Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
AdminField
•
ติดตาม
31 ส.ค. 2023 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
รักในตำนานของชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ (ตอนที่ 2)
ไดอาน่า มีชื่อจริงว่า “เลดี้ไดอาน่า ฟราเซส สเปนเซอร์” เป็นบุตรสาวคนที่ 3 ในจำนวน 5 คนของจอห์น สเปนเซอร์ ไวเคานต์อัลธอร์พ เอิร์ลสเปนเซอร์ที่ 8 กับฟรานเซส รูธ แชนด์ โรช เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) ณ บ้านพาร์ค (Park House) เมืองซานดริงแฮม มณฑลนอร์ฟอล์ก ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร
เลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์ เมื่อครั้งเยาว์วัย (ภาพ: WSJ)
ได้รับการศึกษาครั้งแรกกับครูหญิงประจำบ้าน ต่อมาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนเอกชนซิลฟิลด์ (Silfield Private School) เมืองเกย์ตัน มณฑลนอร์ฟอล์ก โรงเรียนริดเดิลสเวิร์ธ (Riddlesworth Hall School) ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหญิงล้วนในเมืองดิส โรงเรียนเวสต์ฮีธ (West Heath) โรงเรียนประจำที่ใกล้กับเมืองเซเว่นโอ๊กส์ มณฑลเคนต์
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) ไดอาน่าได้ออกจากโรงเรียนเวสต์ฮีธ ไปศึกษาต่อจนจบที่สถาบันการเรือน Alpin Videmanette เมืองรูจมองต์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แล้วเข้าทำงานเป็นครูอนุบาลที่โรงเรียนยังอิงแลนด์ (Young England School) ที่เมืองพิมลิโค ในปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) ก่อนจะลาออกในปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) เพื่อฝึกกิริยามารยาทและสร้างความคุ้นเคยภายในราชสำนัก หลังประกาศการหมั้นอย่างเป็นทางการ
เลดี้ไดอาน่า ช่วงประมาณปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523, ภาพ: Hollywood Life)
ในการหมั้นครั้งนั้น ถูกมองว่ามีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เนื่องจากตระกูลสเปนเซอร์ เป็นตระกูลที่มีความใกล้ชิดกับราชสำนักมาหลายชั่วอายุคน แล้วไดอาน่าทั้งสาวและสวย ประกอบกับเป็นหลานยายของเลดี้เฟอร์มอย หรือรูธ ซิลเวีย โรช บารอเนสแห่งเฟอร์มอย นางสนองพระโอษฐ์คนสนิทของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระบรมราชชนนี หรือควีนมัม
ขณะเดียวกัน ไดอาน่าก็ได้รับความสนใจจากบรรดาสื่อมวลชนอย่างรวดเร็ว ถูกจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับในราชสำนักเต็มไปด้วยกฎระเบียบต่าง ๆ ภาพลักษณ์ที่ต้องคอยรักษาให้สมบูรณ์อยู่เสมอ และยังต้องมาแบกรับความรู้สึกอันเกิดจากการที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ว่าที่พระสวามีกำลังมีความสุขอยู่บนเตียงร่วมกับคามิลล่า เพื่อส่งท้ายชีวิตโสดก่อนงานวิวาห์
จึงกลายเป็นทั้งความกดดัน ความเสียใจผสมโรงกัน ทำให้ไดอาน่าต้องระบาย เพื่อลืมความทุกข์ต่าง ๆ ด้วยการกินอย่างไม่รู้จักอิ่มแล้วล้วงคอออกมา เพื่อให้มีน้ำหนักขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้มีการวินิจฉัยอาการในเวลาต่อมาว่า เธอมีอาการของโรคบูลิเมีย (Bulimia)
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับเลดี้ไดอาน่า ภายหลังการหมั้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524, ภาพ: Town&Country)
แต่อย่างไรก็ตาม พระราชพิธีอภิเษกสมรสก็ได้เกิดขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 1981 ณ มหาวิหารเซนต์พอล กรุงลอนดอน แทนมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพราะด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมพิธีมีมากเป็นประวัติกาล แล้วได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น “งานแต่งงานแห่งศตวรรษ” งดงามราวกับเทพนิยาย เพราะมีผู้ติดตามชมการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์กว่า 750 ล้านคนทั่วโลก แล้วโดยตลอดเส้นทางจากพระราชวังบั๊คกิ้งแฮมไปยังมหาวิหารเซนต์พอล มีประชาชนเฝ้าอยู่รายทางอย่างเนืองแน่นกว่า 600,000 คน
พระราชพิธีอภิเษกสมรส เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับเลดี้ไดอาน่า ณ มหาวิหารเซนต์พอล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524, ภาพ: New York Daily News)
ในส่วนของไดอาน่าก็ได้รับการจดจำว่าเป็นหญิงสาวชาวอังกฤษคนแรกในรอบ 300 ปีที่ได้เข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับรัชทายาทแห่งอังกฤษ ถือเป็นพระราชสุณิสา (สะใภ้) พระองค์แรกของราชวงศ์วินด์เซอร์ที่มีอาชีพและรายได้เป็นของตัวเอง และในระหว่างพระราชพิธี ไดอาน่าก็ได้ขานสองพระนามแรกของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ไม่ถูกต้อง จาก “ชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ” เป็น “ฟิลิป ชาร์ลส์ อาร์เธอร์ จอร์จ” และไม่ได้กล่าวปฏิญาณว่า “จะเชื่อฟังพระสวามี” เนื่องจากทั้งสองขอให้ตัดประโยคดังกล่าวออกไป
พระราชพิธีอภิเษกสมรส เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับเลดี้ไดอาน่า ณ มหาวิหารเซนต์พอล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524, ภาพ: The National)
การนี้ ไดอาน่าในวัยเพียง 20 ปี ได้รับพระราชทานพระอิสริยยศเป็น “เจ้าหญิงแห่งเวลส์” หลังจากนั้น ไดอาน่าก็ได้ใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์อย่าง “ระหองระแหง” ท่ามกลางพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ในฐานะสมาชิกพระราชวงศ์
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าชาย เจ้าหญิงแห่งเวลส์ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จออก ภายหลังพระราชพิธีอภิเษกสมรส ณ สีหบัญชร พระราชวังบั๊คกิ้งแฮม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2521, ภาพ: Town&Country)
ซึ่งในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่น่าจดจำมากที่สุด คือ การกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็ก ผู้พิการ ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉาพะผู้ป่วยโรคเอดส์ ด้วยการที่พระองค์ทรงสัมผัสร่างกายผู้ป่วยเอดส์อย่างไม่รังเกียจ และพยายามลบล้างความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์
ไดอาน่า ทรงสัมผัสมือกับชายผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ ที่โรงพยาบาลมิดเดิลเซ็กซ์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530, ภาพ: Time)
รวมถึงการรณรงค์เพื่อต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิด ด้วยการเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปในเขตพื้นที่ทุ่นระเบิดในประเทศแองโกลา พร้อมกับฉลองพระองค์ชุดเกราะและหน้ากากป้องกันแรงอัด หรือแม้แต่การเป็นแฟชั่นไอคอนพระองค์สำคัญที่ไม่ว่าจะไปทรงงานที่ไหน ครั้งใดก็ตาม สไตล์การแต่งพระองค์ มักจะได้รับการจับตามองอยู่เสมอ แล้วก็ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ไดอาน่า เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปในเขตพื้นที่ทุ่นระเบิดในประเทศแองโกลา ช่วงเดือนมกราคม ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, ภาพ: Time)
รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินเยือนในนานาประเทศเพื่อเจริญทางพระราชไมตรี และการรับสมาคม สโมสร องค์กรและมูลนิธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกุศลอันเป็นสาธารณประโยชน์ไว้ในพระอุปถัมภ์กว่า 100 แห่ง
ไดอาน่า ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535, ภาพ: abc News)
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับไดอาน่ามีพระโอรสด้วยกัน 2 พระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียม อาร์เธอร์ ฟิลิป หลุยส์ ประสูติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ณ โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ แพดดิงตัน และเจ้าชายเฮนรี่ (แฮร์รี่) ชาร์ลส์ อัลเบิร์ต เดวิด ประสูติเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ แพดดิงตัน ในกรุงลอนดอนเช่นกัน นอกจากนั้น ไดอาน่ามีบุตรบุญธรรมอีก 17 คน
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พร้อมด้วยไดอาน่า เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี่ ในวันเปิดภาคเรียนวันแรกของเจ้าชายวิลเลียม เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538, ภาพ: People)
รวมถึงว่ากันว่า เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทรงมีพระธิดาที่เกิดจากการผสมเทียมในหลอดแก้ว ซึ่งคณะแพทย์ได้ทำการผสมเทียมไว้ เพื่อทดสอบว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ล กับไดอาน่าสามารถมีพระทายาทด้วยกันได้หรือไม่ ตั้งแต่ก่อนพระราชพิธีอภิเษกสมรส ซึ่งเมื่อผลทดสอบออกมา คณะแพทย์ได้มีคำสั่งให้ทำลายตัวอ่อนนั้นทิ้งไป แต่กลับมีแพทย์คนหนึ่งในทีมได้ฝ่าฝืนคำสั่ง นำตัวอ่อนที่เกิดจากการทดลองกลับไปฉีดให้กับภรรยาของตัวเอง
เมื่อเวลาผ่านไป ทันทีที่เจ้าชายวิลเลียมทรงล่วงรู้เข้า พระองค์จึงได้เสด็จไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพบกับหญิงสาวปริศนารายนั้นที่คาดว่าน่าจะเป็นพระเชษฐภคินี (พี่สาว) ของพระองค์ ตามรายงานว่า ผู้หญิงคนนั้นเกิดเมื่อปี 1981 ในขณะที่เจ้าชายวิลเลียม ประสูติในปี 1982 อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ได้ถูกตั้งเป็นข้อสงสัยว่า เรื่องราวทั้งหมดอาจจะเป็นการ “ยกเมฆ” ขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีการยืนยันหรือโต้แย้งถึงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
ถึงอย่างนั้นชีวิตคู่ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้างบางคราว แต่ไม่ใช่สำหรับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับไดอาน่า เพราะช่องว่างระหว่างวัยที่ต่างกัน รวมถึงปัญหานิสัยส่วนตัว การที่ไดอาน่ามีบทบาทโดดเด่นกว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จนเกินไป จุดนี้เองที่ทำให้ไดอาน่ามีอิทธิพลต่อสื่อมวลชนทุกแขนงอย่างปฏิเสธไม่ได้ จึงกลายเป็นมรสุมใหญ่ที่ทำให้ชีวิตการแต่งงานตลอด 16 ปีมีแต่ความ “ขมขื่น” อยู่เรื่อยมา
จึงเป็นเหตุให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์หวนกลับไปคบหากับคามิลล่า ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างมีครอบครัวกันอยู่แล้ว ส่วนไดอาน่าเองก็ได้ลอบไปมีสัมพันธ์ลับกับชายอื่น อย่างพันตรี เจมส์ ฮิววิตต์ ราชองครักษ์ ซึ่งทั้งคู่ก็เลือกที่จะปิดบังเบื้องหลังชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลวนั้นไว้ไม่ให้สาธารณชนได้รับรู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนตามสืบได้อยู่ดี
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับไดอาน่า ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินประเทศเกาหลี ในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535, ภาพ: Vogue)
จนในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) เมื่อแอนดรูว์ มอร์ตัน ผู้สื่อข่าวและนักเขียนชื่อดัง ได้ตีพิมพ์หนังสือที่มีชื่อว่า “Diana, My True Story” ซึ่งมีเนื้อหาที่เปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตทั้งหมดโดยตัวไดอาน่าเอง ซึ่งไดอาน่าก็มีทีท่าว่าอยากจะให้หนังสือเล่มนี้ได้รับการเผยแพร่ออกไป
เพื่อให้ทุกคนได้รู้ถึงชีวิตการแต่งงานที่แท้จริงว่า มันไม่ได้มีความสุขเลย จนถึงขั้นที่พระองค์พยายามกระทำการอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย) มาแล้วหลายครั้ง พร้อมยังเผยอีกว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้ทรงกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคามิลล่าอีกครั้งด้วย
แอนดรูว์ มอร์ตัน กับผลงาน “Diana, My True Story” (ภาพ: Entertainment Tonight)
นอกจากนั้น ในปีเดียวกัน ได้มีเปิดเผยข้อความทางโทรศัพท์ระหว่างไดอาน่า กับเจมส์ กิลบี ที่ระบุว่าเป็นคนรักของพระองค์ รวมถึงข้อความของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับคามิลล่า จนกลายเป็นที่อื้อฉาว โจษจันกันไปทั่ว ร้อนไปถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทำให้ต้องทรงเรียกทั้งสองมาเข้าเฝ้า เพื่อขอให้รักษาความสัมพันธ์ต่อไป แต่กลับไม่เป็นผล
จนในเดือนธันวาคม 1992 จอห์น เมเจอร์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และไดอาน่าตัดสินพระทัยแยกกันอยู่
ทำให้ความนิยมของประชาชนที่มีต่อราชวงศ์ลดลงอย่างมาก จึงถือปีที่ “...จะไม่หันกลับมามองด้วยความปิติยินดี..” สำหรับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จริง ๆ เนื่องจากพระราชโอรสธิดาต้องประสบกับมรสุมชีวิตคู่จนนำไปสู่การหย่าร้างแทบทุกพระองค์ ซ้ำยังเกิดเหตุอัคคีภัยที่พระราชวังวินด์เซอร์ ในวันที่ 20 พฤศจิกายนด้วย
ด้านไดอาน่าก็ได้ออกมาสัมภาษณ์ถึงชีวิตคู่ที่ล้มเหลวกับมาร์ติน บาเซียร์ ผ่านรายการพาโนรามา (Panorama) ของบีบีซี ในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) จนกลายมาเป็นที่มาของวลีสุดแสนสะเทือนใจที่ว่า “มีเราสามคนอยู่ในชีวิตสมรสนี้ มันก็เลยแออัดไปหน่อย” (ภายหลัง บีบีซี ได้ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีอย่างฉ้อฉลเพื่อให้ได้สัมภาษณ์)
ไดอาน่า ระหว่างการสัมภาษณ์รายการพาโนรามา (Panorama) ของบีบีซี ในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538, ภาพ: Vogue)
อนึ่ง ในปี 1995 คามิลล่าได้หย่าและแยกทางกับแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบวส์ เป็นอันได้เดือดร้อนไปถึงราชวงศ์เลยทีเดียว ทำให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทรงยื่นคำร้องขอหย่า ซึ่งทั้งคู่ได้หย่ากันอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539)
หลังจากการหย่า ไดอาน่าได้สูญเสียฐานันดรศักดิ์ชั้น “Her Royal Highness” แต่ยังได้รับพระราชทานสิทธิ์บางประการ เช่น อพาร์ตเมนต์หมายเลข 8 และ 9 ทางปีกขวาด้านหลังพระราชวังเคนซิงตัน สเตทอพาร์ตเมนต์ในพระราชวังเซนต์เจมส์ สิทธิ์ในการยืมเครื่องประดับและอัญมณีของราชวงศ์ รวมถึงตำแหน่ง “เจ้าหญิงแห่งเวลส์”
แล้วยังคงปฏิบัติหน้าที่ในด้านการกุศลต่อไป ส่วนด้านความรัก ทรงเคยคบหากับศัลยแพทย์โรคหัวใจชาวอังกฤษ-ปากีสถานรายหนึ่ง แล้วก็เลิกกันไป จนกระทั่งไดอาน่าได้มาพบกับลูกชายมหาเศรษฐีอย่างโดดี้ อัลฟาเยด และแม้ไดอาน่าจะไม่ใช่สมาชิกพระราชวงศ์อีกต่อไป แต่สื่อมวลชนก็ยังคอยติดตามไดอาน่าอยู่ทุกฝีก้าว จนบางครั้งก็มากเกินไป ทำให้ไดอาน่าถึงกับไม่พอใจ เพราะสื่อพยายามคุกคามชีวิตส่วนตัวเธออยู่
กระทั่งวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) หลังเสร็จสิ้นการพักผ่อนที่ประเทศอิตาลี ขณะเดินทางไปพักแรมก่อนกลับกรุงลอนดอน ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่อุโมงค์ลอดใต้สะพานปองต์เดอลัลมา (Pont des Invalides) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แม้คณะแพทย์ พยาบาลจะได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่สุดท้ายไดอาน่าก็ได้จากโลกนี้ไปในวันที่ 31 สิงหาคม 1997 ณ โรงพยาบาลปีเต-แซลแปตริแยร์ (Pitié-Salpêtrière) กรุงปารีส รวมพระชันษา 36 ปี
สภาพของรถยนต์พระที่นั่งที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุที่อุโมงค์ลอดใต้สะพานปองต์เดอลัลมา (Pont des Invalides) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ส่งผลให้ไดอาน่า สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 ข้ามไป 31 สิงหาคม ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, ภาพ: The New York Times)
กลายเป็นเหตุการณ์ช็อคโลกเพียงช่วงข้ามคืน พร้อมกับข้อกังขา และทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ มากมายที่แฝงไปด้วยปริศนาถึงการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน บ้างก็ว่าเป็นการหลบหนีการไล่ล่าช่างภาพปาปารัสซี หรือไม่ก็เป็นการลอบสังหารปลิดชีวิตไดอาน่า พร้อมด้วยโดดี้ อัลฟาเยด เพื่อเป็นการเปิดทางให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับคามิลล่า ได้คบหาจนนำไปสู่การอภิเษกสมรสกันอย่างเปิดเผย เพราะตั้งแต่โบราณมา การให้สมรสกับผู้ที่เคยผ่านการสมรสมาแล้วถือเป็นสิ่งต้องห้าม หรือเป็นการลอบสังหาร เพื่อรักษาความลับภายในราชวงศ์เอาไว้
ซึ่งได้มีการสืบสวนและสรุปว่า เป็นผลมาจากความประมาทของอองรี ปอล ผู้ขับรถเมอร์เซเดสเบนซ์ในคืนนั้น ที่ไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ เนื่องจากมีอาการมึนเมา แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ไดอาน่าก็ได้จากไปแล้วอย่างไม่หวนกลับ ผลที่ตามมาคือ สาส์นแสดงความอาลัยหลั่งไหลมายังสหราชอาณาจักร รวมถึงประชาชนที่ได้ทยอยนำช่อดอกไม้ เทียน การ์ดและจดหมายแสดงความอาลัยไปวางไว้หน้าประตูพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม พระราชวังเคนซิงตัน รวมถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เป็นจำนวนมากติดต่อกันนานหลายวัน
กลุ่มก้อนของช่อดอกไม้ เทียน การ์ดและจดหมายแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของไดอาน่า บริเวณพระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร (ภาพ: HistoryExtra)
นอกจากนั้น ทางด้านเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ อดีตพระสวามี ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยเลดี้ซาราห์ สเปนเซอร์ พระเชษฐภคินี ไปรับพระศพจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กลับยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ด้วยทรงเห็นว่า แม้ชีวิตสมรสจะล้มเหลว และเป็นอดีตพระวรชายาไปแล้ว แต่ไดอาน่าก็เป็นถึงพระมารดาของพระโอรสทั้งสองที่จะขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในกาลต่อไป แล้วเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ไดอาน่า ควรที่จะมีการจัดพิธีพระศพขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เฉกเช่นพระราชวงศ์และบุคคลสำคัญของอังกฤษคนหนึ่ง
ขณะทำการเชิญหีบพระศพ ไดอาน่า กลับยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, ภาพ: The U.S. Sun)
ขณะเดียวกัน ได้เกิดกระแสตีกลับจากประชาชนและสื่อมวลชนสำนักต่าง ๆ ถึงความเพิกเฉยของราชสำนักต่อการสิ้นพระชนม์ของไดอาน่า เพราะเห็นว่าไม่ใช่สมาชิกพระราชวงศ์แล้ว นานวันเข้าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น
ทำให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักบัลเมอรัล มณฑลเอเบอร์ดีนเชียร์ ประเทศสกอตแลนด์ ต้องเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงลอนดอน เพื่อลดแรงเสียดทานด้วยการทรงพระดำเนินทอดเนตรช่อดอกไม้ เทียน การ์ดและจดหมายแสดงความอาลัย พร้อมกับมีพระราชปฏิสันถารกับประชาชน บริเวณหน้าประตูพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระ ทรงพระดำเนินทอดเนตรช่อดอกไม้ เทียน การ์ดและจดหมายแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของไดอาน่า พร้อมกับมีพระราชปฏิสันถารกับประชาชน บริเวณหน้าประตูพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม (ภาพ: Glamour)
แล้วได้มีพระราชดำรัสแสดงความเสียพระราชหฤทัยและยกย่องในคุณงามความดีของไดอาน่าผ่านทางโทรทัศน์ (สามารถรับชมกระแสพระราชดำรัสในครั้งนั้นได้ที่:
https://www.youtube.com/watch?v=CTpcuXbJMcM
) ในวันที่ 5 กันยายน ก่อนพิธีพระศพ 1 วัน
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มีพระราชดำรัสแสดงความเสียพระราชหฤทัยและยกย่องในคุณงามความดีของไดอาน่าผ่านทางโทรทัศน์ ในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, ภาพ: BBC1)
รวมถึงการเชิญและลดธงยูเนียนแจ็กลงครึ่งเสาของพระราชวัง และเสด็จพระราชดำเนินร่วมพิธีพระศพในวันที่ 6 กันยายน ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ แม้จะเสด็จพระราขดำเนินกลับประเทศสกอตแลนด์ทันทีในเวลาเที่ยงของวันเดียวกันก็ตาม แต่ก็พอทำให้ประชาชนได้คลายความโศกเศร้าและความเคืองขัดลงไปบ้าง
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงโค้งคำนับพระศพ ไดอาน่า ขณะเคลื่อนผ่านพระราชวังบั๊คกิ้งแฮม ไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, ภาพ: Independent)
(จากซ้ายไปขวา) เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์, เจ้าชายแฮร์รี่, ชาลส์ สเปนเซอร์, เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระ ยืนส่งพระศพ ไดอาน่า เข้าสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, ภาพ: Royals)
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระบรมราชชนนี ภายหลังพิธีพระศพ ไดอาน่า ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540, ภาพ: Town&Country)
หลังจากนั้น ในช่วงบ่ายได้ทำการเชิญพระศพไปประกอบพิธีฝังที่ทะเลสาบเดอะราวน์โอวัล (The Round Oval Lake) บริเวณสวนทางทิศเหนือของบ้านอัลธอร์ปของตระกูลสเปนเซอร์เป็นการส่วนตัว มีเพียงพระญาติและผู้ใกล้ชิดที่ได้รับเชิญ แล้วไดอาน่าก็ได้ประทับพักอย่างสงบสุขอยู่ ณ ที่นั้นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ใจกลางทะเลสาบเดอะราวน์โอวัล (The Round Oval Lake) บริเวณสวนทางทิศเหนือของบ้านอัลธอร์ปของตระกูลสเปนเซอร์ เป็นที่ฝังพระศพของไดอาน่า (ภาพ: flickr ของ John Fielding)
(โปรดติดตามตอนต่อไป…)
อ้างอิง:
●
กินแล้วต้องล้วงคอ โดย MGR Online (
https://m.mgronline.com/around/detail/9480000025912
)
●
กฎราชสำนักใด ที่สมาชิกราชวงศ์อังกฤษรุ่นใหม่เลิกปฏิบัติตาม? โดย BBC News ไทย (
https://www.bbc.com/thai/features-45933514
)
●
ข่าวลือระบือโลก ความลับของพระธิดาอีกหนึ่งองค์ในราชวงศ์อังกฤษ โดย MTHAI (
https://news.mthai.com/general-news/408100.html
)
●
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ : มกุฎราชกุมารอังกฤษ เจริญพระชนมายุ 70 พรรษา โดย BBC News ไทย (
https://www.bbc.com/thai/international-46202295
)
●
ไทม์ไลน์ 16 ปี สงครามรักหลังราชบัลลังก์อังกฤษ รักหลายเส้าของ “ชาร์ลส์-ไดอาน่า” โดย ศิลปวัฒนธรรม (
https://www.silpa-mag.com/history/article_86859
)
●
ราชวงศ์อังกฤษ: เจ้าหญิงไดอานากับบทสัมภาษณ์เขย่าราชบัลลังก์ และข้อครหาที่บีบีซีเผชิญ โดย BBC News ไทย (
https://www.bbc.com/thai/international-55034736
)
●
13 times Princess Diana spoke candidly about her complicated life as a royal โดย INSIDER (
https://www.insider.com/princess-diana-quotes-about-her-life-as-a-royal-2020-6#id-like-to-be-a-queen-of-peoples-hearts-in-peoples-hearts-but-i-dont-see-myself-being-the-queen-of-this-country-princess-diana-once-said-i-dont-think-many-people-will-want-me-to-be-queen-10
)
●
1981: Charles and Diana marry โดย BBC (
http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/july/29/newsid_2494000/2494949.stm
)
●
Diana Princess of Wales โดย The official website of the Royal Family (
https://web.archive.org/web/19980127010904/http://www.royal.gov.uk/family/diana.htm
)
●
Diana Princess of Wales โดย The official website of the Royal Family (
https://web.archive.org/web/20020215065903/http://www.royal.gov.uk/output/Page153.asp
)
●
Diana Returns Home โดย BBC (
https://www.bbc.co.uk/news/special/politics97/diana/althorp.html
)
#adminfield #ชอบเล่าชอบแชร์แต่ไม่ชอบเป็นคนดีย์
#ราชวงศ์อังกฤษ #พระเจ้าชาร์ลส์ที่3 #kingcharles #ไดอาน่า #PrincessDiana #คามิลล่า #QueenConsort
ราชวงศ์อังกฤษ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย