21 ส.ค. 2023 เวลา 11:40 • ธุรกิจ

ด่วน กระทรวง DES เตรียมฟ้องศาล ปิด Facebook ในไทย เพราะมีแต่โฆษณาหลอกลวง

เราเคยเห็นหน้าคุณวิกรม ผู้ก่อตั้งอมตะ มาโฆษณาเชิญชวนลงทุนใน Facebook หรือไม่ ?
6
ถ้าเราเคยเห็น สิ่งนี้แหละ ที่เป็นปัญหาที่สังคมไทยเจออยู่ตอนนี้
2
ประเด็นคือ Facebook ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยที่คอยมารีวิวโฆษณาเลย ดังนั้นโฆษณาที่ไม่เหมาะสม หลอกลวง จึงเกิดไปทั่วในสังคม Facebook
3
สิ่งที่ Facebook ได้ประโยชน์ ก็คือการรับเงินโฆษณาจากคนหลอกลวงเหล่านี้
2
และคนหลอกลวงก็ปลอมตัวเป็นบุคคลสำคัญ องค์กรสำคัญ แม้แต่เพจลงทุนแมนก็โดน
2
ล่าสุดมีเพจปลอมตัวเป็นลงทุนแมนยิง Ads จำนวน 28 โพสต์ โดยที่ลงทุนแมนรายงาน Facebook ไป ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ผ่านไปเป็นเดือน เพจที่ปลอมตัวนั้นก็ยังคงอยู่
เข้าไปดูแอดมินเพจปลอมนี้
จะเป็นคนที่มาจากประเทศกัมพูชา 3 คน เนปาล 3 คน และเวียดนาม 2 คน
5
นั่นแปลว่า Facebook กำลังเชื่อมให้คน 8 คนที่อยู่นอกประเทศไทยมาหลอกลวงคนไทยอยู่..
2
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า Facebook ไม่รับผิดชอบเรื่องการโฆษณาที่หลอกลวงคนไทยเลย ซึ่งลงทุนแมนก็สงสัยอยู่ว่า ภาครัฐควรจะต้องมาจัดการอะไรกับ Facebook ได้แล้ว เพราะ Facebook ไม่รับผิดชอบต่อสังคมไทย
8
และแล้วก็มีวันนี้เกิดขึ้น..
2
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้แถลงว่าจะฟ้อง Facebook ทั้งทางแพ่ง อาญา รวมถึง พรบ.คอมพิวเตอร์ ในประเด็นที่ Facebook ไม่กลั่นกรองโฆษณาหลอกลวงที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย
19
โดยปัจจุบัน คนไทยที่โดนหลอกลวงไปลงทุน มาจากสปอนเซอร์โพสต์บน Facebook กว่า 70% ของทั้งหมด
2
ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงดิจิทัลฯ มีการไล่ปิดเพจปลอม รวมถึงคุยกับ Facebook นับครั้งไม่ถ้วน แต่เพจหลอกลวงเหล่านี้ กลับยิ่งเพิ่มขึ้น
3
Facebook มีรายได้จากโพสต์พวกนี้มหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน Facebook กลับไม่ส่งคนมาดูแลโฆษณาเหล่านี้เลย ว่าจะเป็นโฆษณาหลอกลวง หรือไม่
2
ทำไม Facebook ต้องรับผิดชอบ ?
เพราะ Facebook รับเงินโฆษณามาจากคนหลอกลวง มีประทับตราว่า “โพสต์นี้ได้รับการสนับสนุน หรือ Sponsored” ดังนั้น Facebook จะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบไปด้วยในฐานะเป็นผู้รับเงินโจร เพื่อให้โจรโฆษณา
5
อย่างลงทุนแมนจะรับโฆษณาจากลูกค้าของลงทุนแมน ก็ต้องกลั่นกรองว่า ลูกค้าเป็นองค์กรที่เหมาะสม และถูกกฎหมายหรือไม่ เนื้อหาเหล่านั้นมีความเหมาะสมหรือไม่
แต่ Facebook ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่มากลั่นกรองเลย ปุ่มรีพอร์ตกดแล้วหายไปในอากาศ เหมือนถังขยะที่ไม่มีก้นถัง ทิ้งแล้วไหลลงออกไปนอกถัง โดยไม่มีใครสนใจ..
9
ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลฯ เคยขอให้ Facebook ปิดเพจโดยส่งหลักฐานไปให้ แต่ Facebook ก็จะปิดเป็นรายเพจ
1
สิ่งที่กระทรวงดิจิทัลฯ คาดหวังคือ Facebook ต้องตรวจสอบโฆษณาทุกโพสต์ก่อนที่จะโฆษณา ไม่ใช่ลงโฆษณาไปก่อนแล้วค่อยตามปิดเพจ (และก็ปิดช้าด้วย ผ่านไปเป็นเดือนบางเพจก็ยังไม่ได้ถูกปิด)
3
ไม่อย่างนั้นมันก็เหมือนแมวที่ไล่จับหนู จับไปหนึ่งตัว ก็โผล่ไปเปิดเพจใหม่ เพราะการเปิดเพจใหม่ เปิดง่ายมากใน Facebook
4
ซึ่งเพจลงทุนแมนเอง ก็ถูกเพจปลอมนำชื่อไปใช้
ลงทุนแมนรีพอร์ตไปหลายรอบแล้ว เพจปลอมก็ยังสร้างขึ้นมาใหม่ได้เรื่อย ๆ (เดี๋ยวมีรูปตัวอย่างให้ดูในคอมเมนต์)
1
ถึงขั้นแอดมินลงทุนแมนไปสมัคร Meta Verified จ่ายเดือนละ 200 กว่าบาท เพื่อให้ Facebook หันมาสนใจ ให้การ support คอยรับเรื่องที่ร้องเรียน แต่พอแจ้งไปเรื่องก็ค้าง ไม่มีความคืบหน้า ดูเหมือนจ่าย Meta Verified ทิ้ง โดยไม่ได้อะไรขึ้นมา
9
พอแอดมินไปแจ้งตำรวจไซเบอร์ ตำรวจก็ทำงานช้าไม่แพ้กัน รับเรื่องไปเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ระหว่างที่รอเพจปลอมคงหลอกนักลงทุนไปได้หลายสิบล้านแล้ว
7
คิดในแง่ดี อาจเป็นเพราะตำรวจไซเบอร์ได้รับเรื่องนี้เยอะเกินไป จนไม่รู้จะจัดการ Facebook อย่างไรเหมือนกัน..
1
ต้องขอบอกว่า บทความนี้ลงทุนแมนไม่ได้เขียนเพราะถูกกระทรวงดิจิทัลฯ สั่งมาแต่อย่างใด แต่ลงทุนแมนเห็นด้วยที่ภาครัฐจะต้องมาจัดการอะไรสักทีกับประเด็นนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยโพสต์เกี่ยวกับประเด็นนี้ไปหลายครั้งแล้ว
6
อย่างไรก็ตาม
ถ้ามาดูโอกาสที่ Facebook จะถูกปิดในไทย ก็ต้องบอกตามตรงว่า โอกาสแทบจะน้อยมาก เพราะคนไทยส่วนใหญ่เคยชินกับแพลตฟอร์มนี้ และคงเดือดร้อนหนักหาก Facebook ต้องถูกปิดไปจริง
3
ที่สำคัญ Facebook ก็คงไม่มีทางยอมถูกปิด เพราะจะสูญเสียรายได้จากคนไทย อย่างน้อยหลักหมื่นล้านบาท..
1
ดังนั้นทางออกที่เป็นไปได้ ก็คือ Facebook ควรจ้าง แอดมินผู้รีวิวโฆษณาที่เป็นคนไทย รู้ภาษาไทย เข้าใจว่าโพสต์ไหนหลอกลวง โพสต์ไหนถูกปลอมแปลงมาหลอกคนอื่น
1
Facebook ควรมีทีมงานที่รับเรื่องร้องเรียน และแก้ไขปัญหาได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเลย น่าเป็นแค่เศษเงิน เมื่อเทียบกับรายได้ของบริษัทระดับ 4,000,000 ล้านบาท ต่อปี
3
กลับไปที่เป้าหมายของ Facebook
Facebook บอกว่าอยากเชื่อมตัวเรา เข้ากันกับเพื่อน และ ครอบครัว
1
แต่ตอนนี้ Facebook กำลังเชื่อมคนหลอกลวง เข้าหาตัวเรา
11
หาก Facebook เลือกที่จะเฉย ไม่ทำอะไรเลย ก็คงจะดูย้อนแย้ง กับเป้าหมายที่สวยหรูของ Facebook เอง..
4
โฆษณา