้งค์นี่นะ
ความมาเนปาลแบบไม่ได้คาดหวังอะไร แผนการเดินทางจึงจัดทำมาแบบคร่าวๆ รู้แค่ว่าในเมืองกาฐมาณฑุมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อว่าอะไรบ้าง อาศัยว่ามาถึงที่พักค่อยขอต่อ WiFi โรงแรมศึกษาแผนที่ วางแผนท่องเที่ยวแบบวันต่อวัน
(สองคนนั้นคงไม่รู้ตัวหรอกว่า ได้ฝากชีวิตไว้กับคนที่ไม่ได้รู้จักเนปาลดีขนาดนั้น ถ้ารู้คงไม่กล้ามาด้วย 😅)
"แล้วเวลาอยู่ข้างนอกล่ะ ทำไง?"
ไปทางไหนต่อดีว่ะ
มันจะมีแผนที่อยู่ใบนึงที่เราถือติดตัวตลอด ไม่ได้พกมาจากประเทศไทยนะ เหมือนว่าจะหยิบเอาแถวสนามบินหรือไม่ก็ที่พักคืนแรก ตั้งใจว่าจะไปที่ไหนบ้างก็เอาปากกาวงไว้
แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปตามที่วงหรอก เพราะหลงทางบ้าง เจอสิ่งแปลกตา พบเรื่องราวน่าสนใจ ก็แฉลบออกข้างทางบ้าง หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับความอยากรู้อยากเห็น
ก็เลยอยากจะบอกว่าเรื่องเล่าของเรา คงไม่อาจใช้เป็นไกด์ในการนำเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้ แต่ถ้าอยากอ่านเอาสนุก อ่านเรื่องราวที่เราเขียนนี้ก็พอได้อยู่
หลังจากที่เรากินมื้อเช้าใต้สะพานลอยเสร็จเรียบร้อย ก็มีแรงเดินต่อเพื่อไปยังป้ายรถเมล์ อยากบอกว่าบรรยากาศมันช่างชุลมุน แตกต่างจากท้องถนนเมื่อคืนมาก
ป้ายรถเมล์ในกาฐมาณฑุ เนปาล
แล้วเราต้องขึ้นคันไหนฟร่ะเนี่ย!!!
มองความวุ่นวายจากบนสะพานลอยก็ว่าปวดหัวแล้วลงมาข้างล่างปวดหัวหนักกว่าเดิมอีก ที่อ่านมาเขาว่าให้ขึ้นสายนี้ สายนั้น แต่เมื่อถึงสถานการณ์จริงหาไม่เจอ อาศัยความกล้า ถามมั่วไปจนเจอรถเมล์สายหนึ่ง เขาบอกกับพวกเราว่ารถคันนี้วิ่งผ่านเมืองปักตะปุร์ และรถก็กำลังจะออก ได้ยินดังนั้นพวกเราก็รีบไล่กันขึ้นรถทันที
ก้าวเท้าข้ามรอยสนิมผุบนพื้นรถ ที่สามารถมองทะลุลงไปจนถึงพื้นถนน เห็นแล้วก็ทำให้นึกถึงรถไฟหวานเย็นที่วิ่งผ่านมหาลัยขึ้นมาตะหงิดๆ ทั้งฝุ่นที่ปลิวผ่านหน้าต่าง และผู้คนมากหน้าหลายตาที่นั่งรวมกันอยู่บนรถ ไม่เห็นมีชาวต่างชาติบนรถคันนี้นอกจากพวกเรา
บรรยากาศบนรถเมล์คันที่เราขึ้น
รถเคลื่อนตัวออกจากป้าย แต่ก็ไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก กาฐมาณฑุเวลานี้เหมือนจะมีงานก่อสร้างอยู่ตลอดไหล่ทาง มีการบีบเลนถนนอยู่เป็นระยะ พวกเราเลยทำได้แค่นั่งมองนั่งมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย
บรรยากาศบนท้องถนนเมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
เหตุผลหนึ่งที่ชอบนั่งรถสาธารณะเวลาไปเที่ยว เพราะมันจะพาเราไปเห็นเมืองในแบบที่คนพื้นที่เห็น ไม่ใช่เห็นแต่นักท่องเที่ยวด้วยกัน
บรรยากาศข้างทางระหว่างนั่งรถเมล์เมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
ได้เห็นวิถีชีวิตปกติของพวกเขา ได้ดูว่าพวกเขาทำอะไรกัน บ้านเรือนโดยทั่วไปของพวกเขานั้นเป็นแบบไหน สถานที่ราชการ ห้างร้านเป็นแบบไหนกันนะ
ชาวเนปาลยืนรอรถริมถนน และวัวที่เดินอย่างอิสระ
ไม่รู้ว่าอินอยู่คนเดียวหรือเปล่า หันไปมองหน้าพี่อิ๋วแล้ว เหมือนแกจะไม่อิน 😅
โอเค เรามาเปิดตัวสมาชิกร่วมทริปคนที่สาม สมาชิกร่วมทริปคนสุดท้าย ที่มีที่มาที่ไปแบบงงๆ ถึงขนาดที่เราเองก็งงว่า
พี่อิ๋วกับผ้าปิดปากผู้มาก่อนกาล สมาชิกคนสุดท้ายที่ถูกหลอกล่อให้มา’ตกระกำ ลำบาก’ด้วยกันในทริปนี้
พี่อิ๋ว
แกกล้ามากับพวกเราจริงดิ?!
ย้อนไปในช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะมาเนปาล เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเรากับคุณริบบิ้นศรี หยุดเมื่อไหร่ไม่เคยจะพากันอยู่บ้าน ต้องดั้นด้นหาที่ไสหัวไปไกลๆ ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้
(ความจริงเราไม่รู้ว่านั่นคือการหนีจากโลกปกติ หนีความเครียด ความกดดันที่สะสมพอกพูนโดยไม่รู้ตัว)
พอเปิดวันทำงานมา ก็จะมักเล่าให้กันฟังในออฟฟิศว่าแต่ละคนไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง และพฤติกรรมนี้พี่อิ๋วที่อยู่แผนกข้างๆ ก็น่าจะพอได้ยินมาบ้าง
อ่านตอนทั้งหมดในทริปเนปาลนี้ได้ที่
ปกติเวลาแวะไปแผนกแก ก็จะชอบคุยแหย่กันเล่นอยู่เป็นประจำ ไปขอแกกินขนมบ้าง เอาขนมไปให้แกกินบ้าง
ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ ก็เดินไปคุยเล่นกับแกเหมือนปกติ คุยกันสัพเพเหระก่อนจะวนมาหัวข้อที่ว่า
สงกรานต์นี้พวกแกจะไปไหนกัน
ไอ้เราก็พูดเรื่อยเปื่อยไปว่า 'เนปาล' แล้วเอ่ยปากชวนแกเล่นๆ
"ไปด้วยกันป่ะ? 😄"
 
พูดไปแบบไม่ได้คิดจริงจัง แล้วก็ยังไม่ได้ตัดสินใจด้วยว่าจะไปจริงๆ ก็แค่รู้สึกสนใจประเทศนี้ขึ้นมาชั่วขณะ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่ามันห่างไกลความเป็นจริงมาก มันไม่ได้มีความมั่นใจเหมือนตอนที่ไปลาวหรือเวียดนาม ประเทศเพื่อนบ้านที่มีสังคมวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน
ไหนจะอ่านเรื่องราวของคนที่ไปมา แล้วเอาประสบการณ์มาแชร์ในเว็บบล็อก ต่างก็บอกกันว่าต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรง บางคนวิ่งวันละ 5 กิโล ฝึกแบกเป้ ถ่วงน้ำหนักขา ซ้อมกันก่อนเดินทางเป็นเดือน ส่วนเราแค่หาเวลากลับบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดินก็ยาก กลับถึงบ้านก็ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว เหนื่อย!
ที่บอกว่าจะไปเนปาลอะไรนั่น
มันก็แค่เพ้อเจ้อ
แถมไม่กี่อาทิตย์ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานที่ญี่ปุ่นกับหัวหน้า กำหนดการกลับคือก่อนหยุดยาวสงกรานต์เพียงไม่กี่วัน จากนั้นก็ยุ่งหัวระเบิดไปเลย
ทริปเนปาล
คงไม่มีวันเกิดขึ้น
รถเมล์ก็วิ่งของมันไปเรื่อย คนที่อัดแน่นเมื่อต้นทางก็ทยอยพากันลงตามรายทาง คนเก่าลงไปคนใหม่ขึ้นมา
มองไกลออกนอกหน้าต่างรถเมล์ไป บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกควัน ดูจากบ้านเรือนส่วนใหญ่ที่สร้างด้วยอิฐสีแดงแล้ว ฝุ่นละอองส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการเผาอิฐพวกนี้
ฝุ่นหมอกที่ปกคลุมอยู่เต็มท้องฟ้าเหนือเมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
แต่ก็ไม่ใช่เสียทั้งหมด เพราะเมืองกาฐมาณฑุเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขา การหมุนเวียนของอากาศทำได้ไม่ค่อยดีนัก หมอกควันจึงถูกดักเอาไว้ในแอ่งหุบเขาแห่งนี้
กว่าพวกเราจะเห็นข้อเท็จจริงที่ว่ากับตา ก็ปาไปวันสุดท้าย ตอนที่เพื่อนใหม่ชาวเนปาลชวนแว้นมอเตอร์ไซค์ไปดูแสงอาทิตย์สุดท้ายบนยอดเขา ก่อนแยกย้ายกันกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น
นั่งดูวิวนอกหน้าต่างรถเพลินๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า รถเมล์มันไม่ได้ไปสุดสายที่ปักตะปุร์นี่หว่า
เอ้า !!!
แล้วมันต้องลงตรงไหนเนี่ย ?!
อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่นะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา