ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความเมตตา แต่คนที่มีเมตตามาก ก็เพราะมีกุศลกรรมมาก่อน ทำให้เกิดมาเป็นคนมีเมตตามาก และไม่ใช่คนที่มีเมตตา จะมีให้กับใครก็ได้ ไม่ใช่โดยบังเอิญ หรือโดยสุ่ม เราจะมีเมตตาให้กับคนที่มีบุญกรรมสัมพันธ์ต่อกันเท่านั้น เราแต่ละคนล้วนเป็น "กัมมปัจจัย" ที่มีผลต่อชีวิตคนอื่นๆ
ยกตัวอย่างเช่น เรากำลังเดินข้ามถนน จู่ๆ คนที่เดินข้างๆ หกล้มลง เพราะหน้ามืด เป็นเราที่ตรงเข้าไปช่วยพยุงและพาไปหาหมอ นี่คือความหมาย ว่าต้องมีกรรมสัมพันธ์ต่อกันมาก่อน จึงเกิดเมตตา ณ เวลานั้น และกับคนผู้นั้น เป็นการเฉพาะเจาะจง
กัมมปัจจัย คือ ธรรมที่ช่วยส่งเสริมหรือปรุงแต่งเพื่อให้กิจต่างๆ สำเร็จลง นั่นคือ 1). กุศลกรรมและอกุศลกรรม เป็นปัจจัยแก่ผลของกรรมทั้งหลาย และกรรมดีกรรมชั่วทั้งหลายที่สั่งสมมา ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย และ 2). สภาวธรรมคือเจตนาทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ธรรมทั้งหลายที่ประกอบกับเจตนา และแก่รูปทั้งหลายที่มีเจตนา และธรรมทั้งหลายที่ประกอบกับเจตนานั้น เป็นเหตุที่เกิด ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย
หากคุณ ซึ่งโดยปกติไม่ชอบและไม่อยากยุ่งชีวิตคนอื่น แต่บังเอิญเป็นคุณที่เห็นสามีคนหนึ่งกำลังทำร้ายภรรยาของเขาจนเลือดอาบ อารมณ์คุณถูกกระทบ ณ ขณะนั้น เกิดความคิด ว่าจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ หากคุณไม่มีกุศลกรรมมาก่อน รวมทั้งไม่มีบุญกรรมสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้มาก่อน จะไม่ใช่คุณ ที่พบเห็นเรื่องเลวร้ายของผู้หญิงคนนี้ และจะไม่ใช่คุณที่จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นการเฉพาะเจาะจงกับผู้หญิงคนนี้
แม้ไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่หากกัมมปัจจัย
จัดให้ต้องเข้าไปยุ่ง ก็ต้องได้เข้าไปยุ่ง
แม้อยากเข้าไปยุ่ง แต่หากกัมมปัจจัย
ไม่จัดให้เข้าไปยุ่ง เราก็จะไม่ได้เข้าไปยุ่ง
เราทุกคนล้วนเป็นเหตุปัจจัยในชีวิตของกันและกัน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
