16 ส.ค. 2023 เวลา 06:01 • ธุรกิจ

ฟองสบู่ VinFast บริษัทรถเวียดนาม 3,000,000 ล้าน ใหญ่กว่าบริษัทไทย ทุกบริษัท

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา VinFast ธุรกิจรถยนต์ ในเครือ Vingroup ของเศรษฐีรวยสุดในเวียดนาม คุณฝ่ามเญิ้ตเวือง ได้เข้าตลาดหุ้น Nasdaq
2
โดยหุ้น VinFast หรือ VFS เมื่อคืน ปิดที่ 37 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ตีเป็นมูลค่ากิจการ สูงถึง 3 ล้านล้านบาท
ใหญ่กว่า Mercedes-Benz, BMW, Ferrari, Ford และ GM เป็นรองเพียง Tesla, Toyota, Porsche และ BYD
ที่สำคัญก็คือจะใหญ่กว่าบริษัทในตลาดหุ้นไทยทุกบริษัท และทำให้คนเวียดนามที่เป็นเจ้าของบริษัทนี้ รวยขึ้น 7.5 เท่าในชั่วข้ามคืน จากการตีมูลค่าสินทรัพย์ และรวยกว่าเศรษฐีไทยทุกคนแล้ว..
โดยการเข้าตลาดหุ้นของ VinFast ด้วยวิธี SPAC อธิบายง่าย ๆ คือ
2
- สร้างบริษัท Shell ขึ้นมา เพื่อระดมทุนเข้าไปก่อน เป็นบริษัทที่ไม่มีสินทรัพย์ และไม่ได้ทำธุรกิจอะไร
2
- นำเงินสดที่ได้จากการระดมทุน ไปควบรวมกับกิจการที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์
ในที่นี้ ก็คือ Black Spade Acquisition Co หรือ BSAQ ควบกิจการ VinFast เข้าไป
แล้ว VinFast ผลิตรถยนต์อะไร ?
VinFast เป็นบริษัทรถยนต์ใหญ่สุดในเวียดนาม ที่กำลังลุยธุรกิจรถยนต์ EV และการผลิตแบตเตอรี่
4
โดยมีผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2021 รายได้ 20,543 ล้านบาท ขาดทุน 47,612 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 18,316 ล้านบาท ขาดทุน 73,686 ล้านบาท
3
เรียกได้ว่าทั้งรายได้ลดลง และขาดทุนเพิ่มขึ้น ในระดับที่น่าจะเป็นบริษัทที่ไปไม่รอดด้วยซ้ำ
แต่ตลาดกำลังซื้อขายหุ้นตัวนี้กัน สูงระดับ 3,000,000 ล้านบาท ซึ่งก็ดูจะเป็นราคาที่สูงเกินจริงไปมาก
ยิ่งพอมาเทียบกับสถานการณ์รถยนต์ EV ที่เจ้าตลาดอย่าง Tesla หั่นราคาขายลงมาหลายรอบแล้ว
1
โดยเฉพาะในจีน เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดกลับมาจาก BYD ก็เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายสำหรับ VinFast เหมือนกัน ว่าจะสู้กับรายอื่น ๆ อย่างไร
แต่จากการเข้าตลาดหุ้นของ VinFast เมื่อคืน ก็ได้ทำให้ทรัพย์สินของ คุณฝ่ามเญิ้ตเวือง เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 7.5 เท่า เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในเวียดนาม รวมถึงรวยกว่าเศรษฐีทุกคนในประเทศไทยทันที..
3
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่บริษัทรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ตัวเจ้าของ ยังคงถือหุ้น VinFast ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมกันถึง 99%
1
หมายความว่า มูลค่าที่เราเห็นกันนั้น มาจากการซื้อขายในตลาดเพียงเสี้ยวเดียวของหุ้นทั้งหมดของบริษัท
3
ซึ่งเป็นไปได้ว่า มีการไล่ราคาหุ้นของบริษัทนี้ให้สูงเกินจริง โดยอาศัยสภาพคล่องที่น้อยของหุ้น
1
โดยภาษาของวงการตลาดทุน เรียกว่า หุ้นนี้ถูก CORNER นั่นเอง
4
โดยมูลค่าที่เราเห็นในวันนี้ ก็อาจเป็นเรื่องชั่วคราว เพราะเห็นได้ชัดว่า บริษัทยังขาดทุนหนัก และรายได้ไม่ได้เติบโตขึ้น ซึ่งมันเป็นมูลค่าที่ไม่น่าจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท
และเมื่อถึงเวลานั้น ฟองสบู่ที่ถูกปั่นขึ้นมา ก็อาจแตกลงได้ ในพริบตา..
3
โฆษณา