24 ส.ค. 2023 เวลา 14:32 • ท่องเที่ยว

ทริปพรหมวิหาร 4 ที่ไต้หวัน😇

พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน
“ความเกลียดเอาชนะความเกลียดไม่ได้
ความรักต่างหากที่เอาชนะความเกลียดได้”
เริ่มจากเมตตาและไม่เบียดเบียนตัวเอง
เพราะเพียงแค่รักและเห็นคุณค่าในตัวเอง
ก็จะทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะพัฒนาตัวเอง
ให้เป็นคนที่สมบูรณ์ที่สุด
และเมื่อเราทำได้แล้ว ก็จงมอบความเมตตานี้
ให้กับสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัวเรา
ความเป็นอยู่และความเป็นไปในโลกใบนี้
ก็จะสุขสงบและงดงามตราบเท่าที่ยังมี "เมตตาธรรม" ...✍️ By ศุชีวา
"เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยหุบเขา"
นานแล้วที่มีโอกาสได้ไปเยือนไต้หวันในทริปที่ขอเรียกชื่อว่า "พรหมวิหาร 4"
ซึ่งมีความประทับใจไม่รู้ลืม ต้องขอบคุณผู้บริหารที่มีเมตตากับผู้เขียน
ได้มอบสิทธิ์ในการไปศึกษาดูงานและท่องเที่ยว ณ. ไต้หวันกับทีมงาน
และที่บอกว่าไม่เคยลืมเพราะว่า ไม่เคยรู้จักไต้หวันในเชิงลึกมาก่อน
ทริปนี้ทำให้รู้จักไต้หวันอีกแง่มุมหนึ่ง ในนามของความเป็นพุทธศาสนิกชน
และต้องขอบอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่เป็น "พุทธแท้" ด้วย เพราะลงสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนและเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
"ฝั่งตะวันออกเลียบมหาสมุทรแปซิฟิก"
เมื่อพูดถึงไต้หวัน ก็จะนึกถึงภาพตึกไทเป 101 ซึ่งเป็นแลนด์มาร์ค ไต้หวันมีลักษณะเป็นเกาะ เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนโดยปกครองตนเอง ชื่อเรียกทางการคือ สาธารณรัฐจีน อาจมีบางท่านเข้าใจว่าไต้หวันเป็นประเทศเช่นเดียวกับผู้เขียนก็เคยเข้าใจเช่นนั้น...ทันทีที่ไปถึงไกด์ก็พาเรานั่งรถบัสไปทางฝั่งตะวันออกซึ่งลัดเลาะไปตามช่องเขาและเลียบมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งสวยงามมากเมื่อมองด้วยตาเปล่า (ภาพถ่ายมือถือผ่านหน้าต่างรถ) พอถึงจุดที่มองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิกทุกคนก็ปรี่ไปชิดหน้าต่างรถพร้อมเสียงกรี๊ดอย่างตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ
"มูลนิธิพุทธฉือจี้"
เรื่องราวที่จะเล่าต่อจากนี้คือ พรหมวิหาร 4 ของ "มูลนิธิพุทธฉือจี้" ใช่แล้ว...การไปครั้งนี้เป็นการศึกษาดูงานมูลนิธิพุทธฉื้อจี้ ซึ่งตอนแรกที่ได้ยิน ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้อะไรจากการไปครั้งนี้ แต่เมื่อได้ไปมาแล้วก็ได้คำตอบว่า ครบทุกรสทั้งในเรื่องความประทับใจ อาหารการกิน (ซึ่งเน้นมังสวิรัติ) สิ่งที่ได้เรียนรู้ พบเห็น ได้ฟัง ล้วนเป็นความรู้ เป็นชีวิตจริงและสัจธรรมของโลกใบนี้ คาดไม่ถึงจริงๆ ว่า เพียงแค่หลักธรรมะเรื่องเดียวคือ พรหมวิหาร 4 จะสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเพื่อนมนุษย์ได้มากมายถึงเพียงนี้
"พรหมวิหาร 4 คืออะไร"
"ธรรมะ" ไม่ใช่เรื่องของศาสนาหรือเรื่องของพระ แต่คือเรื่องจริงที่เป็นธรรมดาและเป็นธรรมชาติของสรรพชีวิตที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบและถ่ายทอดให้กับชาวโลก เพียงแค่ลองนำหลักคำสอนสักหนึ่งอย่างไปทำตามดู ก็จะรู้และเข้าใจว่าธรรมะนั้นส่งผลดีกับชีวิตของเราอย่างไร สำหรับหลักพรหมวิหาร 4 นั้น ขออธิบายด้วยภาษาง่ายๆ ตามความเข้าใจและประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้ลองทำตามและเห็นผลลัพธ์ที่สร้างทั้งความสุขใจให้กับตัวเองและสร้างความสุขให้คนอื่น
"เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา"
องค์ประกอบ 4 เรื่อง ได้แก่ เมตตา-การมอบความรักด้วยใจบริสุทธิ์ให้กับตัวเองและเพื่อนมนุษย์ เมื่อมีความรักแล้วจะนำไปสู่ กรุณา-ความรู้สึกที่อยากจะให้ความช่วยเหลือเมื่อเห็นคนอื่นกำลังมีทุกข์ มุทิตา-จิตใจที่ยินดีเมื่อเห็นว่าคนอื่นมีความสุข และ อุเบกขา- หลังจากที่เราได้ทำความเมตตา กรุณา และมุทิตาไว้ตามสมควรแล้วต้องทำใจเป็นกลางและวางเฉย เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเป็นไปตามการกระทำ (กรรม) ของแต่ละคน
"ผ่านอุทยานโทโรโกะ"
ระหว่างการเดินทาง เราได้ผ่านอุโมงค์ Hsuehshan ซึ่งยาวที่สุดในไต้หวัน 12.942 กม. ไกด์เล่าว่ายาวที่สุดในเอเชีย (ณ.ขณะนั้น) และผ่านทางเข้าอุทธยานแห่งชาติโทโรโกะ แต่ตอนที่ไปนั้นใกล้ค่ำแล้วและไม่มีในโปรแกรมเที่ยว จึงได้แค่ภาพก้อนหินที่สลักชื่ออุทยาน จุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวมักจะถ่ายภาพกัน และไกด์อนุญาตให้ลงจากรถเดินเล่นบนถนนซึ่งตัดผ่านช่องเขา ภูเขาที่นี่เป็นเขาหินอ่อน สูงมากจนแหงนหน้าตั้งฉากสุดคอแล้ว แทบจะมองไม่เห็นยอดเขา 😅 บรรยากาศที่ได้สัมผัส ต้องร้องว้าวๆ หลายครั้งเลยทีเดียว
"ศูนย์รีไซเคิลขยะ"
หนึ่งในผลลัพธ์ของความมีพรหมวิหาร 4 ก็น่าจะเป็นการจัดตั้งศูนย์รีไซเคิลขยะ (ความเมตตากรุณาที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อนมนุษย์) การจัดการขยะของที่นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากแห่งหนึ่ง ทางศูนย์มีรถออกไปรับขยะ หรือหากใครต้องการให้ไปรับเฉพาะที่ก็โทรมาแจ้งได้ ขยะจะถูกนำมาคัดแยกประเภทและนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าห่ม กระเป๋า ฯลฯ ซึ่งทำได้ดีมากและสวยงามน่าใช้ นอกจากนี้ของบางอย่างที่เก็บมา หากมีสภาพดีพอใช้งานได้ต่อ ก็จะวางขายเป็นสินค้ามือสอง (ส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องครัว ของใช้ในบ้าน)
"ผลิตภัณฑ์จากรีไซเคิล"
ผู้เขียนประทับใจในวิธีการจัดการขยะของไต้หวันอย่างยิ่ง นอกจากนี้การฝึกให้ประชาชนมีวินัยเรื่องขยะก็ช่วยลดภาระให้กับสาธารณะและหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการขยะได้อีกทางหนึ่ง รถรับขยะจะออกไปรับขยะจากชาวเมืองตามเวลา ผู้คนต่างเตรียมถือขยะที่คัดแยกประเภทเบื้องต้นมาแล้ว และมายืนเข้าคิวรอส่งขยะ เป็นภาพที่ประทับใจมาก ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ และมีทรัพยากรไม่มาก ฉะนั้นสิ่งที่ชาวไต้หวันได้รับการฝึกตั้งแต่เด็กคือ การใช้น้ำอย่างประหยัด ตลอดทริปนี้ ทัวร์แจกถุงผ้ากับแก้วน้ำใบเล็กมีฝาคนละ 1 ใบและให้พวกเรางดใช้ถุงพลาสติก
เมื่อแวะร้านสะดวกซื้อ ที่ร้านจะไม่มีถุงพลาสติกใส่ของให้ จึงได้เห็นภาพของคนที่มาซื้อของทุกคน จะมีถุงผ้าติดมือมาด้วย (เหมือนที่กำลังทำในบ้านเราตอนนี้) ช่วงค่ำมีพาแวะช็อปปิ้งด้วย คล้ายๆ ถนนคนเดิน และมีร้านค้าตามตัวอาคารด้วย สินค้าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ของใช้ และของกิน(แต่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก เพราะมัวแต่เพลินกับการเดินซื้อของ 🤣) ว่ากันว่าถ้าไปไต้หวันต้องซื้อโฟมล้างหน้าและรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง...ซึ่งขายถูกมาก รวมถึงพวกครีม โลชั่นต่างๆ ก็ถูกกว่าบ้านเราเกือบครึ่งเลย
"ชาวนารวยที่สุด"
ไกด์เล่าเรื่องผู้คนในไต้หวัน แบบขำๆ (แต่ก็น่าจะจริง) ว่า ชาวนารวยที่สุด เพราะความที่ไต้หวันเป็นเกาะ ไม่ได้มีพื้นที่มาก ใครเป็นเจ้าของที่ดินก็นับได้ว่ารวยมาก (ดูในภาพบ้านของชาวนาไต้หวันเป็นบ้าน 3 ชั้นเลยทีเดียว เทียบได้กับกระท่อมน้อยปลายนาของชาวนาไทย ส่วนคนเมืองเช่าคอนโดอยู่ หรือหากต้องการซื้อ ราคานั้นแสนแพง ตกห้องละหลักสิบล้านขึ้นไป เทียบกับราคาคอนโดบ้านเราต่างกันเป็นสิบเท่า) มีการทำเกษตรกรรม ทำนาและปลูกพืชเหมือนบ้านเรา
ชาวไต้หวันส่วนใหญ่เรียนจบปริญญาเอก ทำให้รัฐบาลต้องจัดตั้งศูนย์หรือสถาบันวิจัยสาขาต่างๆ ขึ้นมา เพื่อรองรับคนเหล่านี้ให้ได้มีงานทำ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจคือ นักวิชาการเกษตรที่นั่นคิดผสมพันธ์ุผลไม้ข้ามสายพันธ์ุกัน เช่น นำเอามะม่วงไปผสมกับแอปเปิ้ล น้อยหน่าผสมกับสับปะรด (แต่ยังไม่ได้ลองชิมนะว่ารสชาติเป็นยังงัย 😆)
"โรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาล"
ไปต่อกันที่โรงพยาบาลและการแพทย์...เพราะความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ พระธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพุทธฉือจี้ได้ดำริเรื่องการสร้างโรงพยาบาลซึ่งเกิดจากประสบการณ์ที่ท่านได้พบกับเหตุการณ์หญิงชาวเขาคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะแท้งลูกและถูกปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลเพราะไม่มีเงิน ท่านจึงตั้งปณิธานจะสร้างโรงพยาบาลเพื่อคนยากไร้ กระทั่งทำได้สำเร็จและต่อมาก็มีโรงเรียนผลิตแพทย์และพยาบาลที่เน้นการสร้างคนให้เป็นคนดีและมีจิตใจที่อ่อนโยนเมตตา ช่วยเหลือสังคม
"คอนโดเก็บอัฐิอาจารย์ใหญ่"
โรงเรียนแพทย์รับบริจาคร่างกายจากผู้ที่มีจิตศรัทธาเพื่อเป็นวิทยาทานในการศึกษากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา หรือที่เรียกว่า "อาจารย์ใหญ่" และเมื่อการศึกษาสิ้นสุดลงและมีการฌาณปณกิจเรียบร้อยแล้ว อัฐิหรือกระดูกของท่านเหล่านั้นก็จะได้รับการบรรจุเก็บไว้ในคอนโดคริสตัล (ตามที่เห็นในภาพ) และวางไว้ในตู้กระจกเพื่อให้นักศึกษาได้แสดงความเคารพกตัญญูและระลึกถึงพระคุณ คอนโดคริสตัลขนาดเล็กเปรียบเสมือนโกศเก็บกระดูกในบ้านเรานั่นเอง นอกจากนี้การไปดูงานที่นี่ เราได้รับความรู้เรื่องการออกแบบอาคารที่รองรับแผ่นดินไหวด้วย
"วัฒนธรรมการจิบน้ำชา"
ต่อจากนั้นเราก็ได้มีโอกาสผ่อนคลายด้วยการไปร่วมกิจกรรมชงชาและเรียนรู้วัฒนธรรมการจิบน้ำชาของชาวไต้หวัน ซึ่งมีความละเอียดอ่อนและละเมียดละไมตั้งแต่เริ่มต้น คือ กระบวนการชงชา เตรียมของว่าง ซึ่งมีความสวยงามและชวนให้อยากนั่งจิบชายิ่งนัก นอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมเรื่องการยกชาให้กับผู้อาวุโสอีกด้วย
"อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก"
"รถของเจียงไคเชก"
ต่อด้วยจุดเช็คอินสำคัญที่ขาดไม่ได้แห่งหนึ่งในกรุงไทเป คือ อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติและสรรเสริญอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเชก ผู้นำการก่อตั้งไต้หวัน โดยบริเวณหน้ารูปปั้นจะมีทหารยืนเฝ้าอยู่ 2 นาย ตลอดเวลา ไฮไลต์ที่สาวๆ ในทีมท่องเที่ยวครั้งนี้ต้องรอเฝ้าชม คือ พิธีเปลี่ยนเวรยามของนายทหาร ซึ่งจะมีขึ้นทุกๆ ต้นชั่วโมง ตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 16.00 น. ของทุกวัน (สง่างามไม่เบาเลยทีเดียว)
"วัดหลงซาน"
อีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาด เมื่อไปไต้หวัน คือ วัดหลงซาน วัดเก่าแก่ย่านเมืองเก่าของกรุงไทเป มีอายุมากกว่า 300 ปี ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของเหล่าเทพต่างๆ ผู้ที่ไปเยือนนิยมไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้ากวนอู และที่เป็นไฮไลต์อันหนึ่งคือ เทพเย่ว์เหล่า หรือ ผู้เฒ่าจันทรา นั่นเอง ถือเป็นเทพแห่งความรัก ใครที่ยังโสดอยู่ก็รีบขอพรเรื่องเนื้อคู่หรือความรักกันได้เลย (ว่ากันว่า ปัง ปัง ปัง มากจ้า)
"เจ้าแม่มาจู่"
"เจ้าแม่มาจู่" อีกหนึ่งเทพนารีที่ได้รับการเคารพสักการะบูชาจากศรัทธาอันแรงกล้าของชาวไต้หวัน ด้วยความเชื่อที่ว่าเจ้าแม่มาจู่เป็นเทวีแห่งท้องทะเล ผู้คอยปกป้องคุ้มครองคนที่เดินทางด้วยเรือ และในช่วงของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นขณะที่มีการอพยพโยกย้ายผู้คนมาก่อตั้งรกรากจนเป็นไต้หวันนั้น เจ้าแม่มาจู่ได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไต้หวันบูชา และเชื่อกันว่าท่านจะนำความสุขสงบและความรักความสามัคคีมาสู่ชาวไต้หวันนั่นเอง
"เมตตาธรรมค้ำจุนมวลชีวา"
ท้ายสุด ไกด์พาเราไปที่สมณรามของพระธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน เพื่อรอพบและรับฟังธรรมจากท่าน แต่ทว่าในวันนั้นเราไม่มีโอกาสได้พบกับท่าน เนื่องจากอาการป่วยทำให้ท่านไม่สะดวกออกมาพบ เราจึงร่วมเพียงกิจกรรมฟังเรื่องราวการดำเนินงานต่างๆ ของมูลนิธิเพื่อมวลมนุษยชาติและนั่งสมาธิ... แม้ไม่ได้พบตัวจริงของท่าน แต่การได้รับรู้และสัมผัสถึงความรักและพรหมวิหาร 4 ที่ท่านได้นำทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อทุกสรรพชีวิต ก็นับได้ว่าได้รู้จักท่านอย่างลึกซึ้งเพียงพอแล้ว 😇😇😇
นี่เป็นเพียงการท่องเที่ยวเล็กๆ และเพียงเสี้ยวของความยิ่งใหญ่ที่ชาวมูลนิธิพุทธฉือจี้ได้ทำการกุศลเพื่อเพื่อนมนุษย์ หากท่านใดสนใจไปเยี่ยมชม สัมผัส ด้วยตนเอง สามารถค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ในอินเทอร์เน็ต เพราะมูลนิธิฉือจี้ไม่ได้มีแต่ในไต้หวันเท่านั้น แต่ได้รับการกล่าวถึงในวงกว้างจนเป็นที่รู้จักในฐานะองค์กรการกุศลที่มอบความเอื้อเฟื้อ ให้ความช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ ผู้ยากไร้ไปทั่วโลก
#มูลนิธีพุทธฉือจี้
#พระธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน
#พรหมวิหารสี่
#ไต้หวัน
#ฮีลใจ
โฆษณา