27 ส.ค. 2023 เวลา 06:06 • กีฬา

ชัยชนะหืดจับของปีศาจแดง โอกาสสุดท้ายแล้วที่ตลาดซื้อขายยังไม่ปิด

ถ้าหากพิจารณาว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คือทีมที่เล่นนอกบ้านแย่ที่สุด และเสียประตูนัดเยือนมากที่สุดของพรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อน แถมสถิติเก่าๆ ยังบอกอีกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะทีมเจ้าป่ามานานถึง 10 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการก่อนจะมาถึงฤดูกาลนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นัดล่าสุดเมื่อคืนวันเสาร์ มันคือเกมที่แฟนผีไม่ควรต้องลุ้นเหนื่อยอะไรเลย
มันยังคงเป็นอีกนัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ไม่น่าประทับใจ ยังขาดทั้งความเฉียบคมในจังหวะที่ “ต้องได้” ประตูให้เห็น, ยังมีการทำบอลเสียกันเองง่ายๆ, ยังเห็นถึงความผิดพลาดในเกมรับ แต่ที่น่าผิดหวังกว่านั้นก็คือหลังจากแซงนำคู่แข่งที่เหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่าได้แล้ว กลับเล่นกันเหมือนกับว่าฝ่ายที่มีนักเตะโดนใบแดงคือตัวเองซะแทน
ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด หันไปเน้นรับแล้วสวนยาวโดยใช้ความเร็วของตัวรุกที่อยู่ด้านหน้า มากกว่าจะพยายามต่อบอลบุกเพื่อยิงคู่แข่งที่เหลือนักเตะแค่ 10 คน และไม่แม้แต่จะเน้นครองบอล เคาะบอลวนกันไปมาเพื่อรักษาสกอร์
มันดูเหมือนจะเป็นหลักฐานมัดแน่นเหมือนกันนะครับ ว่าบางทีนักเตะผีแดงชุดนี้คงไม่เหมาะกับการเล่นแบบ Possession Play หรือการเน้นต่อบอลเพื่อครองบอล แต่เหมาะกับการเล่นแบบ Transition Play ก็คือการเน้นเปลี่ยนจากรับเป็นรุกมากกว่า
นี่ยังดีที่เจอคู่แข่งแค่ระดับฟอเรสต์ซึ่งยังไม่ใช่โจทย์ยากมาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าดูจากมาตรฐานผลงานนัดเยือนของพวกเขา) เลยยังพอหาทางเอาตัวรอดกลับมาเก็บ 3 คะแนนเต็มได้
เพราะถ้าไปเจอทีมที่เขี้ยวๆ กว่านี้อย่างพวก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือแม้กระทั่งเวสต์แฮมนำก่อน 2 ลูก โอกาสที่ทีมของ เอริค เทน ฮาก จะแพ้คาบ้านคงมีสูง
ถ้าคิดในแง่ที่ว่าซีซั่นก่อน เทน ฮาก พาทีมเก็บได้แค่ 3 แต้มจาก 3 นัดแรก แต่มาซีซั่นนี้มีแล้ว 6 คะแนน ก็อาจจะบอกว่ามันคือพัฒนาการที่ดีขึ้นได้
แต่ถ้าเทียบโปรแกรมเดียวกันกับฤดูกาลที่แล้ว ต้องบอกว่า 3 นัดแรกของซีซั่นนี้ มาตรฐานของผีแดงตกลงจากเดิมมาจริงๆ
ซีซั่นก่อนเปิดบ้านตบวูล์ฟแฮมป์ตันได้ 2-0 ซีซั่นนี้เฉือนเหนื่อยแค่ 1-0 ด้วยรูปเกมที่ไม่น่าชนะเอาซะเลย
ซีซั่นก่อนบุกไปเสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ 2-2 ซีซั่นนี้แพ้กลับออกมา 2-0
ซีซั่นก่อนเปิดบ้านเจอฟอเรสต์ชนะสบาย 3-0 ซีซั่นนี้เหนื่อยหนักกว่าจะแซงชนะได้ 3-2 โดยอาศัยการโดนใบแดงของคู่แข่ง + ประตูชัยจากจุดโทษถึงรอดมาได้
ถ้าจะรอดูว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ในปีที่ 2 ของ เทน ฮาก มีพัฒนาดีขึ้นจากเดิมจริงหรือเปล่า อย่างน้อยๆ คงต้องดูผลงานในลีก 2 นัดข้างหน้าซึ่งจะบุกเยือนอาร์เซน่อล และเปิดบ้านพบไบรท์ตัน โดยโปรแกรม 2 นัดนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ผีแดงไม่มีคะแนนเลย
หากกุนซือชาวดัตช์พาทีมเก็บได้สัก 4 แต้มจาก 2 เกมนี้ เชื่อว่าแฟนผีน่าจะพอใจ แต่เมื่อดูฟอร์มของทีมตอนนี้ ก็ยากที่จะไปคาดหวังให้เอาชนะทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ถึงบ้าน รวมถึงการเล่นให้เหนือกว่าทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ถึงแม้เมื่อคืนวันเสาร์ 2 ทีมนี้จะพลาดสะดุดแล้วก็ตาม
ที่แฟนผียังคงบ่นๆ กันทั้งที่ทีมเพิ่งได้ชัยชนะมา ก็เพราะเป็นห่วงทีมรักนั่นแหละ ถ้ายังไม่มีการปรับปรุงฟอร์มการเล่น และแก้จุดผิดพลาดเดิมๆ มันก็ไม่แปลกที่แฟนบอลจะกังวลกับเกมระดับยากขึ้นที่รออยู่อีกเพียบ
อย่างไรก็ตาม การชนะในเกมที่เล่นไม่ดี มันย่อมดีกว่าแพ้ในเกมที่เล่นดีอยู่วันยังค่ำ และผมก็เชื่อว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียว ถ้าจะบอกว่าเวลาที่ทีมชนะทั้งที่เล่นแย่ แฟนบอลจะมีความเดือดดาลน้อยกว่าเวลาทีมแพ้อยู่แล้ว
เพราะการชนะ มันทำให้ไม่โดนล้อไงครับ
เมื่อไม่โดนล้อ ความหัวร้อนก็จะน้อยลง และอารมณ์พาลหาแพะไล่โทษคนนั้นคนนี้ก็จะลดลงตามไปด้วย
1
เรื่องฟอร์มการเล่น ผมยังอยากให้แฟนบอลใจเย็นๆ และยอมให้เวลา เอริค เทน ฮาก ไปปรับแก้ เพราะผมยังเชื่อว่าถ้าสภาพทีมสมบูรณ์พร้อมกว่านี้ โดยที่นักเตะไต่ระดับความฟิตและปรับจังหวะการเล่นจากปรีซีซั่นเข้าสู่ฟูลซีซั่นได้เต็มรูปแบบ คุณภาพการเล่นจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเอง
ถ้าไม่นับแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไม่รู้ว่าจะโดนน้องใหม่อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โชว์ทีเด็ดเปิดบ้านยันอยู่หรือไม่ เราก็ได้เห็นกันไปแล้วว่าฤดูกาลนี้ไม่มีทีมไหนเลยที่จะชนะรวดตลอดทั้ง 3 นัดแรก
อาร์เซน่อลที่ว่ากันว่าจะเป็นแคนดิเดตลุ้นแชมป์ ยังโดนฟูแล่มที่เหลือผู้เล่น 10 คนไล่ตีเสมอ 2-2
1
จ่าฝูงจาก 2 นัดแรกอย่างไบรท์ตัน เมื่อเจอคู่แข่งที่ศักยภาพสูงขึ้นอย่างเวสต์แฮม ก็โดนทีเด็ดรับแล้วสวนคมๆ บวกกับความเหนียวผิดมนุษย์ของ อัลฟงส์ อาเรโอล่า จนแพ้คาบ้านไป 1-3
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่มาทรงดีๆ ภายใต้การทำทีมของ แอนช์ พอสเตโคกลู ก็สะดุดตั้งแต่นัดเปิดซีซั่นที่บุกไปเสมอเบรนท์ฟอร์ด 2-2
ในสถานการณ์ที่คู่แข่งทุกทีมที่มีโอกาสลุ้นแย่งท็อปโฟร์ต่างสะดุดกันให้เห็นไม่ต่ำกว่าทีมละ 1 นัด (ทั้ง 3 ทีมที่ผมบอกมา ต่างมีเกมที่ไม่ชนะให้เห็นแล้ว ทั้งที่ตามหน้าเสื่อเป็นต่อ) มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทำยังไงก็ได้ ให้รักษาระยะห่างจาก 4 อันดับแรกไว้ให้ใกล้ชิดเสมอ
ยิ่งช่วงต้นซีซั่นแบบนี้ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีปัญหาขุมกำลังไม่ลงตัว ยังเดินดีลขาเข้า-ขาออกให้เป็นไปตามแผนหมดไม่ได้ บอกเลยว่าจังหวะนี้หวังแค่เก็บผลการแข่งขันเอาไว้ก่อนก็พอ เพราะสภาพทีมตอนนี้มันดูไม่พร้อมเอาเสียเลย
เกมเปิดบ้านพบฟอเรสต์ เอริค เทน ฮาก ต้องเจอปัญหานักเตะเจ็บเพิ่มกะทันหันก่อนเกมอีก 2 คนคือ เมสัน เมาท์ กับ ลุค ชอว์ น่าจะต้องพักกันคนละไม่ต่ำกว่า 3 สัปดาห์ หลังจากก่อนหน้านี้ ไตเรลล์ มาลาเซีย, ค็อบบี้ ไมนู และ อาหมัด ดิยัลโล่ อยู่ในลิสต์นักเตะที่เดี้ยงไปก่อนแล้ว
เทน ฮาก ถึงกับต้องใส่ชื่อ 2 ดาวรุ่งจากอะคาเดมี่อย่าง อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ และ แดน กอร์ ที่ไม่เคยได้เล่นในพรีเมียร์ลีกมาก่อน, กองหลังที่สโมสรกำลังภาวนาให้รีบๆ ย้ายอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ รวมถึงนายทวารที่เตรียมเซ็นสัญญากับ คริสตัล พาเลซ อยู่แล้วอย่าง ดีน เฮนเดอร์สัน ไว้ในรายชื่อตัวสำรอง มันบ่งบอกว่ากุนซือชาวดัตช์ขาดผู้เล่นให้ใช้งานไปแค่ไหน
แง่ดีคือ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ฟิตพร้อมออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรกได้เสียที เรื่องนี้ถือว่าช่วยทีมได้เยอะในระหว่างที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ กำลังเร่งเรียกความฟิตเพื่อรอประเดิมนัดแรกในเกมบุกเยือนอาร์เซน่อล
การมีมาร์กซิยาลลงตัวจริงในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า เปิดโอกาสให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ฉีกไปยืนทางซ้ายซึ่งจะเล่นได้อันตรายกว่า และนั่นก็ช่วยให้สตาร์เจ้าของเสื้อเบอร์ 10 ทำผลงานได้ดีขึ้น เมื่อทำแอสซิสต์ให้ คริสเตียน เอริคเซ่น ยิงตีไข่แตก, เปิดบอลจากทางซ้ายข้ามฟากให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หลุดกับดักล้ำหน้าในจังหวะเซตพีซไปโหม่งชงให้คาเซมิโร่ได้ตีเสมอ และเป็นคนกระชากบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปเรียกจุดโทษประตูชัยให้ทีม
เทน ฮาก ใช้งานแรชฟอร์ดยืนทางด้านกว้างเป็นหลักในเกมนี้ แม้กระทั่งตอนที่ส่ง เจดอน ซานโช่ ลงเป็นตัวสำรองมาแทนมาร์กซิยาลในนาที 60 ก็ยังให้ตำแหน่งของดาวเตะค่าตัว 73 ล้านปอนด์มีความเป็น ฟอลส์ ไนน์ (เหมือนกับที่ใช้งานบ่อยๆ ช่วงปรีซีซั่น)
และอีกจุดที่ช่วยให้เกมมันดูมีความสมดุลขึ้น ก็คือการส่ง คริสเตียน เอริคเซ่น มายืนโฮลด์บอลคู่กับคาเซมิโร่ในระบบ 4-2-3-1 อย่างที่แฟนบอลคุ้นตาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ไม่ใช่แค่ทั้งเอริคเซ่นกับคาเซมิโร่จะมีชื่อทำประตูในเกมนี้ แต่เห็นชัดเจนว่ากองกลางตัวรับทีมชาติบราซิลเล่นได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อไม่ต้องทำหน้าที่ลำพังในการตัดเกมและเป็นฐานของแดนกลางแบบโดดๆ เหมือน 2 นัดก่อนหน้า
การขาดหายไปของ เมสัน เมาท์ อาจจะกลายเป็นแง่ดีสำหรับการปรับมาเล่นแบบนี้ก็ได้ และสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นของการปรับมาใช้หมาก 4-2-3-1 ก็คือการปลดปล่อย บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ผลงานแย่ใน 2 นัดแรก ให้กลับไปเฉิดฉายในตำแหน่งนักเตะจอมทัพ “หมายเลข 10” อีกครั้ง
กัปตันบรูโน่ได้รับการโหวตจากทุกสำนักให้คว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เกมนี้อย่างเป็นเอกฉันท์ เพราะมีส่วนกับโมเมนต์สำคัญทั้งการยิง, แอสซิสต์ และเรียกใบแดงจากฝ่ายตรงข้าม
ตลอดทั้งเกม กองกลางตัวรุกทีมชาติโปรตุเกสคือนักเตะที่หาโอกาสยิงได้มากที่สุด (6 ครั้ง), สร้างโอกาสมากที่สุด (3 ครั้ง) และผ่านบอลในแดนสุดท้ายของสนามมากที่สุด (24 ครั้ง) แถมยังวิ่งพล่านช่วยทีมแบบสุดกำลังในเกมที่เล่นกันเกินกว่า 100 นาที
ส่วนอีกคนที่น่าปรบมือให้ก็คือ อารอน วาน-บิสซาก้า ที่ช่วยเกมรับทางฝั่งขวาได้ดี แม้จังหวะเติมเกมบุกยังมีขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่เขาคือฟูลแบ็กที่ดูน่าไว้ใจที่สุดของทีมแล้วในตอนนี้
ในรายของอันโตนี่ ผมถือว่ายังน่าผิดหวัง แม้ในทางแท็กติกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ยังช่วยไล่บอล แย่งบอลคืนมาได้น่าชม และมีโอกาสยิงให้ลุ้นเป็นประตูเน้นๆ 2 หน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อตโยกปั่นโค้งไปโดน แม็ตต์ เทอร์เนอร์ พุ่งเซฟในครึ่งหลังน่าเสียดายมาก) แต่ถ้าปีกจอมหมุนจะช่วยให้เกมริมเส้นของทีมน่ากลัวกว่านี้ เขาต้องใช้เท้าขวาให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่อย่างนั้นจะถูกดักทางไปเล่นตามที่คู่แข่งบีบได้ง่าย และในบางนัดเกมรุกของทีมจะไปตันที่เขา
เกมนี้มีสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้นหลายอย่าง ซึ่งสถิติที่เลวร้ายก็คือนี่คือเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังคู่แข่ง 0-2 เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดย น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ใช้เวลาเพียง 3 นาที 47 วินาทีเท่านั้น ใช้โอกาสยิง 2 ครั้งแรกของเกมเปลี่ยนเป็น 2 ประตูทันที
ทั้ง 2 ประตูที่เสียถือว่าทีมปีศาจแดงโดนง่ายเกินไป นี่คือเกมที่น่าผิดหวังสำหรับ อองเดร โอนาน่า เพราะประตูแรกที่ ไตโว่ อโวนิยี่ ได้หลุดเดี่ยวตั้งแต่กลางสนามจากจังหวะสวนกลับเมื่อสกัดลูกเตะมุมของเจ้าถิ่นได้ ผมคิดว่านายประตูจอมโลดโผนอย่างเขาน่าจะกล้าออกจากเส้นประตูมาตัดบอลตั้งแต่ตอนที่เห็นอโวนิยี่แตะผ่าน มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม คนที่พลาดจริงๆ ในจังหวะเสียประตูแรกคือ อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งต้องเป็นแบ็กที่ห้อยอยู่ในแดนตัวเองเพื่อระวังเกมโต้กลับ แต่เขาดันขึ้นสูงไปกะจังหวะเบียดแย่งบอลพลาด กลายเป็นปล่อยให้ มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ ขึ้นโหม่งชงให้อโวนิยี่แตะทีเดียวหายเลย
ส่วนประตูที่ 2 เกิดจากการทำฟาวล์เสียฟรีคิกโดยไม่จำเป็นของ ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่ได้ลงยืนแบ็กซ้าย และแสดงให้เห็นถึงสมาธิที่ไม่ค่อยดีพอของแนวรับปีศาจแดงในช่วงต้นเกม
แง่ดีคือการโดนนำห่างไวเกินไป ทำให้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ หันไปเน้นเกมรับเต็มตัวเร็วเกินไปเช่นกัน และนั่นคือเหตุผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้พับสนามบุกตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วพอตีไข่แตกได้เร็ว จึงค่อยๆ หาทางกลับสู่เกมได้
เอริค เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์ถึงการตามหลัง 2 ประตูตั้งแต่ 4 นาทีแรกเอาไว้ว่าในแง่ดี มันก็คือการโดนตบหน้าให้ตื่น และเป็นบททดสอบที่ดีของทีม
“มันเป็นเรื่องน่าสนใจมากสำหรับผมที่จะได้เห็นว่าทีมจะตอบสนองต่อสิ่งนี้ยังไง”
“ในฐานะผู้จัดการทีม คุณไม่ต้องการสถานการณ์แบบนี้ แต่มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับประสบการณ์แบบนี้บ้าง เพื่อจะได้เห็นว่าทีมจะตอบสนองยังไง”
“เรื่องดีของการออกสตาร์ทได้เละเทะแบบนี้ก็คือคุณจะมีช่วงเวลาที่ยาวนานเพื่อพลิกสถานการณ์กลับมา และผมก็รู้สึกแบบนั้น”
ก่อนจะถึงเมื่อคืนนี้ ครั้งสุดท้ายที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถพลิกสถานการณ์จากที่โดนคู่แข่งนำก่อน 2 ลูกกลับมาชนะได้ ต้องย้อนไปถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2021 ที่โกงความตายกลับมาชนะอตาลันต้า 3-2 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม สมัยที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ยังคุมทีม
และถ้าจะนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก หนสุดท้ายที่พลพรรค เร้ด อาร์มี่ ได้เฮจากสถานการณ์โดนนำก่อน 0-2 ต้องย้อนไปถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2020 ที่บุกแซงชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 ในครึ่งหลัง ซึ่งเป็นอีกเกมในสมัยที่โซลชาร์เป็นกุนซือเช่นกัน
นั่นหมายความว่านี่คือครั้งแรกเลยที่ เอริค เทน ฮาก พาทีมโกงความตายจากโดนนำก่อน 2 ลูกกลับมาคว้าชัยได้ หลังจากเคยแก้เกมให้ทีมไล่ตีเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-2 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มาแล้ว 1 ครั้ง
นอกจากนั้นแล้ว การคว้าชัยชนะครั้งนี้ยังทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เป็นนัดที่ 8 ติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก และไร้พ่ายในบ้านเป็นนัดที่ 31 ติดต่อกันรวมทุกรายการ (ชนะ 27 เสมอ 4) ซึ่งนี่เป็นสถิติการคุมทีมไม่แพ้เกมเหย้ายาวนานที่สุดในอาชีพโค้ชของ เทน ฮาก ด้วย หลังก่อนหน้านี้เคยทำไว้ 30 นัดในช่วงท้ายๆ ของการคุมอูเทร็คท์ จนถึงช่วง 1-2 ปีแรกที่คุมอาแจ็กซ์ที่เนเธอร์แลนด์
มาตรฐานการเก็บแต้มในบ้านได้อย่างสม่ำเสมอยังคงอยู่ แม้ฟอร์มการเล่นของทีมจะยังดูไม่ลงตัว แถมยังเป็นเกมที่พลิกสถานการณ์จากแฟนบอลบางคนถอดใจไปตั้งแต่ต้นเกมแล้วกลับมาชนะได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากกว่าเสียใจนะครับ
อีกประเด็นที่ต้องไม่ลืมก็คือเกมแซงเฉือนฟอเรสต์ 3-2 มันคือนัดสุดท้ายของปีนี้แล้วที่หลังเกมจบ สโมสรยังมีเวลาเสริมทัพอยู่
เพราะตั้งแต่เกมหน้าเป็นต้นไปที่จะต้องบุกเยือนอาร์เซน่อล นั่นจะเป็นเกมหลังจากตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ปิดลงไปแล้ว
ผมพอเห็นความชัดเจนอยู่บ้างนะครับว่า เทน ฮาก ต้องการจะทำอะไร จากม้านั่งสำรองของเกมนี้
“ตัวเลือกกลางตัวบน” อย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ไม่มีชื่อ น่าจะเตรียมถูกปล่อยตัวให้ เรอัล โซเซียดาด เพื่อเปิดทางให้ โซฟียาน อัมราบัต เข้ามาเป็น “ตัวเลือกกลางตัวต่ำ” โดยมิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติโมร็อกโกชัดเจนว่าจะรอย้ายซบ แมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้น รอแค่ให้สโมสรไปตกลงจ่ายค่าตัวกันให้เรียบร้อย ก็พร้อมเก็บกระเป๋ามาเล่นด้วยเลย
สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มีชื่อเป็นตัวสำรอง แต่กว่าจะได้ลงคือท้ายเกมแล้ว ชัดเจนว่าเขามีสถานะเป็นแค่อะไหล่ แต่เขาจะเป็นนักเตะที่มีโอกาสได้ลงก่อน ฟาน เดอ เบค และถ้าสโมสรจะปล่อยออกไป ต้องได้ข้อเสนอที่น่าพอใจเท่านั้น
ดีน เฮนเดอร์สัน ที่เป็นโกลซีเนียร์เพียงคนเดียวที่พร้อมมีชื่อเป็นตัวสำรองเกมนี้ กำลังจะย้ายไปซบ คริสตัล พาเลซ ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ + add ons อีก 5 ล้านปอนด์ ซึ่งคนที่กำลังจะเข้ามาแทนคือนายประตูราคาถูกทีมชาติตุรกีอย่าง อัลทาย บายินดีร์ ที่จะย้ายจากเฟเนร์บาห์เช่มาด้วยค่าตัวเพียง 4.3 ล้านปอนด์เท่านั้น
ถ้าหาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะใช้เงินซื้อนักเตะใหม่อีกคนเข้ามา งบประมาณอาจจะยังปริ่มๆ ไม่พ้นกฎไฟแนนเชียลแฟร์เพลย์ นั่นจึงมีความเป็นไปได้ที่สโมสรจะหาทางขายนักเตะออกไปให้ได้อีกก่อนตลาดปิด
และคนที่ผมคิดว่ากำลังถูกบีบอยู่คือ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แม้จะมีชื่อเป็นตัวสำรองเกมนี้ก็ตาม แต่ก็ยังคงหมางเมินที่จะถูกส่งลงสนาม
อาการบาดเจ็บก่อนพักครึ่งของ ราฟาแอล วาราน (คาดว่าอาจจะไม่หนัก) ทำให้ เทน ฮาก ต้องรีบเปลี่ยนตำแหน่งเซนเตอร์ตัวขวา ซึ่งนั่นคือตำแหน่งที่แม็กไกวร์เล่นได้ แต่คนที่ได้ลงสนามก่อนยังเป็น วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ
เมื่อบวกกับข่าวที่ว่าสโมสรกำลังจะจับ จอนนี่ อีแวนส์ เซ็นสัญญายาวจนจบฤดูกาลอีก มันคือการเตรียมพร้อมสำหรับการเสียแม็กไกวร์ออกไปเต็มที่แล้ว เพื่อนำงบส่วนนั้นไปคว้านักเตะใหม่ตำแหน่งเอาต์ฟิลด์ตัวสุดท้ายก่อนตลาดปิดโดยเฉพาะ
ถ้าหากเป็นไปตามที่แฟนผีคาดหวัง ก่อนถึงวันศุกร์หน้า ทีมต้องได้ โซฟียาน อัมราบัต มาเสริมตัวเลือกแดนกลาง, ราฟาแอล วาราน เจ็บไม่หนักและกลับมาพร้อมลงตัวจริง ขณะที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ฟิตสมบูรณ์ลงประเดิมตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
ถ้าเป็นแบบนั้นสภาพทีมในเกมบุกเยือนอาร์เซน่อลน่าจะดีขึ้นมาหน่อย แล้วหลังจากนั้นแหละ ที่แฟนผีค่อยคาดหวังถึงรูปเกมที่ดีกว่า 3 นัดแรกที่ผ่านมา
#เสียบสามเหลี่ยม #ผีแดง #แมนยู #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #เจ้าป่า #ฟอเรสต์ #น็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ #เทนฮาก #เอริคเทนฮาก #บรูโน่ #บรูโน่แฟร์นันด์ส #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา