17 ส.ค. 2023 เวลา 10:00 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี

รีวิวซีรีส์ Dr.romantic 3

*มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์*
การกลับมาของซีรีส์ดราม่าที่สามารถปลอบประโลมจิตใจเราได้ในขณะเดียวกัน การรอคอย 3 ปี ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่อัดแน่น ตัวละครล้นจอ และเรื่องราวของเหล่าชาวทลดัม กับซีรีส์การแพทย์คุณภาพเรื่อง Dr.romantic 3
แรงดึงดูดของคิมซาบูที่เป็นดังผู้นำทางจิตวิญญาณแห่งโรงพยาบาลทลดัม ที่สามารถดึงดูดเล่าคุณหมอหลายต่อหลายรุ่น ผลัดเปลี่ยนกันมาสร้างเรื่องราว สร้างการเติบโต สร้างความทรงจำทั้งสุขและเศร้า
  • ว่าด้วยแรงดึงดูดของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
“ถ้าตอนผ่าตัด ได้ข่าวหมอซออูจิน ช่วยบอกฉันทีนะคะ ไม่ใช่กังวลอะไรหรอก แค่ไม่สบายใจน่ะค่ะ ถ้าได้ยินว่าปลอดภัยดีน่าจะมีสมาธิมากขึ้น” น้ำตาที่คลอบวกกับเสียงที่สั่น ชาอึนแจพูดฝากกับพยาบาล ขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวในการผ่าตัดเคสอุบัติเหตุ
“ขอโทษค่ะ ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรทำแบบนี้ในห้องฉุกเฉิน” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยตาของหมอยุนอารึมพูดขึ้น แล้วโผเข้ากอดซูแซมหัวหน้าพยาบาลที่เดินเข้ามาถามไถ่
ประโยคคำพูดของทั้งสองคนเกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่ได้รับข่าวของคนรักที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
เมื่อได้ยินข่าวของคนรักหรือคนใกล้ตัวตกอยู่ในอันตรายที่ไม่สามารถรู้สถานการณ์ได้ว่าจะเป็นตายร้ายดีแค่ไหน การตอบสนองต่อความรู้สึกนั้นที่ต้องพยายามกดความกังวลไว้ก่อน และพยายามตั้งสติไม่ให้ฟุ้งซ่าน มันคงไม่ง่ายที่จะกลั้นเอาไว้ ถ้าเป็นไปได้ก็คงอยากวิ่งเข้าไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองให้รู้เรื่อง แต่กับเหล่าหมอที่มีเคสผ่าตัด และเคสฉุกเฉินเข้ามาตลอด การคิดเรื่องนั้นคงต้องเป็นรองไปก่อน เพราะด้วยหน้าที่ตอนนั้นคงต้องเห็นคนไข้มาก่อน
หรือกับบ้างสถานกาณ์ที่ไม่ต้องเป็นถึงหมอ กับคนอื่นก็อาจจะเคยมีแบบนี้ เมื่อความรักเดินทางมาถึงการบอกเลิก ความเสียใจก็ตามมา เหตุกาณ์ของพยาบาลพัคอึนทักกับหมอยุนอารึม แต่เพราะยังเข้าเวรอยู่ การร้องไห้ที่ต้องเยียวยาให้กับใจจากผลของการเลิกลา ก็ยังต้องใส่แมสปิดบังความเศร้าบนหน้าเพื่อต้องดูแลคนไข้ต่อ
สิ่งนี้คงเป็นบททดสอบของการเป็นผู้ใหญ่อีกข้อหนึ่ง การเป็นผู้ใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น รวมถึงบทบาททางสังคมที่ตีกรอบชีวิตของเราไว้ ในการใช้ชีวิตก็มักมีอุปสรรคหรือเรื่องราวที่พร้อมมา challenge ให้เราได้ร้องไห้บ้างยิ้มบ้างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชีวิตของเราทุกคนก็ต้องก้าวไปข้างหน้าอยู่ดี เพื่อการเติบโตทั้งทางกายและทางใจ
  • ว่าด้วยแรงดึงดูดของการเป็นครอบครัว
“มันไม่ได้สดใสงดงามเหมือนสายรุ้งเสมอไป พอได้ชื่อว่าครอบครัวก็ยิ่งทำร้ายกันง่ายกว่าเดิม และบางทีก็เจ็บปวดมากกว่าด้วย บางครั้งเราก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับช่วงเวลาที่โหดร้าย และเจ็บปวดที่สุดไปด้วยกัน” แม่ของหมอชาอึนแจพูดกับหมอซออูจินเพื่อให้เขาตัดใจจากหมอชาอึนแจ
ดังนั้น ถ้าจะเจ็บปวดอย่างที่แม่ชาอึนแจพูดไว้ เราก็ควรถนุถนอมจิตใจกันสักหน่อย เพราะคำพูดที่ออกมาจากคนใกล้ตัวนั้นส่งผลอย่างมาก นอกจากครอบครัวจะทำร้ายกันง่ายแล้ว บางครั้งครอบครัวก็คือสิ่งที่เยียวยาได้ดีที่สุดเหมือนกัน แต่ทางที่ดีคือการไม่สร้างบาดแผลให้กันและกัน
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก แกจะอยู่ดีมีความสุข พูดแบบนั้นให้หน่อยไม่ได้หรอ” คำพูดของหมอชาอึนแจที่โต้เถียงกับแม่ในบ้านเช่าของชาอึนแจกับซออูจิน
เหตุผลของแม่ และลูกสวนทางกัน แม่ที่ตั้งกำแพงให้กับผู้ชายที่ลูกสาวรัก ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับอดีตของผู้ชายที่จะทำให้ลูกสาวของเธอเป็นทุกข์ได้ ส่วนชาอึนแจที่ต้องการให้แม่เคารพในการตัดสินใจของเธอในการเลือกทางนี้ และเชื่อว่าเธอกับซออูจินสามารถมีความสุขและสร้างครอบครัวที่ดีได้
เราก็ไม่แน่ใจเลยว่าระหว่างเหตุผลของแม่ชาอึนแจ หรือเหตุผลของชาอึนแจ อันไหนจะมีความสุขหรืออันไหนจะรับความทุกข์มากกว่ากัน
ระยะทางจากโซลมาโรงพยาบาลทลดัมก็ไกลพอที่จำให้ความสัมพันธ์สั่นคลอนได้เหมือนกัน เมื่อปัญหาเรื่องระยะทาง การทำงานไกลจากครอบครัวทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังมาเป็นปีของหมอจองอินซู และภรรยาที่ทำให้ต้องห่างกันเหมือนกับคนที่หย่าร้างแล้ว และกรณีที่ลูกสาวหายตัวไป ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ปัญหานี้วุ่นวายมากขึ้นไปอีก จนเกิดการทะเลาะมีปากเสียงโทษกันไปมาว่าใครบกพร่องในหน้าที่
ปัญหาคือทั้งคู่ไม่ได้มีโอกาสในการพูดคุยฟังเหตุผลของกันและกัน หมอจองอินซูที่ไม่เคยถามภรรยาเรื่องการย้ายมาที่ต่างจังหวัดด้วยกันเพราะเขาคิดว่าเธอเป็นคนโซลคงไม่อยากมาอยู่บ้านนอก ส่วนภรรยาหมอจองอินซูที่ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยเท่าไรกับการที่เขาต้องมาทำงานต่างจังหวัด
แต่แล้วกำแพงของคู่สามีภรรยาก็เริ่มทลายลงเมื่อเขาได้เอ่ยชวนภรรยามาอยู่ด้วยกัน “ขอบคุณนะ ที่คุณเอ่ยปากถามก่อน ว่าเราพอลงมาหาคุณได้ไหม” ภรรยาของหมอจองอินซูพูดกับหมอจองอินซูที่หน้าโรงพยาบาลทลดัม คำพูดธรรมดาเรียบง่ายนี้น่าจะเป็นคำพูดที่เขาและเธอรอมาตลอดเลยก็ว่าได้ ขอแค่เพียงใครสักคนเอ่ยถามก่อน พวกเขาก็พร้อมจะปรับจูนและแก้ปัญหาที่ว่าเรื้อรังนั้นให้คล้ายได้
แต่ละคนมีเหตุผลในการมา support ความต้องการของตัวเอง อาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเหตุผลนั้น การพูดคุยและเปิดโอกาสในการทำความใจกัน และกันน่าจะเป็นทางออกของปัญหา ไม่ว่าทางเลือกนั้นจะดีหรือไม่ดี หรือจะให้ผลลัพธ์ออกมาแบบไหนอาจจะไม่ตรงใจ 100% แต่การมีครอบครัวที่จะถนุถนอมให้กำลังใจ และคอยเชื่อมั่นในตัวเราน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในทางเลือกนั้นแล้ว
  • ว่าด้วยแรงดึงดูดของการเป็นผู้นำ
ใน season 3 นี้ไม่มีเกมการเมืองแย่งชิงอำนาจการเป็นใหญ่เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งเท่า season 1-2 แต่กลับต้องมาเผชิญกับการเมืองภายในระหว่างเหล่าหัวหน้า และบุคลากรภายใต้การดูแล การเรียนรู้ของเหล่าผู้นำในโรงพยาบาลจึงเห็นได้ชัดใน season นี้
ผอ.พัคมินกุก หัวแรงสำคัญในการเปิดศูนย์อุบัติเหตุ ทั้งการหาบุคลากรที่มีฝีมือ และการหาทุนสนับสนุนศูนย์ฯ ผอ.พัคมินกุกตั้งเป้าที่ความสำเร็จเป็นหลักพร้อมจะตัดสิ่งที่เป็นปัญหาถ้าปัญหานั้นทำให้เขาไปไม่ถึงเป้าหมาย อย่างกรณีชาจินมันเขาต้องการตัวชาจินมันอย่างมาก แต่เมื่อพบว่าชาจินมันคือตัวปัญหาเขาก็พร้อมใช้ทุกวิธีเพื่อมาบีบให้ชาจินมันออกจากตำแหน่ง
ชาจินมัน หมอคนใหม่ในทลดัมที่พยายามจะพิสูจน์ตัวเองให้เหล่าทลดัมได้เห็น ทั้งการท้าชนกับ สส. โก สส.ที่ทางศูนย์ฯ มีประเด็นด้วย หรือการพยายามเลี่ยงการรักษาที่เสี่ยง เพื่อไม่อยากให้เหล่าหมอโดนฟ้อง แต่การพิสูจน์ของเขาดูจะไม่เข้าตาสักเท่าไร เพราะในสายตาของเหล่าชาวทลดัมกลับมองว่ามันเป็นการหนีปัญหาและเป็นการสร้างปัญหามากกว่า และเมื่อมีเรื่องอดีตลูกศิษย์ที่ฆ่าตัวตายเข้ามาทำให้การพิสูจน์ของเขาติดลบไปอีก
คังดงจู หมอฝีมือเก่งกาจที่ได้เรียนต่อเรื่องอุบัติเหตุถึงเมืองนอก แต่ยังใหม่กับการเป็นหัวหน้า เน้นทำตามกฎของความเป็นศูนย์อุบัติเหตุ เลยทำให้หมอและบุคลากรคนอื่นไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาทำ จนก่อให้เกิดการประท้วงภายใน
ทั้งสามคนมีเป้าหมายที่เหมือนกัน คือการเห็นศูนย์อุบัติเหตุแห่งนี้สามารถเดินไปได้ แต่วิธีการที่พวกเขาจะนำมาซึ่งเป้าหมายนั้นดูจะไม่เข้าท่าเท่าไร พวกเขายังต้องเรียนรู้การเป็นผู้นำ ผอ.พัคยังต้องเรียนรู้การแก้ปัญหา จุดประสงค์ไม่ว่าจะถูกต้องแค่ไหน แต่ถ้าวิธีบรรลุไม่ถูกต้องยังไงก็ไม่ถูกต้อง อาจจะดีใจเมื่อเราได้มันมา เราอาจจะปกปิดสิ่งที่เราทำได้ แต่จิตสำนึกมันก็จะวนมาหลอกหลอนเรา
หรือชาจินมัน การท้าชนกับสส.โกก็เหมือนจะเป็นคนกล้าหาญที่สามารถชนะคดีมาได้ แต่การมีความเห็นใจก็สำคัญเหมือนกัน เพราะถ้าตัดความเป็น สส.ออก สส.โกก็เป็นเพียงแม่ที่สูญเสียลูกไปคนนึง หรือคังดงจู จริงอยู่สิ่งที่เขาทำมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องของการเป็นศูนย์อุบัติเหตุ การรักษากฎ แต่เขายังขาดการสื่อสาร การสื่อสารให้บุคลากรภายใต้การดูแลเข้าใจเพราะทุกคนยังใหม่กับการเป็นศูนย์อุบัติเหตุ และยังไม่เข้าใจกฎ คังดงจูอาจจะต้องอธิบายเพื่อให้เข้าใจเหตุผลของกฎนั้น และตัวของบุคคลากรเองก็ต้องเปิดใจในการฟังด้วยเช่นกัน
“สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ ไม่ใช่วีรบุรุษหนึ่งเดียว แต่คือผู้นำที่รวมเราเป็นหนึ่ง ไม่ใช่แบบ “ตามฉันมา” หมอต้องเป็นผู้นำที่ชวนให้คนร่วมทางไปด้วยกันได้ งานที่เราทำ ถ้าทุกคนไม่ร่วมแรงร่วมใจก็ไม่มีทางสำเร็จ” มันคงจะจริงอย่างที่ซูแซมพูด เพราะการเป็นผู้นำไม่ใช่เพียงการจะนำไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่ต้องหันมองดูข้างหลังด้วย แล้วยิ่งกับการทำงานเป็นทีม ความเข้าใจ ไวใจ และเชื่อใจกันในทีมก็ยิ่งสำคัญ
สำหรับคนดูอย่างเรา การรอคอย และติดตามซีรีส์เรื่องนี้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ season แรก ๆ การได้เห็นการเดินทางของเหล่าชาวทลดัม มันเกินกว่าแรงดึงดูด มันเป็นเหมือนการที่เราได้เราพบเพื่อนที่ห่างหายกันมา แต่เมื่อได้เจอกัน ก็ยังสามารถทำให้เราดีใจ และมีความสุขได้เสมอ
ทำให้เรารู้สึกยินดีกับการมีอยู่ของซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะดูอีกกี่ครั้ง หรือวนกลับไปดู season ก่อน ๆ ก็ยังทำให้เราอยากกดเข้าไปอีกอยู่ดี อาจจะเพราะด้วยซีรีส์เรื่องนี้มันมีทั้งเรื่องสุข และเศร้าที่ทำให้เราร้องไห้ดีใจไปด้วยกัน ปลอบประโลมเราในบางจุด เหมือนกับที่ซีรีส์ทิ้งข้อความช่วงท้ายของ episodes 16 ช่วงเครดิตไว้ว่า
“หวังว่าความโรแมนติกของอาจารย์คิม จะปลอบประโลมคนที่หลงทางได้อีกครั้ง”
รูปภาพ: hancinema.net
บทความ: maysiryn
#MAYISHAPPYDER #dr.romantic3 #ซีรีส์เกาหลี
โฆษณา