30 ส.ค. 2023 เวลา 01:36 • การเมือง

ในความทรงจำ

เท่าที่นึกได้ คิดไปเท่าที่จำความได้ ขอไม่ใช้บริการ ข้อมูลจาก กูเกิ้ล อยากจะเขียนเอง ผิดเอง ช่างมัน เพราะมันเป็นความทรงจำ
ตั้งแต่ พฤษภาทมิฬ จนถึง เผาบ้าน เผาเมือง มีนายกพระราชทาน สองคน คือ คุณ อนันต์ ปัญญารชุณ และ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นอกนั้นคัดเลือกกัน ทุ่มเทกำลังเงิน กำลังกายกันเพื่อขึ้นมา เป็นนายก รัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ไล่มาตั้งแต่ ยุค น้าชาติ เป็นเทห์ๆ สอง สาม ปี ก็ถูกยึดอำนาจ เลือกตั้งใหม่ มายุค บิ้กเติ้ง ก็อยู่ไม่ครบเทอม ผลประโยชน์ไม่ลงตัว ต้องยุบสภา
เลือกตั้งใหม่ ได้พ่อใหญ่จิ๋ว ภรรยาไปยืนอุ้มช้างน้อยหน้าทำเนียบ ได้ไม่นาน ก็โดนวิกฤต ต้มยำกุ้ง แกทิ้งทวนด้วยการปล่อยเงินบาทลอยตัว จนวนกลับมาถึง ท่านนายหัวชวน ท่านก็ยังไม่ได้รับรายงานสักที จนรัฐบาลล้มกลางคัน จาก เรื่องที่ดิน
จากนั้นเข้าสู่ กลียุค เมื่อนักธุรกิจขึ้นมาบริหารประเทศชาติ ความเป็นนักลงทุนทำให้ เกิดการลงทุนในรัฐบาลกันเอง ก็ต้องถอนทุน กันในระบบ ถอนไปถอนมา ได้เสียกันทั้งแผ่นดิน ถึงกับต้องหนี เพื่อตั้งหลัก จากนั้นก็ผลักดัน เพื่อนพ้อง ญาติมิตร ขึ้นมาเป็น ผู้จัดการรัฐบาล ผลัดกันจนเละ เพราะ ทำงานไม่เหมือนเจ้าของบริษัททำเอง จนหนีตามกันไป บางส่วนก็ติดคุก
ที่ว่าการเมืองไม่มีอภิสิทธิ์ ไม่จริง อภิสิทธิ์มาจริง มาในสภา คัดเลือกกันในสภา สถานการณ์บังคับให้ต้องมีอภิสิทธิ์
แต่อภิสิทธิ์ชน ก็อยู่ไม่นาน โดนตามทุบรถจนเละตุ้มเปะ จนประชุมเอเปคล่ม หน้าบานกันทั้งประเทศ
มาสู่นารีขี่ม้าขาว ขายข้าวเอาหน้ารอด แต่ตัวเองรอดคนเดียว ข้าวก็เน่า น้ำก็ท่วม สุดท้าย นางก็ออกไปตาม ช่อง ทางธรรมชาติ
ที่เล่ารำลึกความทรงจำเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีประเทศไทยมาทั้งหมด ไม่มีใครสักคน ที่เป็นนายก ที่ทำงานบริหารบ้านเมืองจนนาทีสุดท้าย และลงจากตำแหน่ง อย่างสมเกียรติ ของการเป็นนายก และเพิ่งเคยเห็น การส่งมอบงาน การเข้ามาพบของนายกคนใหม่ ภาพพวกนี้ไม่เคยเห็นในความทรงจำของตัวเอง
ไอ้ที่ผ่านมา ก็ล้มกระดาน ล้างไพ่ เล่นกันใหม่ ทำกันอยู่อย่างนี้ ถ้าประเทศไทยมีแต่
นักการเมืองมาบริหารบ้านเมือง ป่านนี้คงเปลียนชื่อไปตาม เจ้าผู้ครองนครไปแล้ว บ้านเมืองนี้ยังดี มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีสถาบัน มีศาสนา และ มีข้าราชการ น้ำดี ที่ทำงานดูเเลผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ไม่ว่า ใครจะชอบหรือไม่ชอบ นายกคนที่29 แต่ผลประโยชน์ที่ได้ทำมาเก้าปีได้เกิดขึ้นกับประเทศชาติแล้ว
โฆษณา