17 ส.ค. 2023 เวลา 13:44 • ข่าว

ครบรอบ 8 ปี บึ้มราชประสงค์ ฝันร้ายที่ยังไร้การคลี่คลาย

.
วันที่ 17 สิงหาคม 2558 การจราจรที่แยกราชประสงค์แน่นขนัดเหมือนทุกวัน ทุกคนเลิกงาน กลับบ้าน หลายคนรอไปพบคนรัก ไปพบครอบครัว ทุกคนอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร ที่เรียกตัวเองว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช.
.
ในวันดังกล่าว ไม่มีใครสังเกตเห็นกระเป๋าใบเล็กที่วางตรงเก้าอี้ ใกล้กับศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เพราะจุดดังกล่าว มีผู้คนพลุกพล่านเป็นอย่างมาก
.
เสี้ยววินาทีนั้น เสียงระเบิดได้ดังลั่น สนั่นด้วยความสยอง ฝันร้ายที่กลายเป็นจริง การก่อการร้ายได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยแล้ว
.
มีคนเสียชีวิต บาดเจ็บล้มตาย เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก แม้จะจับกุมผู้ก่อเหตุได้ แต่ถึงทุกวันนี้ คดีก็ยังไม่ถูกนำขึ้นสู่ชั้นศาล กระบวนการปลายทางแห่งความยุติธรรม มันจึงเป็นปริศนาที่ยังสงสัยกันว่า ใครเป็นคนก่อเหตุนี้ และเขาทำไปด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่
.
แรงระเบิดนี้ สังหารคนไป 20 รายด้วยกัน มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ มีคนเจ็บนับ 100 กว่าราย ทรัพย์สินบริเวณใกล้เคียง แหลกละเอียดเสียหายอย่างมาก ตำรวจปิดพื้นที่การจราจรจากแยกราชประสงค์ถึงแยกประตูน้ำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เก็บหลักฐาน
.
ท่ามกลางความวุ่นวายอลหม่าน ก็มีการสัมภาษณ์ครั้งอื้อฉาว ที่มาจากเจ้าหน้าที่รัฐระบุว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุนี้ คือคนที่เสียประโยชน์ทางการเมือง
.
นับเป็นการพูดพล่อยๆ ที่ไม่ได้ดูบริบทหลักฐาน แต่ใช้แรงจูงใจอคติทางความเชื่อการเมืองเป็นหลัก จนนำไปสู่การถล่มโจมตีจากสังคมอย่างมาก
.
เช้าวันรุ่งขึ้น ยังมีการระเบิดที่ท่าเรือแห่งหนึ่งย่านสาทรได้ รวมถึงกระแสความตื่นกลัวของคนไทยที่พุ่งไปสู่จุดสูงสุด นำไปสู่การแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยรอบกรุง ขณะที่คณะรัฐประหารที่คุมอำนาจในตอนนั้น ต่างอยู่ในอาการตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุสะเทือนขวัญนี้ ภายใต้อำนาจมาตรา 44 ที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจล้นฟ้า
.
แต่ก็ไม่อาจจัดการรักษาความปลอดภัยให้กับเพื่อนร่วมชาติได้เลยแม้แต่น้อย
.
หลังเกิดเหตุไม่กี่สัปดาห์ ตำรวจก็เข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ จากการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้กว่า 17 ราย แต่ทางการไทยคว้าน้ำเหลว คุมตัวได้เพียงแค่ 3 คนเท่านั้น
.
การสืบสวนในคดีนี้ มีความวุ่นวายอลหม่านอย่างมาก เพราะทีแรกผู้ต้องหาไม่ได้บอกว่าเป็นคนวางระเบิด ก่อนเปลี่ยนคำให้การว่าเป็นคนวางระเบิดมรณะนี้เอง โดยได้ปลอมตัว นำไปสู่การกลับไปกลับมา การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ภายใต้เงาแห่งเผด็จการ ซึ่งไม่มีการตรวจสอบอย่างเพียงพอจากทุกภาคส่วนของสังคม
.
จึงทำให้สังคมมีแต่ความสงสัยที่ไร้ความกระจ่างเป็นอย่างมาก
.
ถึงที่สุดผู้ต้องหาทั้งหมด ได้กลับคำให้การในชั้นศาล ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ถูกพาตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กลางจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางสายตาประชาชน และกองทัพสื่อมวลชน โดยผู้ต้องสงสัยเผยว่า เขาโดนกดดันและไม่เข้าใจภาษา จึงถูกลวงให้รับสารภาพในคดีนี้
.
ไม่เพียงเท่านั้น คดีนี้ เดิมถูกไต่สวนในศาลทหาร ภายใต้อำนาจคสช. ก่อนจะถูกโอนมายังศาลอาญากรุงเทพใต้ ในเดือนพฤษจิกายน ปี 2562
.
แต่ถึงปัจจุบัน คำตัดสินอย่างเด็ดขาด ของกระบวนการยุติธรรม ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า คืออะไร มีเพียงข่าวลือว่า การก่อเหตุครั้งนี้ เกิดจากรัฐบาลไทยส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับจีน ไปดำเนินคดี ตามคำขอของรัฐบาลแดนมังกร มิตรสนิทรัฐบาลทหารไทยในเวลานั้น
.
แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ก็ไม่นำไปสู่ความกระจ่างแจ้ง ว่าความจริงคืออะไร มีเพียงปริศนา และคราบน้ำตาของผู้สูญเสีย ผู้บาดเจ็บทุกข์ทนจากเรื่องเศร้านี้ ที่แจ่มชัดในความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
.
บทสรุปของเรื่องนี้ จึงเป็นตราบาปในสังคมไทย ที่สะท้อนความบ้อท้าของเจ้าหน้าที่รัฐ กฎหมาย และข่าวกรอง ที่สุดท้าย คนที่รับเคราะห์อย่างโหดร้ายสุดจากเรื่องนี้
.
ก็คือสังคมไทยอันบอบช้ำนั่นเอง
.
โฆษณา