คุณสมบัติของนักศึกษาภาควิชาปรัชญา
ผมจะขอเล่าประสบการณ์การเรียนวิชาปรัชญาในมหาลัย(ถึงจะไม่กี่ปีก็เถอะ)แต่ผมก็หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่คิดจะเข้าสาขานี้ ที่เข้ามาอ่านบทความของผม อย่างที่ผมเคยบอกจากบทความก่อนหน้านี้แก่นหลักของวิชาปรัชญาจริง ๆแล้วคือ กระบวนการคิดในการวิพากษ์ข้อมูลต่าง ๆและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้น ๆโดยใช่หลักตรรกะอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เราเชื่อเพียงอย่างเดียว
แล้วสำหรับน้อง ๆที่ตั้งใจจะไปเรียนสาขานี้ในรั้วมหาลัยต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
1.เป็นนักคิดที่ดี สำหรับนักเรียนมัธยมปลายที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในการก้าวสู่รั้วมหาลัย ประกอบกับระบบการศึกษาไทยที่ดูจะไม่ค่อยฝึกให้นักเรียนคิดเป็นหรือตั้งคำถามเลย มันก็อาจดูยากไปสำหรับผู้เริ่มต้นเรียน "แล้วเราควรจะเริ่มต้นยังไงดี" จากมุมมองของผม ผมแนะนำว่าเราควรยืนบนจุดยืนของ"คนขี้สงสัย"การขี้สงสัยในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการสงสัยแต่เรื่องที่ non-sense เท่านั้น เพราะเรื่องที่แลดูจะmake sense ที่สุดก็ไม่ได้แปลว่ามันจะถูกต้องหรือจริงแท้แน่นอนเสมอไป
2.เป็นนักอ่านที่ดี สำหรับการเรียนในระดับปริญญาตรีในช่วงเริ่มต้นนั้นไม่จำเป็นต้องอ่าน Text books philosophy ที่หนาประมาณ500หน้าเป็นเล่ม ๆ อย่างน้อย ๆขอแค่มีใจรักการอ่านก็พอ เพราะ ผมมองว่าการเรียนปรัชญาที่ดีไม่ใช่การมานั้งจำว่านักปรัชญาAมีแนวคิดยังไงต่อโลกที่ต้องละเอียดมาก เราโฟกัสแค่วิธีคิดของเขาก็พอแล้ว ปล.ผมไม่แน่ใจว่ามหาวิทยาลัยอื่นมีวิธีการเรียน การสอนเป็นอย่างไร เพราะ มหาลัยผมจะให้เหล่านักศึกษาอ่านบทความจากIEP หรือ Stanford plato เป็นหลัก เพื่อใช่ในการหาข้อมูล
3.เป็นนักเขียนที่ดี สำหรับมหาลัยของผมและที่อื่น ๆประมาณ 2 ที่ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน เพราะฉะนั้นในเมื่อเราเป็นนักอ่านที่ดีแล้วเราก็ต้องสามารถบรรยายสิ่งที่เราคิดออกมาได้ด้วย และสามารถสื่อถึงผู้อ่านได้ด้วย ข้อสอบเท่าที่ผมเจอมาส่วนใหญ่อาจารย์จะให้เราเสนอจุดยืนของเราที่มีต่อ argument นั้น ๆแล้วอ้างอิงนักปรัชญา ว่ามีมุมมองอย่างไร เช่น เราเห็นด้วยกับนักปรัชญาคนหนึ่ง แต่ในทางกลับกันเราไม่เห็นด้วยกับนักปรัชญาอีกคน เราต้องสามารถอธิบายให้เห็นภาพได้ว่ามันถูกและอีกฝ่ายผิดยังไง
4.รู้เท่าทันเทคโนโลยี ในยุคปัจจุบันที่มีการใช่AIเข้ามาใช่ในการทำงานต่าง ๆไม่เว้นแต่สาขาปรัชญาแต่สำหรับผมแล้วAIนั้นมันใช่ความรู้ที่มนุษย์มอบให้ มันไม่มีความเชื่อเป็นของตัวเองผมเลยคิดว่ามันคงยังมันน่าจะไม่มาแทนที่เราในอนาคตอันใกล้นี้แต่เราสามารถใช่งานมันในการจัดระเบียบรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วอินเทอร์เน็ตมันสามารถทำให้เราเห็นภาพใหญ่ของสิ่งที่เรากำลังค้นคว้าได้ง่ายขึ้น และสามารถคิดวิเคาระห์ข้อมูลที่มีอยู่และเขียนมันออกมาเป็นบทความได้แต่มันก็อาจมีความผิดพลาดของข้อเท็จจริงอยู่บ้าง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
