ชัยชนะนัดเปิดซีซั่นของผีแดง ที่โชว์ฟอร์มแบบแฟนบอลไว้ใจไม่ได้
ในศึกพรีเมียร์ลีกสัปดาห์แรกของฤดูกาลใหม่ บรรดาทีมที่จบด้วยอันดับ 1-4 เมื่อซีซั่นก่อนทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต่างประเดิมเกมแรกด้วย 3 คะแนนเต็ม นั่นทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ควรทำแต้มหล่นเลย ถ้าหากไม่อยากให้การลุ้นติดท็อปโฟร์เจอความลำบากโดยไม่จำเป็นตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมที่ดูไม่น่ายากอย่างการเปิดบ้านพบทีมอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
วูล์ฟส์คือทีมที่ยิงประตูได้น้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว (31 ประตู) แถมเป็นคู่แข่งที่ เอริค เทน ฮาก พาทีมเก็บชัยชนะแบบไม่เสียประตูได้แบบไปกลับ และยังเพิ่งเปลี่ยนกุนซือกลางคันก่อนเปิดซีซั่นไม่ทันครบ 1 สัปดาห์
ถ้าจะว่ากันตามตรง เกมเจอทีมแบบนี้มันต้องชนะให้ได้แบบสบายๆ ด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่เก็บ 3 คะแนนเต็มแบบหืดจับ
นั่นทำให้ชัยชนะที่มาจากโอกาสลุ้นจะแจ้งเพียงครั้งเดียวและกลายเป็นประตูชัยของ ราฟาแอล วาราน ในครึ่งหลัง, การต้องให้ อองเดร โอนาน่า ออกแรงเซฟถึง 6 ครั้ง โดยรอดตัวจากการเสียจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอย่างโชคช่วย แถมทีมหมาป่าพลาดโอกาสจบสกอร์ที่ควรจะเป็นประตูไปถึง 3 หนก่อนเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม มันตัดสินได้ชัดเจนเลยว่านี่คือมาตรฐานที่ยังไม่ดีพอ
อย่าว่าแต่จะไปหวังลุ้นแชมป์ ถ้ายังเล่นกันได้แบบช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา รวมไปถึงเกมลีกนัดเปิดฤดูกาล แค่จะลุ้นติดท็อปโฟร์ยังลำบาก
สำหรับ 11 ตัวจริงที่ เอริค เทน ฮาก จัดในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดบ้านพบวูล์ฟแฮมป์ตัน มาในระบบ 4-1-4-1 ไม่ใช่ 4-2-3-1 นะครับ
อองเดร โอนาน่า จองตำแหน่งนายประตูมือหนึ่งแน่นอน และนี่คือครั้งแรกอย่างเป็นทางการที่นายด่านชาวแคเมอรูนได้ทำหน้าที่แทน ดาบิด เด เคอา ในลีกสูงสุดอังกฤษ
แผงแบ็กโฟร์มีการเปลี่ยนแปลง 1 ตำแหน่ง โดย อารอน วาน-บิสซาก้า ได้ลงยืนแบ็กขวาตัวจริงแทน ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่ก่อความผิดพลาดง่ายๆ ให้ทีมเสียประตูในเกมอุ่นเครื่องนัดชนะล็องส์ 3-1 นอกนั้น ราฟาแอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ ลุค ชอว์ ออกสตาร์ท
คาเซมิโร่ทำหน้าที่กลางรับคนเดียว ส่วน เมสัน เมาท์ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะยืนสูงกว่า ดันขึ้นไปช่วยเพรสสูง และมี อันโตนี่ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เป็นปีกขวา-ซ้ายตามลำดับ
ตำแหน่งหน้าเป้าเมื่อไม่มี ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ยังบาดเจ็บ ขณะที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ยังฟิตไม่เต็มที่และไม่ได้ลงเคาะสนิมช่วงปรีซีซั่น จึงต้องดัน มาร์คัส แรชฟอร์ด ขึ้นไปยืนก่อน
บนหน้ากระดาษมันดูเหมือนเป็นทีมชุดแข็งแกร่งจัดหนักจัดเต็ม แต่ความเป็นจริงในสนามไม่ได้ข่มคู่แข่งอะไรเลย
จุดที่น่าเป็นห่วงจุดแรกคือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ซึ่งเป็นปัญหาชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว เมื่อ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ไม่สมบูรณ์ ส่วน เว้าท์ เว็กฮอร์สท์ ฝากความหวังในการทำประตูไม่ได้
การที่ฮอยลุนด์ยังไม่พร้อมลงเดบิวต์ให้ต้นสังกัดใหม่ ทำให้ เทน ฮาก ต้องเลือกระหว่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวซัลโวประจำทีมเมื่อซีซั่นก่อน หรือไม่ก็ เจดอน ซานโช่ ที่ยืนเป็น ฟอลส์ ไนน์ หลายนัดในเกมอุ่นเครื่องของช่วงซัมเมอร์ 2023 ว่าใครสมควรได้ยืนหน้าเป้า ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเป็นแรชฟอร์ด ที่มีประสิทธิภาพการทำประตูดีกว่า
แต่แฟนผีทุกคนก็คงรู้ดีว่าตำแหน่งที่เจ้าแรชจะเล่นได้อันตรายที่สุดคือต้องฉีกออกไปยืนทางฝั่งซ้าย
ถ้าจะให้เล่นหน้าเป้า เขาต้องมีจังหวะชิงพื้นที่หลังไลน์แนวรับคู่แข่ง ใช้ความเร็วเอาชนะกับดักล้ำหน้าเท่านั้น แต่ถ้าเจอคู่แข่งที่ยืนเกมรับกันแน่น และใช้กองกลางดันขึ้นไปบีบสูง จะทำให้เขาแทบจะหายไปจากเกม เพราะเพื่อนร่วมทีมแทบไม่มีโอกาสแทงขึ้นหน้าให้เขาโชว์ความสามารถได้เลย
แรชฟอร์ดที่แทบจะโดดเดี่ยวในแนวรุกว่าแย่แล้ว แต่คนที่น่าผิดหวังยิ่งกว่าคือเจ้าหนู อเลฮานโดร การ์นาโช่ ซึ่งเกมนี้แสดงให้เห็นว่าเขาดูจะเหมาะกับการเป็นตัวสำรองลงมาใช้สปีดในตอนที่แนวรับฝั่งตรงข้ามหมดแรง มากกว่าจะเป็นตัวจริงที่เล่นแบบติดๆ ขัดๆ
ส่วนอันโตนี่ ผมถือว่าเล่นได้แบบ “พอใช้” นะครับ เพราะเขาช่วยเกมรับได้ดีกว่าการ์นาโช่ชัดเจน และมีจังหวะสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนได้ถึง 3 ครั้ง เลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ได้ 2 ที เรียกฟาวล์อีก 2 หน แต่ถ้าจะเอาไปเทียบกับความอันตรายของ บูคาโย่ ซาก้า หรือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถือว่า “เดอะหมุน” ยังห่างไกลจากจุดนั้นมาก แม้นี่กำลังจะครบรอบ 1 ปีของการย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาลก็ตาม
เมื่อแนวรุกประสานงานกันไม่ได้ ทำบอลตายที่แดนหน้าบ่อยเกินไป นั่นจึงเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถสวนขึ้นมาได้ไม่ยาก
อย่างที่ผมบอกไปว่าระบบที่ เทน ฮาก กำลังจะใช้อยู่ในซีซั่นใหม่นี้ เปลี่ยนจาก 4-2-3-1 มาเป็น 4-1-4-1 โดยให้คาเซมิโร่รับหน้าที่ตัวรับเพียงคนเดียว เพราะเชื่อว่า “คนเดียวเอาอยู่” แล้วโหลดผู้เล่นอย่าง เมสัน เมาท์ กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ขึ้นไปช่วยบีบสูงด้วยกัน
แต่ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของคาเซมิโร่ตอนนี้ ถ้าหากไม่ได้ถดถอยลงจากปีที่แล้วแบบน่าเป็นห่วง ก็คงเป็นเพราะยังไม่เข้าที่เข้าทาง และอาจต้องใช้เวลาเรียก Match rhythm ในสนามไปอีกสัก 2-3 เกมถึงจะเล่นได้ตามมาตรฐานสุดยอดที่โชว์ให้เห็นเมื่อซีซั่นก่อน
การใช้กลางรับเพียงคนเดียว ส่วนมิดฟิลด์คนอื่นๆ ของปีศาจแดงดันขึ้นไปสูงแต่หาโอกาสเข้าทำไม่เป็นผล ทำให้คาเซมิโร่ต้องรับบทหนัก และกลางของวูล์ฟแฮมป์ตันก็ช่วยกันสร้างความลำบากให้เจ้าถิ่นได้ดีจริงๆ
มาเตอุส นูเนส ทักษะดีมาก เลี้ยงกินตัวได้เก่งมาก เมื่อคืนวันจันทร์เขามีสถิติเลี้ยงผ่านถึง 6 ครั้ง เรียกฟาวล์อีก 5 ครั้ง ถือเป็นผู้เล่นที่สร้างความลำบากให้นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด แย่งยากที่สุด ขณะที่ มาริโอ เลอมิน่า ทั้งขยันทั้งแข็งแกร่ง
ไหนจะมีกองหน้าอย่าง มาเตอุส คุนญ่า ที่ถอยตัวเองลงต่ำไปช่วยแดนกลาง และเลี้ยงบอลกินแดนขึ้นมาด้วยความเร็วที่หาตัวจับยาก นั่นทำให้เกมตรงกลางสนามของทีมหมาป่าไม่เป็นรอง และหาจังหวะโจมตีถึงช็อตลุ้นประตูได้บ่อยกว่า โดยอาศัยความเร็วและความขยันเคลื่อนที่ของ เปโดร เนโต้ คอยปั่นป่วน
มาเตอุส คุนญ่า โชว์ฟอร์มปั่นป่วนแนวรับปีศาจแดงได้อันตรายมาก ในเกมที่วูล์ฟแฮมป์ตันบุกแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0
ใบเหลืองแรกของเกมที่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ โดนจากการเข้าบอลหนัก ก็เป็นเนโต้นี่แหละที่เรียกฟาวล์ให้ ซึ่งการโดนกรรมการจดชื่อเร็วของมาร์ติเนซยิ่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นยากขึ้นอีก เพราะเซนเตอร์ร่างเล็กทีมชาติอาร์เจนตินาไม่กล้าเข้าสกัดอย่างดุดัน และไม่กล้าตัดฟาวล์อีกแล้ว
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม เอริค เทน ฮาก ถึงต้องรีบถอดเขาออกตั้งแต่ตอนพักครึ่งแล้วให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ลงไปแทน เพราะไม่ใช่แค่กลัวโดนใบเหลืองที่สองเท่านั้น แต่มันเห็นได้ชัดด้วยว่าไม่สามารถใช้งานมาร์ติเนซได้เต็มประสิทธิภาพจากสไตล์การเล่นของเขาได้เท่าเดิมอีก
แกรี่ เนวิลล์ ให้ความเห็นเรื่องการใช้คาเซมิโร่ยืนกลางรับตัวเดียวแล้วไม่เวิร์ค ในการวิเคราะห์หลังเกมผ่าน สกาย สปอร์ตส์ เอาไว้ว่า “เราได้เห็นเกมปรีซีซั่นหลายนัดที่เมาท์และแฟร์นันด์สยืนกันสูงมาก แล้วเมื่อพวกเขาเสียบอล คาเซมิโร่ต้องจัดการงานของเขาคนเดียว”
“เรื่องนี้มันต้องไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นที่ไม่ได้คล่องแคล่วที่สุดอย่างคาเซมิโร่ ถึงแม้เขาจะอ่านเกมได้ดีและมีประสบการณ์โชกโชนก็ตาม”
“พวกเขากำลังพยายาม หรืออาจจะเคยพยายามเซ็นสัญญากับ โซฟียาน อัมราบัต เพื่อเอามายืนข้างๆ คาเซมิโร่ พวกเขาต้องการซื้อด้วยเหตุผลบางอย่างโดยเฉพาะ ซึ่ง เอริค เทน ฮาก ไม่คิดจะกลับไปพึ่งนักเตะอย่างเฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งมีเทคนิคที่ไม่ดีพอ”
ส่วน เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่นั่งเป็นคอมเมนเตเตอร์อยู่ข้างๆ ก็ขยี้ซ้ำเข้าไปอีกว่า “ผมมีความรู้สึกว่าพอถึงจุดหนึ่ง คาเซมิโร่จะถูกเปิดแผล”
“กองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ยืนปักหลักกันเลย มันเปิดพื้นที่ว่างไว้”
“มันเป็นเรื่องที่น่ากังวล ถ้าหากคุณดู แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นในช่วงปรีซีซั่นซึ่งปล่อยให้คาเซมิโร่รับหน้าที่เขาเองคนเดียวตอนที่ เมสัน เมาท์ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เติมขึ้นหน้า มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่คุณต้องมีความสมดุลกันด้วย แล้ว 3 แนวรุกก็ไม่ได้ทำงานช่วยเกมรับให้หนักมากพอเลย”
“มันคือเรื่องที่น่ากังวลอย่างแท้จริง เพราะวูล์ฟส์เพิ่งได้ผู้จัดการทีมคนใหม่แค่ 4 วัน และพบกับความลำบากมากมาย ทำให้น่าห่วงว่าซีซั่นนี้ของพวกเขาจะไปจบตรงไหน แต่พวกเขากลับเล่นได้สุดยอดในคืนนี้”
ก็คือตามหน้าเสื่อแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ควรต้องมานั่งลุ้นหนักกับทีมที่ดูจะมีความอันตรายเป็นลำดับท้ายๆ ของลีก ถ้าหากการเจอทีมแบบนี้ยังก้ำกึ่งจะแพ้ คุณจะไปหวังทำผลงานให้ดีในการเจอทีมที่แข็งกว่านี้ได้หรือ?
แกรี่ เนวิลล์ กับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ชี้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ควรใช้คาเซมิโร่เล่นกลางรับแค่คนเดียว เพราะแค่เกมเจอวูล์ฟแฮมป์ตัน ก็เห็นชัดเจนแล้วว่าตัดเกมคนเดียวไม่อยู่
อย่างไรก็ตาม ถือว่า เอริค เทน ฮาก แก้เกมได้ถูกจุด เมื่อเปลี่ยนตัวแบบแพ็คคู่ในนาที 68 โดยส่ง เจดอน ซานโช่ ลงแทน อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่เล่นไม่ออก แล้วทำจังหวะเกมรุกเสียบ่อย และให้ คริสเตียน เอริคเซ่น ลงมาแทน เมสัน เมาท์
ไม่ใช่ว่าเมาท์เล่นไม่ดี แม้จะไม่มีจังหวะยิง, ครอสบอล หรือสร้างโอกาสให้เพื่อน แต่การเล่นตอนไม่มีบอลของอดีตกองกลางเชลซีทำได้ดีมาก เขาช่วยทีมไล่บีบแดนบน และเก็บบอลไว้กับตัวเพื่อเอาตัวรอดจากการเข้าปะทะของทีมเยือนได้โอเคแล้ว แต่ทีมจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีเล่น
เอริคเซ่นจะมีความเป็น “ตัวเชื่อมเกม” และออกบอลได้ไวกว่าเมาท์ โดย เทน ฮาก ส่งกองกลางทีมชาติเดนมาร์กลงมายืนใกล้ๆ คาเซมิโร่ ไม่ได้ให้ดันขึ้นไปบีบสูงแบบเมาท์ ส่วนการลงมาของซานโช่ มันทำให้เกมดูต่อเนื่องขึ้น เพราะอดีตปีก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะเล่นง่ายๆ และต่อบอลสั้นได้ดีกว่าดาวรุ่งทีมชาติอาร์เจนตินา
ส่วนประตูที่ได้มา ยังคงมาจากทีเด็ดการออกบอลได้เสียของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เมื่อเหลือบเห็น อารอน วาน-บิสซาก้า มีพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษ บรูโน่จึงหยอดให้ก่อนที่ วาน-บิสซาก้า จะรอให้บอลตกพื้นหนึ่งจังหวะ แล้วงัดไปหน้าประตูให้ ราฟาแอล วาราน โถมโขกโล่งๆ ตุงตาข่าย
นั่นคือจังหวะจะแจ้งเพียงครั้งเดียวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอจะลุ้นประตูได้ในเกมนี้ (ช็อตที่อันโตนี่แทงให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด สปีดไปยิงมุมแคบติดเซฟช่วงต้นเกม ผมมองว่ามันยังเป็นมุมที่ยิงเข้ายากอยู่) แต่ก็ยังดีที่เปลี่ยนมันเป็นสกอร์ได้
ผิดกับวูล์ฟแฮมป์ตันที่ควรจะได้ประตูตั้งหลายครั้ง แต่กลับยิงกันไม่คมไปเอง ไม่อย่างนั้นเผลอๆ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจตามหลังถึง 0-2 ตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรกไปแล้ว
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้สมควรยกให้ อองเดร โอนาน่า ที่ออกแรงเซฟไปถึง 6 ครั้ง และมีส่วนร่วมกับการบิ๊วอัพเกมของทีมด้วยการออกบอลที่ไว้ใจได้
โอนาน่าได้สัมผัสบอลในเกมประเดิมพรีเมียร์ลีกมากถึง 51 ครั้ง ถ้าไม่นับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แล้ว เขาได้สัมผัสบอลมากกว่าตัวรุกทีมปีศาจแดงในเกมนี้ทุกคน
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกตรงๆ ว่าเขาโชคดีที่วีเออาร์ไม่จับฟาวล์เขาในกรอบเขตโทษ จังหวะที่กระโดดเข้าไปชนกับ เคร็ก ดอว์สัน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายโดยที่ไปไม่ถึงบอลเลย เพราะผู้ตัดสินมองว่านั่นไม่ใช่การขัดขวางการทำประตูอย่างจะแจ้งแน่นอน เนื่องจากดอว์สันโหม่งบอลออกไปไกลก่อนแล้ว การพุ่งเข้าไปชนของโอนาน่าจึงไม่มีผลอะไร
แต่จริงๆ สำหรับผู้ตัดสินบางท่านอาจใช้ดุลยพินิจมองว่าเป็นการฟาวล์ได้ เพราะการกระโดดเข้าชนทั้งตัวแบบนั้นโดยไปไม่ถึงบอล ถ้าหากเกิดขึ้นนอกกรอบเขตโทษ ยังไงมันก็คงเป็นฟรีคิกชัวร์ๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมาตรฐานการแจกจุดโทษในกติกาใหม่ยังเป็นที่ถกเถียงแล้วต้องตีความกันใหม่อยู่ ทีมงานผู้ตัดสินของเกมผีฟัดหมาป่าจึงไม่กล้าแจกจุดโทษให้ทีมเยือน เพราะไม่มั่นใจว่าจะเป่ายังไงดี
จังหวะที่ อองเดร โอนาน่า กระโดดออกมาตัดบอลแล้วไปไม่ถึงบอลแล้วชนเข้ากับ เคร็ก ดอว์สัน เต็มๆ ถือว่าผู้ตัดสินสามารถเป่าฟาวล์ได้ แต่ทีมปีศาจแดงรอดตัวไม่เสียจุดโทษในจังหวะนี้ เพราะผู้ตัดสิน ไซม่อน ฮูเปอร์ มองว่าวูล์ฟแฮมป์ตันไม่มีโอกาสได้ประตูอยู่แล้ว เพราะดอว์สันโหม่งบอลออกไปก่อนที่จะโดนโอนาน่าชนเสียอีก
แกรี่ โอนีล กุนซือของวูล์ฟแฮมป์ตัน เผยว่าหลังจบเกมเขาได้ไปคุยกับ โจนาธาน มอสส์ อดีตผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีกที่เป็นคณะกรรมการระดับสูงของสมาคมผู้ตัดสินอาชีพของอังกฤษ (PGMOL) ซึ่งทางมอสส์ชี้ว่าการไม่ให้จุดโทษกับวูล์ฟแฮมป์ตันคือการตัดสินที่ผิดพลาดของทีมงานกรรมการในเกมนี้
ล่าสุดพรีเมียร์ลีกสั่งให้ทีมผู้ตัดสินในเกมนี้ทั้ง ไซม่อน ฮูเปอร์ (กรรมการ), ดาร์เรน บอนด์ (ผู้ตัดสินที่ 4), ไมเคิ่ล ซาลิสบิวรี่ (เจ้าหน้าที่วีเออาร์) และผู้ช่วยทั้งทีมวีเออาร์และไลน์แมน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในสัปดาห์หน้า เนื่องจากทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ซึ่งทั้งหมดอาจต้องถูกจับไปเข้าคอร์สอบรม ทำความเข้าใจการตีความกติกากันใหม่
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ถ้าจะให้มองหาแง่ดีจากเกมนี้ก็คือ แม้จะเล่นกันได้แบบห่วยแตก แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้ 3 คะแนนเต็ม และอย่างน้อยก็ยังดีกว่าการแพ้คาบ้านประเดิมฤดูกาลเหมือนอย่างซีซั่นก่อน ที่ 2 นัดแรกเปิดมาแพ้ทั้งไบรท์ตันคาบ้าน และออกไปโดนเบรนท์ฟอร์ดถล่มยับ
และ เอริค เทน ฮาก อาจจะพอมีข้ออ้างได้บ้าง ว่าเขายังไม่สามารถใช้งาน ราสมุส ฮอยลุนด์ ได้ ซึ่งถ้าหาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ฉีกไปยืนฝั่งซ้าย แล้วมีกองหน้าเร็วๆ ที่โฉบเข้าหาประตูได้ดี บางทีประสิทธิภาพการเข้าทำก็น่าจะดีกว่านี้เยอะ
ส่วน เมสัน เมาท์ ก็ยังต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักระยะกับเกมการแข่งขันจริง การจะไปตัดสินว่าเป็นการเซ็นสัญญาย่ำแย่ตั้งแต่ผ่านเกมแค่อุ่นเครื่องปรีซีซั่น และพรีเมียร์ลีก 1 นัด มันก็ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไร ถือว่าช่วงแรกๆ ของซีซั่นใหม่ มันยังคงต้องปรับจูนอะไรกันไปอีกพอสมควร
กว่าที่ เทน ฮาก จะมีทีมที่ลงตัวแล้วจริงๆ อย่างเร็วที่สุดคงต้องรอให้พ้นช่วงเบรกทีมชาติเดือนกันยายน ซึ่งตอนนั้นสภาพทีมน่าจะสมบูรณ์ และขุมกำลังก็จะชัดเจนแล้วว่าเหลือใครให้เขาใช้งานจริงๆ บ้าง เมื่อผ่านวันปิดตลาดซื้อขาย
ถือซะว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเกมแรกด้วยชัยชนะแบบบุญรักษา ระหว่างนี้ลุ้นแบบเอาตัวรอดทีละนัดไปก่อนละกัน
#เสียบสามเหลี่ยม #วาราน #ราฟาแอลวาราน #การ์นาโช่ #อเลฮานโดรการ์นาโช่ #แรชฟอร์ด #มาร์คัสแรชฟอร์ด #คาเซมิโร่ #โอนาน่า #อองเดรโอนาน่า #เทนฮาก #เอริคเทนฮาก #ผีแดง #ปีศาจแดง #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #วูล์ฟแฮมป์ตัน #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
