30 ส.ค. 2023 เวลา 06:15 • ท่องเที่ยว

ครั้งหนึ่ง ณ. บึงกาฬ

บทเพลงใดๆ
จะมีเนื้อร้องและท่วงทำนอง
ไพเราะหรือไม่นั้น
ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนฟัง
เฉกเช่นเดียวกับชีวิต
จะสุขหรือทุกข์
ย่อมขึ้นอยู่กับใจคน
ที่จะตัดสินมัน... ✍️By ศุชีวา
เมื่อครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปยังบึงกาฬ หนึ่งในห้าจังหวัดที่น่าอยู่ที่สุดของประเทศไทย หลงรักวิถีชีวิตเรียบง่ายริมแม่น้ำโขงแห่งนี้และหลายสิ่งที่ยังคงความเป็นดั้งเดิมและเป็นธรรมชาติ บึงกาฬเป็นจังหวัดที่ 76 (ไม่นับกรุงเทพฯ) แยกออกมาจากจังหวัดหนองคายเมื่อปี พ.ศ. 2553 ผู้เขียนคิดว่าเพราะภูมิประเทศของหนองคายนั้นยาวไปตามแม่น้ำโขง ทำให้อำเภอแต่ละแห่งห่างกันเป็นหลักร้อยกิโลเมตรเลยทีเดียว ดังนั้นการแบ่งแยกออกเป็นอีกจังหวัดจึงน่าจะง่ายต่อการปกครอง การบริหารราชการและติดต่อสื่อสาร
"ชมวิวระหว่างเดินทาง"
การเดินทางครั้งนี้ใช้เส้นทางขอนแก่น-อุดรธานี-หนองคาย เมื่อไปถึงหนองคายระหว่างทางแวะดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติข้างทาง เลียบแม่น้ำโขง สุดเขตประเทศไทย สุขใจทุกครั้งเมื่อได้ออกจากความวุ่นวายของชีวิตคนเมือง อากาศริมน้ำทำให้หายใจได้เต็มปอด และความเงียบงันของสิ่งแวดล้อมทำให้ใจสงบยิ่งนัก
"วัดเจติคีรีวิหาร (วัดภูทอก)"
ที่หมายแรกคือ "วัดภูทอก" หรือชื่อทางการว่าวัดเจติคีรีวิหาร ซึ่งเป็นแลนมาร์คสำคัญของการไปเยือนบึงกาฬ เมื่อเอ่ยชื่อบึงกาฬ เชื่อว่าทุกคนคงจะนึกถึงภาพก้อนหินยักษ์ที่อยู่บนยอดเขา นั่นก็คือ ภูทอกนั่นเอง ซึ่งประกอบด้วย ภูทอกใหญ่ (ภาพปกด้านบน ซึ่งยังไม่เปิดให้ชม) และภูทอกน้อยซึ่งอยู่ในบริเวณวัด มีการก่อสร้างสะพานไม้รอบภูเขาวนขึ้นไป มีทั้งหมด 7 ชั้น ว่ากันว่าถ้าใครเดินขึ้นไปได้ครบทั้ง 7 ชั้น ถือว่าเป็นผู้มีบุญนักแล
"สะพานไม้รอบภูเขา"
"ไหว้พระที่ชั้น 5 ภูทอก"
การเดินชมธรรมชาติจากชั้น 1-7 ทำให้ระลึกถึงธรรมะเรื่อง "อิทธิบาท 4" คำสอนของพระพุทธเจ้าที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายได้ในทุกเรื่อง ฉันทะ-รักและพอใจในสิ่งนั้น วิริยะ-ความพากเพียร จิตตะ-ความตั้งใจ จดจ่อ และวิมังสา-การใช้ปัญญาไตร่ตรอง ไม่จำเป็นต้องใช้ครบทั้ง 4 ข้อก็ได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าทำแค่เพียง 1 ข้อก็สามารถนำพาเราไปถึงความสำเร็จได้แล้ว ส่วนตัวผู้เขียน นั้นปรารถนาจะไปถึงชั้นบน จึงเกิดความพยายามที่จะเดินขึ้นไปด้วยความตั้งใจ และตลอดเส้นทางนั้นต้องใช้สติพิจารณาในการก้าวเดินแต่ละก้าวอย่างระมัดระวัง
"เจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน"
บริเวณด้านล่างมีเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้ก่อตั้งวัดภูทอก ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิธาตุและรูปเหมือนของพระอาจารย์จวน
"วัดถ้ำพระ"
"น้ำตกถ้ำพระ"
"ความงามตามธรรมชาติ"
ไหว้พระและทดสอบอิทธิบาท 4 ของตัวเองเสร็จแล้ว ช่วงบ้ายก็ไปต่อที่น้ำตกถ้ำพระ ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีผู้คนนิยมไปเยี่ยมชมและเล่นน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน ช่วยคลายร้อนได้ดี เป็นน้ำตกที่ไม่ได้มีขนาดสูงมาก และมีความสวยงามเป็นธรรมชาติและมีลานหินกว้าง เหมาะแก่การเดินเล่นแบบเย็นฉ่ำ สดชื่น... และช่วงที่น้ำตกไหลลงมานั้นก็มีร่องน้ำให้เด็กๆ นั่งซ้อนแถวกันแล้วปล่อยให้สายน้ำพาไหลลงสู่เบื้องล่างเป็นทิวแถว ก็ครื้นเครงและตื่นเต้นกันไปอีกแบบ
"วัดโพธาราม"
"ซากเรือกำปั่นโบราณ"
วัดโพธาราม ตั้งอยู่บ้านท่าไคร้ ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 2 ศอก ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อพระใหญ่ ผู้คนส่วนใหญ่ที่เคยมากราบไหว้ขอพรก็มักจะสมปรารถนากัน และไฮไลต์ของวัดนี้อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นที่เก็บซากเรือกำปั่นไอน้ำโบราณ ซึ่งตามประวัติศาสตร์ได้เล่าว่าเป็นเรือสินค้าของขุนอินทร์ ณีระสมิท ชาวนครพนมซึ่งขนสินค้าไปขายที่นครเวียงจันทร์ ประเทศลาว แต่เรือมาล่มที่หน้าวัดโพธาราม เรือที่ว่านี้จมอยู่ในน้ำกว่า 60 ปี และเพิ่งกู้สำเร็จเมื่อปี 2559
"ศาลาแก้วกู่ จ.หนองคาย"
"ปฏิมากรรมในศาลาแก้วกู่"
วันเดินทางกลับ ใช้เส้นทางเดียวกับขามา คือต้องผ่าน จ.หนองคาย อดไม่ได้ที่จะแวะเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ก่อนกลับ แม้จะเคยมาหลายครั้งแล้วก็ตาม "ศาลาแก้วกู่" (อุทยานเทวาลัย) จุดเช็คอินที่พลาดไม่ได้และไม่น่าจะมีใครที่เคยมาที่หนองคายจะไม่รู้จัก เป็นที่จัดแสดงเรื่องราวของพุทธศาสนาและเทพในศาสนาฮินดูผ่านปฏิมากรรมที่มีลักษณะเฉพาะ ดูแปลกตา ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นที่มีไม้ดอกไม้ประดับแวดล้อมเป็นสีเขียวสบายตา
"ท่าเสด็จ จ.หนองคาย"
สุดท้าย แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ท่าเสด็จ จ.หนองคาย อีกจุดที่คึกคัก เต็มไปด้วยผู้คน ที่ท่าเสด็จนี้มีลักษณะเป็นตลาดริมน้ำโขง หรือจะเรียกว่าตลาดอินโดจีนก็ไม่ผิด มีร้านรวงมากมาย ขายสินค้าหลากหลายชนิด เช่น ของพื้นเมือง ของที่ระลึก สินค้าจากลาว จีน เวียดนาม บริเวณริมน้ำมีร้านอาหารทอดยาวให้เลือกหลายร้าน บรรยากาศเป็นแบบวิถีชีวิตพื้นเมือง อาหารที่นี่ผสมผสานความเป็นเวียดนาม-ไทย...รับประทานอาหารเสร็จก็เดินช็อปปิ้งก่อนกลับ สินค้าที่แนะนำให้ซื้อ ก็คือ เครื่องประดับเงิน และหมูยอสูตรเวียดนามแท้(อร่อยจริง)
บึงกาฬยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อและเป็น Unseen Thailand ที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งคือ ภูสิงห์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่าสงวนแห่งชาติ มีจุดเช็คอินที่ขึ้นชื่อ ที่ใครๆ ก็อยากไปชม คือ หินสามวาฬ เป็นหน้าผาหินทรายขนาดใหญ่ยื่นออกไปเรียงกัน 3 ลูก เป็นจุดชมวิวที่งดงาม และในฤดูหนาวสามารถชมทะเลหมอกที่นี่ได้เช่นกัน
(ทริปนี้ผู้เขียนยังไม่มีโอกาสไปแวะ จึงไม่มีภาพมาฝากค่ะ)
🫶 ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ....ขอโอกาสกดติดตาม กดหัวใจ กดแชร์เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวและสืบทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาต่อไปค่ะ😇😇😇
#บึงกาฬ
#ภูทอก
#น้ำตกถ้ำพระ
#ศาลาแก้วกู่
#ท่าเสด็จ
#อิทธิบาทสี่
#ฮีลใจ
โฆษณา