1 ก.ย. 2023 เวลา 05:45 • ท่องเที่ยว
หมู่บ้านลีซอ ดอยห้วยทู่

ดอยทู่(ซี้) แต่กลับงดงามกว่าที่คิด

วันนี้เราจะเดินทางไปที่ดอยแห่งหนึ่งในจังหวัดตากที่จริงๆแล้วเราก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เรื่องราวเริ่มจากการที่เราต้องการเดินทางไปที่ดอยหลวงตาก
โดยเราได้ทำการโทรจองกับเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์
เมื่อถึงวันเดินทาง เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรุ่ จัดแจงตระเตรียมเสบียงเพื่อให้ไปทันเวลานัดหมาย แต่เมื่อจุดนัดหมาย เรากลับได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า ชื่อของเราสองคนได้ตกหล่นไป และรถที่จะไปยังจุดเริ่มเดินก็ออกเดินทางไปหมดแล้ว
หลังจากเราเริ่มทำใจกับความผิดหวังได้แล้ว คุณลุงเจ้าหน้าที่เสนอถึงดอยห้วยทู่ขึ้น ว่าเรายังสามารถไปได้ในตอนนี้ แต่จะมีแค่เราสองคนกับคนนำทางอีกหนึ่งคน เรารีบคว้าโอกาสนั้นโดยไม่คิด ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร
หลังจากนั่งรออยู่ประมาณ 30 นาที รถก็มารับเราพร้อมตระกร้าผ้าหลังรถ ทำให้เรารู้ว่าทริปนี้ของเรามันช่างฉุกละหุกจริงๆ
กระโดดขึ้นหลังรถ
เราเริ่มวิ่งออกจากหมู่บ้านไปที่ไหนเราก็ยังไม่รู้
ระหว่างทาง
หลังวิ่งผ่านทางลูกรังเข้ามาอีกพักใหญ่เราก็เข้ามาถึงหมู่บ้านลีซอ นั่งรอให้คนนำทางของเรา เข้าบ้านไปตระเตรียมข้าวของ แล้วเริ่มออกเดินทางกัน
เราสองคนกับหนึ่งคนนำทางเริ่มออกเดินทาง
ช่วงแรกในการเดินเป็นการเดินผ่าน พื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน อากาศวันนี้มีเมฆค่อนข้างมากเลยช่วยกรองความร้อนให้เราได้ดีทีเดียว
เริ่มเดินผ่านทิวเขาเตี้ยๆ ขึ้นๆลงๆ
เดินมาซักพักเราก็เริ่มเดินตัดเขาไปในเขตป่ากล้วย อากาศวันนี้ร้อนชื้นจนเราเริ่มหอบกันเลยทีเดียว
ผ่านป่ากล้วย
คนนำทางของเรา
คนนำทางของเราบอกว่าระยะทางในวันนี้ไม่ไกลมาก ประมาณ 5-6 กิโลและตอนนี้ก็พึ่งจะเป็นเวลาเที่ยง เราเลยเดินชมบรรยากาศกันไปเรื่อยๆ
ผีเสื้อระหว่างทาง
Alocasia
ทุ่งดอกไม้สีสันสวยงาม
หลังจากชมความสวยงามที่ผ่านเข้ามาอยู่พักใหญ่ เราก็หลงลืมสิ่งเราเคยกังวลไปเลยว่าจุดกางเต้นท์ด้านบนจะเป็นอย่างไร เดินมาอีกไม่ไกลก็ถึงเนินเขาที่เป็นหญ้าสีเขียว สวยงามสุดจะบรรยาย
เนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าสีสวย
เนินเขาสวยงาม
เมฆฝนเริ่มเข้าปกคลุม ลมพัดแรงจนตัวเราแทบจะยืนไม่อยู่ เรนโคฟเวอร์ปลิวหลุดจากกระเป๋าทำให้เราวิ่งไล่จับกันอยู่นาน อากาศเย็นสบาย ความรู้สึกที่ทำให้เราทั้งกลัวและอิ่มใจไปในเวลาเดียวกัน
ค่อยๆเดินฝ่าลมไปเรื่อย ได้คนนำทางถ่ายรูปนี้ให้
หลังจากพ้นจุดนั้นมา เราเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรกระดึบอยู่ที่ขาเลยแวะลงเป้ดูซักหน่อย ปรากฏว่าสิ่งที่เจอคือเพื่อนของเรานี้เอง
น้องทากเริ่มคืบคลาน
เราค่อยๆดึงน้องออกแล้วเดินต่อไป
ยืนมองผาแล้วหวนนึกเรื่องชีวิต
จนสุดท้ายเราก็เดินมาถึงแนวต้นไม้ ซึ่งมีทากอยู่ทั่วบริเวณ อากาศชื้น เย็น และมีหมอกปกคลุม จนเรานึกฉากในเรื่อง Silent hill ขึ้นมาทีเดียว ในใจเราคิดว่าคงไม่ใช่ที่นี้ แต่แล้วคนนำทางก็หยุดและบอกว่านี้คือจุดกางเต้นท์ของเราในคืนนี้
จุดกางเต้นท์ในวันนี้
เราหันมองหน้ากัน แต่ก็ไม่ปฏิเสธ รีบลงของกางเต้นท์ ให้ทันกับฝนที่จวนเจียนจะตกลงจากฟ้า
กางเต้นท์เสร็จแล้ว
หลังจากกางเต้นท์เสร็จเวลาประมาณบ่ายสามโมงเรานั่งลงกินข้าวกันหน้าเต้นท์ พร้อมทั้งคอยดึงทากมาเกาะตัวเราตลอดเวลาออกไปด้วย ไม่นานหลังจากเราเริ่มอิ่มและเริ่มไม่ไหวกับน้องทากไปในเวลาเดียวกัน คนนำทางก็มาเรียกให้เราไปดูวิวบนเขา เราเดินตามไปอย่างใจเย็นผ่านป่าหญ้าอันชุกชุมไปด้วยทาก จนมาถึงยอดเขาความสูงประมาณ 1,200 เมตรพร้อมกับฝน หมอก และลมพัดแรง
คนนำทาง นำทางเราไปอย่างตั้งใจ
วิวจากยอดเขา
ถึงแม้จะไม่เห็นอะไรเลยจากบนนี้แต่บรรยากาศมันช่างทำให้เราสบายและสงบ ท่ามกลาง ลมพัดแรงและฝนที่โปรยปรายลงมา เราใช้เวลาสักพักก็เริ่มเดินลงมาที่เต้นท์ หลังจากเราเข้าเต้นท์แล้ว เหมือนเช่นเคย ฝนตกโปรยปรายลงมาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดอีกเลย เราจึงตัดสินใจทำกับข้าวง่ายๆกินกันในเต้นท์
ทอดไข่เจียวในเต้นท์
หลังจากกินกันจนอิ่ม เราเดินตากฝนออกจากเต้นท์ ไปขุดหลุมผจญกับทากทำธุระส่วนตัวแล้วรีบกลับมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวเข้านอน ลมแรงโยกเต้นท์เราไปมาทั้งคืน หลับๆตื่นๆจนในที่สุดก็เช้า
จัดแจงของเก็บเต้นท์ที่หนักอึ้งเพราะน้ำฝนที่ตกลงมาใส่ทั้งคืนใส่เป้
ชงกาแฟที่เตรียมมาพร้อมขนมปังยามเช้าอย่างง่ายๆ แล้วเริ่มเดินกลับผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยหมอก สวยมากจนเราคิดว่าถ้ากางเต้นท์สู้กับลมตรงนี้ได้คงจะมีความสุขน่าดู
เนินเขาแห่งหมอก
ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชมเราก็เดินลงมาถึงข้างล่าง เมฆฝนทั้งหมดหายไป อากาศร้อนจนเราทำให้เรา อดคิดไม่ได้ว่าที่ๆเราพึ่งผ่านมาเมื่อครู่มันใกล้แค่เพียงนิดเดียวทำไมทุกอย่างช่างแตกต่างกันขนาดนี้
ระหว่างทาง คนนำทางปีนขึ้นไปเก็บมะไฟ
จากความผิดหวังกลายเป็นความประทับใจ ขอเพียงแค่เราคว้าโอกาสไว้
Mr.Sunshine
ประสบการณ์ครั้งนี้คงย้ำเตือนให้เรามองหาความสวยงามจากความผิดหวัง ไม่ว่าครั้งไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม.......
โฆษณา