Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
31 ส.ค. 2023 เวลา 16:59 • กีฬา
เบ็คแฮมยิงครึ่งสนามตำนานแห่งพรีเมียร์ลีก
ถ้าถามว่าความโด่งดังระดับนานาชาติของเดวิด เบ็คแฮม เริ่มต้นจากตรงไหน เราคงคิดถึงประตูมหัศจรรย์ที่ยิงครึ่งสนามใส่วิมเบิลดัน ในนัดเปิดซีซั่น 1996-97 อย่างไม่ต้องสงสัย
1
แบ็กกราวน์ของเดวิด เบ็คแฮมนั้น เขาเป็นเด็กหนุ่มจากลอนดอน ที่ย้ายไปสังกัดอะคาเดมี่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ด้วยความสัตย์จริง คือในช่วงแรกๆ ชื่อเสียงของเขาเป็นรองดาวรุ่งคนอื่นอยู่มาก
เบ็คแฮม ช่วยแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1992 ก็จริง แต่เขาไม่ได้ถูกยกย่องมากเท่ากับ ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, แกรี่ เนวิลล์, นิคกี้ บัตต์ หรือแม้แต่ คีธ จิลเลสพีด้วยซ้ำ
สาเหตุเพราะเบ็คแฮมยังไม่เข้าใจคุณภาพที่แท้จริงของตัวเอง ในช่วงแรกของทีมเยาวชนเขาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง วิ่งเป็น Box to Box ซึ่งจริงๆ เบ็คแฮมก็เล่นได้ เพราะเขามีความฟิตมากพอ แต่การวิ่งพล่านมากเกินไป ทำให้จุดเด่นเรื่องการเปิดบอลยาวของเขา ถูกลดทอนไปโดยปริยาย
จนเมื่อเบ็คแฮมขึ้นชั้นสู่ทีมชุดใหญ่นั่นแหละ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงจับเขามายืนปีกขวาแบบจริงๆ จังๆ และนี่คือตำแหน่งดีที่สุดของเบ็คส์ในชีวิตการเล่นด้วย
1
เบ็คแฮมได้โอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในปี 1995 ตอนอายุ 20 ปี ต้องบอกว่าจังหวะชีวิตของเขาโชคดีมากๆ เนื่องจากคู่แข่งริมเส้น โดนขายทิ้งไปหมดด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน
คีธ จิลเลสพี ดาวรุ่งที่มีแววดีกว่าเบ็คแฮม ย้ายไปนิวคาสเซิล เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการขายแอนดี้ โคล ของทีมสาลิกาดง (เงินสด 6 ล้านปอนด์ + จิลเลสพี) จากนั้นอังเดร แคนเชลสกี้ ขัดแย้งกับเฟอร์กูสัน จนโดนขายทิ้งให้เอฟเวอร์ตันอีก
2
ขณะที่ดาร์เรน แอนเดอร์ตัน ไม่อยากย้ายจากสเปอร์ส ส่วนสตีฟ สโตน ก็ไม่ได้ย้ายมา เพราะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ไม่ขาย
เหตุผลทุกอย่าง ผลักดันให้เบ็คแฮม ดาวรุ่งวัย 20 ปี ได้โอกาสลงเล่นให้ทีมปีศาจแดง ในฤดูกาล 1995-96 โดย ณ เวลานั้น เขายังใส่เสื้อเบอร์ 24 อยู่เลย
เบ็คแฮมช่วยแมนฯ ยูไนเต็ดได้แชมป์ก็จริง แต่เขายังเป็นแค่เด็กหนุ่มดาวรุ่งเท่านั้น และถูกเมินจากทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 1996 ด้วย ชื่อเสียงของเบ็คแฮม ณ เวลานั้น คนทั่วๆ ไป จะคิดถึงนักเตะหน้าหล่อ แต่ในสนาม ยังไม่ได้ถูกจดจำขนาดนั้น
ในช่วงซัมเมอร์ ปี 1996 เฟอร์กูสัน ซื้อนักเตะคนอื่นเข้ามา เพื่อกดดันตำแหน่งปีกขวา ได้แก่ คาเรล โพบอร์สกี้ จากสลาเวีย ปราก เหมือนว่าเฟอร์กี้ก็ยังไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเบ็คแฮมเต็มร้อยซะทีเดียว
ฤดูกาล 1996-97 เริ่มต้นขึ้น เบ็คแฮมขอสโมสรเปลี่ยนมาใส่เบอร์ 10 ที่ว่างอยู่ เขาลงสนามนัดแรกของซีซั่น ในถ้วยแชริตี้ ชิลด์ เจอกับนิวคาสเซิล ที่สนามเวมบลีย์ ปรากฏว่า เบ็คแฮมเล่นได้สุดยอดมากๆ ยิงได้ 1 ประตู ก่อนพาแมนฯ ยูไนเต็ดชนะ 4-0 นี่เป็นการประกาศให้เห็นว่า ต่อให้โพบอร์สกี้ จะดังมาจากยูโร 1996 แต่เขาไม่ยอมยกตำแหน่งให้ง่ายๆ แน่
หลังจากแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ชาริตี้ ชิลด์ อีก 6 วันต่อมา เกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกก็มาถึง ทีมปีศาจแดงไปเยือนวิมเบิลดัน ที่สนามเซลเฮิร์ส พาร์ก และนี่เอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จักเขาจริงๆ
แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ระบบ 4-4-2 มีปีเตอร์ ชไมเคิล เป็นผู้รักษาประตู กองหลัง 4 คน มีเดนนิส เออร์วิน, เดวิด เมย์, แกรี่ พัลลิสเตอร์ และ ฟิล เนวิลล์
กองกลาง ใช้ รอย คีน ยืนคู่นิกกี้ บัตต์ มีตัวริมเส้นคือจอร์ดี้ ครัฟฟ์ และ เดวิด เบ็คแฮม พอล สโคลส์เป็นหน้าต่ำ และ เอริค คันโตน่า เป็นกองหน้าตัวเป้า
ส่วนฝั่งวิมเบิลดัน มีตัวที่คุ้นหูกัน คือออยวินด์ ลีออนฮาร์ดเซ่น ดาวเตะนอร์เวย์ที่ดังที่สุดในยุคนั้น แต่แน่นอน ศักยภาพย่อมสู้ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ได้อยู่แล้ว
เกมนี้ตั๋วขาย sold out และถูกถ่ายทอดสดทางช่อง BBC มีคนดูมากมายทั่วประเทศ เพราะเป็นการลงสนามเกมแรกของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก
แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำสบายๆ 2-0 จากลูกยิงเต็มข้อของเอริค คันโตน่า และลูกยิงหลอกยัดเสาแรกด้วยเท้าขวาของเออร์วิน ตอนนี้ไม่มีปัญหาแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะแน่ๆ และฝั่งวิมเบิลดันไม่มีหือ มีอืออะไรทั้งนั้น
ช่วงราวๆ นาทีที่ 80 เบ็คแฮมพยายามลักไก่ ยิงประตูจากระยะไกล เพราะเห็นนีล ซุลลิแวน ออกมาจากเส้นมากเกินไป แต่ลูกนั้นไม่เข้า
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หันมาหาผู้ช่วยไบรอัน คิดด์ แล้วบอกว่า "ถ้าเดวิดกล้าเล่นแบบนั้นอีก เปลี่ยนตัวมันออกมาเลย"
เบ็คแฮม ไม่รู้รีแอ็กชั่นของเฟอร์กี้ที่ข้างสนาม ทำให้นาทีที่ 90 เขาตัดสินใจลองอีกรอบ จังหวะนั้นไบรอัน แม็คแคลร์ จ่ายบอลต่อมาให้เบ็คแฮม และเป็นโมเมนต์ที่ไม่มีคู่แข่งมากดดันเบ็คแฮมแม้แต่คนเดียว ทำให้เขามีเวลามหาศาลมาก ที่จะคิดทำอะไรก็ได้
ข้อสังเกตในจังหวะนี้คือ ลูกจ่ายที่ไบรอัน แม็คแคลร์จ่ายมา เบ็คแฮมเห็นบอลแล้ว แต่ไม่สัมผัสมันเลยแม้แต่จังหวะเดียว ปล่อยให้ไหลไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นเองสายตาเขาก็มองไปที่หน้าปากประตูของวิมเบิลดัน เมื่อเห็นซุลลิแวนขยับออกมาไกลอีกครั้ง เบ็คแฮมขอลองวัดใจอีกที
เบ็คแฮมเล่าให้ฟังภายหลังว่า โมเมนต์นั้น ในหัวของเขาคิดสองคำคือ "Why not?" (ทำไมไม่ลองดูล่ะ)
พอบอลไหลๆ เกือบถึงเส้นกลางสนาม เบ็คแฮมซัดไกลครึ่งสนามอย่างตั้งใจ บอลลอยค้างกลางอากาศเกือบ 3 วินาที พุ่งโค้งเป็นสายรุ้ง ก่อนจะเข้าประตูไปเลยอย่างมหัศจรรย์สุดๆ ให้แมนฯ ยูไนเต็ดนำ 3-0
1
นีล ซุลลิแวน ผู้รักษาประตูวิมเบิลดันบอกว่า "ตอนนั้นคือช่วงทดเจ็บ และอยู่ๆ เขาก็ยิงมันเปรี้ยงมาเลย ผมคิดในใจว่า 'เออ ลูกนี้ยิงได้ใกล้เคียงดีนะ' แต่รู้ตัวอีกทีบอลก็โค้งลงใต้คาน เข้าประตูไปแล้ว ซึ่งพอผมรู้ตัวว่า เสียท่าให้ลูกนี้ ผมมองทะลุตาข่ายไป ซึ่งมีแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ดนั่งอยู่ด้านหลัง พวกเขาหัวเราะกันใหญ่"
มาร์ติน ไทเลอร์ ผู้บรรยายของ BBC เล่าให้ฟังภายหลังว่า ลูกมันลอยค้างกลางอากาศนานจนเขาคิดประโยคในหัวได้เลยว่าจะพูดอะไรต่อ ถ้าบอลเข้าไป
อีกเรื่องที่ทำให้ประตูนี้ถูกพูดถึง คือ "ท่ายิง" ที่เป็น Iconic เป็นโลโก้อย่างมากของเบ็คแฮม ไม่มีใครยิงหรือจ่ายบอลด้วยลักษณะนี้ในยุคนั้น เบ็คแฮม เอี้ยวตัวแล้วเหวี่ยงแขนซ้าย มันดูแปลกแต่มันก็สวยดี
1
การยิงครึ่งสนาม ในเกมนัดเปิดสนามของพรีเมียร์ลีก ที่ถ่ายทอดสดทาง BBC นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ทำให้ชื่อเสียงของเดวิด เบ็คแฮม พุ่งทะยานไปไกลมาก นี่เป็นเรื่องแรกจริงๆ ที่ทำให้ผู้คนทั่วๆ ไป ยังรู้จักเขา
หลังเบ็คแฮมยิงเข้า ไบรอัน คิดด์ หันมาหาเฟอร์กูสัน แล้วถามว่า "นี่เราจะยังเปลี่ยนตัวเขาออกอีกไหม" ซึ่งสุดท้ายเฟอร์กี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนทั้งๆ ที่มีโควต้าเหลือ แปลว่า เบ็คแฮมได้อยู่ครบ 90 นาที
ทุกคนรู้ว่าเฟอร์กูสัน ไม่ชอบความหวือหวาแบบนี้ นี่เป็นเพลย์ที่อลังการก็จริง แต่มันมีความเย่อหยิ่ง และความมั่นใจเต็มพิกัดรวมอยู่ด้วย ถ้าคุณไม่ใช่นักเตะที่มีอีโก้สูงลิ่ว คุณไม่กล้ายิงครึ่งสนามแบบนี้แน่
แต่เมื่อเบ็คแฮมยิงเข้า เขาจะไปว่าอะไรได้ แต่ ณ เวลานั้น เฟอร์กูสันก็รู้ว่าเบ็คแฮมจะเป็นนักเตะที่พิเศษมากๆ ไม่เหมือนใครที่เขาเคยคุมมาอย่างแน่นอน
หลังจบเกม เอริค คันโตน่า ที่โดนเปลี่ยนตัวออกไปก่อนหน้านั้น รอเบ็คแฮมในห้องแต่งตัว เพื่อจะคุยกับเบ็คแฮมในประโยคสั้นๆ ว่า "เดวิด นายยิงสวยมาก"
1
เบ็คแฮมยอมรับว่า "หนึ่งในฮีโร่ของผมคือเอริค คันโตน่า เขาไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่หลังจบเกมวันนั้น เขาชมผมว่ายิงสวย นั่นคือความรู้สึกที่สุดยอด เทียบเท่ากับการยิงประตูเลยทีเดียว"
จากนั้นเมื่อเดินเข้าห้องแต่งตัว เบ็คแฮมเดินไปหาเฟอร์กูสัน "ตอนแรกผมคิดว่า เขาจะชมผมว่า 'ยิงได้สุดยอด' แต่เขาดึงแขนผมแล้วบอกว่า 'เดินตรงไปขึ้นรถบัสเลย ไม่ต้องพูดกับใครทั้งนั้น' "
มีนักข่าวจะมาขอสัมภาษณ์เบ็คแฮม แต่เฟอร์กูสันไม่ให้เบ็คแฮมคุยกับใครทั้งน้้น เพราะมันจะยิ่งเป็นการส่งเสริมอีโก้ของนักเตะให้พุ่งสูงขึ้นเกินเบอร์ ในฐานะผู้จัดการทีมเขาจำเป็นต้องระวังไว้ก่อน แต่ท้ายที่สุด ทุกคนก็รู้ว่า ต่อให้เป็นเฟอร์กี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความป็อปปูลาร์นอกสนามของเบ็คแฮมได้
1
สำหรับการยิงประตูครึ่งสนามนั้น แกรี่ เนวิลล์เล่าว่า เบ็คแฮมฝึกทุกวัน คือยืนอยู่กลางสนามแล้วเปิดบอลให้เข้าประตู ดังนั้นการยิงเข้าได้ทันที มันไม่ใช่ลูกฟลุ้กแน่นอน ซึ่งหลังจากนั้น ผู้รักษาประตูในพรีเมียร์ลีกก็ระมัดระวังขึ้น และการยิงครึ่งสนามลักษณะนี้ ก็แทบไม่เกิดอีกเลย
อีกหนึ่งเกร็ดที่น่าสนใจคือ "สตั๊ด" ที่เบ็คแฮมใช้ในเกมยิงวิมเบิลดัน คือรองเท้าพรีเดเตอร์ ของอาดิดาส แต่ประเด็นคือ บนสตั๊ดกลับมีตัวอักษรภาษาอังกฤษปักไว้ว่า Charlie ใครคือชาร์ลีกันแน่
1
ในปี 1996 อาดิดาส ผลิตรองเท้าพรีเดเตอร์รุ่น Touch ยังไม่เปิดตัววางขายทั่วไป ซึ่งเบ็คแฮมเมื่อได้ยินเสียงเล่าลือว่ารุ่นนี้ ดีจริงๆ เขาจึงติดต่อขอให้อาดิดาสส่งรองเท้ารุ่นนี้มาใช้งานก่อนฤดูกาลจะเริ่ม
ด้วยความเร่งด่วน ไซส์รองเท้าของเบ็คแฮมถูกผลิตใหม่ไม่ทัน ในบริษัทมีคู่เดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งเตรียมจะส่งให้ชาร์ลี มิลเลอร์ กองหน้าของกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ดังนั้นจึงส่งคู่นี้ให้เบ็คแฮมยืมใช้เฉพาะกิจเป็นการเร่งด่วน และเบ็คแฮมก็ใส่ลงสนามจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่สตั๊ดมีคำว่า "Charlie" อยู่ และกลายเป็นเรื่องเล่าคลาสสิคจนถึงวันนี้
หลังจากยิงประตูมหัศจรรย์ได้ในเกมนัดเปิดฤดูกาล มันยิ่งกลายเป็นสปริงบอร์ด ส่งเสริมความโด่งดังของเบ็คแฮม ให้พุ่งทะลุติดเพดาน
เบ็คแฮม เล่าถึงเหตุการณ์ต่อจากวันนั้นว่า "ตอนแรกผมยังไม่รู้ แต่จากวันนั้นมา ความสนใจของแฟนๆ และสื่อมวลชน รวมถึงชื่อเสียงต่างๆ มันทะลักเข้ามาอย่างตั้งตัวไม่ติด ตั้งแต่วินาทีที่เท้าของผมสัมผัสบอล มันคือการเปิดประตูบานใหม่ในชีวิตของผม"
จากนั้นมาทุกอย่างของเบ็คแฮม ก็ถูกสนใจ ฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม บวกกับใบหน้าอันหล่อเหลา และอีกไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็มีแฟนชื่อวิคตอเรีย อดัมส์ ศิลปินสาวจากวงที่ดังที่สุดอย่างสไปซ์เกิร์ล สินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ทุกคนคงทราบเหตุการณ์ต่อจากนั้นดี ว่าเบ็คแฮม กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของโลกฟุตบอล ที่คว้าความสำเร็จแทบทุกอย่างในชีวิต ซึ่งถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นคืออะไร ก็ต้องบอกว่า มาจากลูกยิงครึ่งสนามในเกมกับวิมเบิลดันนั่นแหละ
1
ส่งท้ายในเรื่องนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ลูกยิงของเบ็คแฮม ผู้คนล้วนชื่นชมเบ็คแฮม แต่ไม่มีใครไปด่านีล ซุลลิแวนว่าเป็นไอ้โง่
เพราะการวางเท้าที่เหมาะสม ด้วยน้ำหนักที่ถูกต้อง ถ้าจะยิงให้เข้าจากครึ่งสนามทุกอย่างต้องเป๊ะ 100% ดังนั้นเครดิตจึงควรเป็นของคนยิง มากกว่าจะไปด่าผู้รักษาประตูว่าเป็นจุดอ่อนของทีม เพราะลูกแบบนี้ ไม่ว่าจะฟุตบอลระดับไหน มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ อยู่แล้วครับ
#HALFWAYLINEGOAL
3 บันทึก
44
5
3
44
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย