รู้จักกับ function 'LAMBDA' ใน google sheet
ฟังก์ชัน LAMBDA เป็นฟังก์ชันที่ทำให้เราสามารถสร้างฟังก์ชันได้เอง โดยการกำหนดตัวแปรแล้วสร้างรูปแบบฟังก์ชัน
ไวยากรณ์
LAMBDA([name, …], formula_expression)
- ★name คือ ชื่อของตัวแปร ต้องกำหนดอย่างน้อย 1 ตัวแปร
- ★formula_expression คือ สูตรสำหรับการคำนวณฟังก์ชันนี้
ตัวอย่าง
=LAMBDA(x,x+5)(4)
คือฟังก์ชันที่มีตัวแปรคือ x และสูตรคือ x+5
แทนค่า x ด้วย 4 จึงได้ผลลัพธ์ x+5 = 4+5 = 9
ภาพที่ 1
=LAMBDA(x,x^2-5*x+3)(2)
คือฟังก์ชันที่มีตัวแปรคือ x และสูตรคือ x²-5x+3
แทนค่า x = 2 จะได้ x²-5x+3 = 2²-5(2)+3 = 4-10+3 = -3
ภาพที่ 2
=LAMBDA(x,y,x^2+y^2=8)(2,2)
คือฟังก์ชันที่มีตัวแปรคือ x, y และสูตรคือ x²+y²=8
แทนค่า x=2, y=2 จะได้ x²+y²=8 → 2²+2²=8 → 4+4=8 → 8=8 → TRUE
ภาพที่ 3
มีข้อมูลตัวเลข 2 ชุด คือ num A และ num B
ให้ a เป็นสมาชิกของ num A และ b แทนสมาชิกของ num B
โดย a และ b จับกันเป็นคู่ ๆ
ต้องการทราบว่าผลบวกของ a³-a² และ b³-b² ของแต่ละคู่นั้น มีค่ามากที่สุดเป็นเท่าใด
ภาพที่ 4
เริ่มจากการสร้างฟังก์ชัน LAMBDA หาค่าของ x³-x² โดยค่าที่คำนวณใช้ค่าจาก A2 จะได้สูตรคือ
=LAMBDA(x,x^3-x^2)(A2)
ภาพที่ 5
เนื่องจากเราจะใช้ฟังก์ชันเดิมซ้ำอีกครั้งกับค่าใน B2 ดังนั้นเราจะใช้ LET ช่วยกำหนดชื่อฟังก์ชัน ให้เป็นฟังก์ชัน f และให้แสดงผล f(A1) เช่นเดิม ได้สูตรเป็น
=LET(f,LAMBDA(x,x^3-x^2),f(A2))
(รู้จักกับฟังก์ชัน LET https://www.blockdit.com/posts/64d3336e14c7621b2e97f701)
ภาพที่ 6
จากนั้นเราใช้ฟังก์ชันเดิมหาผลบวกของ a³-a² และ b³-b² คู่แรก ก็คือ f(A2) + f(B2) นั่นเอง ได้สูตรเป็น
=LET(f,LAMBDA(x,x^3-x^2),f(A2)+f(B2))
ภาพที่ 7
ปรับสูตรให้เป็น array เพื่อคำนวณทุกคู่ ได้สูตรเป็น
=LET(f,LAMBDA(x,x^3-x^2),INDEX(f(A2:A10)+f(B2:B10)))
ภาพที่ 8
สุดท้ายหาค่าที่มากที่สุดของค่าที่ได้มาโดยใช้ฟังก์ชัน MAX ได้สูตรเป็น
=LET(f,LAMBDA(x,x^3-x^2),MAX(INDEX(f(A2:A10)+f(B2:B10))))
ภาพที่ 9
ซึ่งฟังก์ชัน LAMBDA นี้จะเป็นฟังก์ชันสำคัญในการสร้างสูตร array ในรูปของฟังก์ชัน MAP, REDUCE, SCAN, BYROW, BYCOL และ MAKEARRAY ด้วย
ถ้าเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ ฝากแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะฮับ
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
