6 ก.ย. 2023 เวลา 08:16 • นิยาย เรื่องสั้น

รำพันสวาท

.
เกริ่นนำ>>>เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมสถานศึกษาของข้าพเจ้าเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน.......เจ้าของเรื่องได้เสียชีวิตไปแล้ว ความเศร้าเสียใจ ท้อแท้ และ สิ้นหวังของเธอเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าไม่เคยรู้เลยเพราะยังไม่มีคนมารัก มีแต่คนที่ไปแอบชอบเขาข้างเดียวเลยไม่เศร้าเท่าใดนัก
.
มาบัดนี้ข้าพเจ้ามีครอบครัว ลูกๆโตแล้วเรียนจบและมีงานทำ คนโตแต่งงานแล้วและข้าฯกำลังจะเป็นยาย เป็นความปลาบปลื้มที่จะมีหลาน แม้จะล่วงเลยมาจนอายุเกือบ 70 แต่...ช้าก็ยังดีกว่าไม่มี
.
ที่ผ่านมาชีวิตความเป็นอยู่ของข้าฯพออยู่พอกินอย่างสมถะ ในสายตาคนทั่วไปแล้วเป็นครอบครัวที่เรียบง่ายฐานะปานกลาง การเขียนเรื่องเล่านั้นเพื่อให้ทราบถึงชีวิตของคนรุ่นเก่าที่คนยุคใหม่อาจไม่ทราบ เพราะหากไม่เขียนมันคงตายไปกับข้าฯด้วยเมื่อเวลานั้นมาถึง
.
แล้วทำไมข้าฯจิตตกจนท้อแท้ และ สิ้นหวัง ทั้งที่เป็นเจ้าทฤษฎี เคยให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาหัวใจกับคนมามาก แต่พอถึงคราวตัวเองกลับคิดไม่ตก หรือ นี่คือชะตาที่สวรรค์หรือจะนรกก็ได้ลิขิตไว้แล้ว
.
มอง..ดูเดือนเลื่อนลา แสงจันทร์ลับตา แล้วพาอ้างว้าง เหมือนรักที่เหินห่าง รักชืดจืดจางดั่งความฝัน เคย...มีหวังแน่นอน แล้วใยร้าวรอน นิวรณ์ต่อกัน เหลือ...จะหวาดจะหวั่น วิโยคโศกศัลย์ตัวฉันเศร้า.....
.
ทันทีที่เพลงจบ ว.ก็ปลดหูฟังซาวด์อะเบ้าท์ออกยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ เหม่อมองสายน้ำเจ้าพระยาที่ไหลเชี่ยว ความคิดหวนย้อนไปเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา (ซาวด์อะเบ้าท์ เป็นเครื่องเล่นเพลงที่ใช้เล่นเทป หยุดขายไปเมื่อปี 2010)
.
ตอนนั้นเธอเป็นสาวน้อยวัยใส น้องใหม่ของมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งในกทม เธอสอบได้คณะที่เลือก เธอมีเพื่อนใหม่ที่น่ารักมีความเป็นมิตร ชีวิตช่างสมูท(Smooth-เรียบง่าย)ดีเหลือเกิน และเธอพอใจกับชีวิตเรียบง่ายนี้
.
เธอมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือ ครอบครัวมีอาชีพค้าขายของกินของใช้และจิปาถะ(ร้านขายของชำ) ว.จึงตั้งใจว่าเมื่อเรียนสำเร็จ เธอจะสอบบรรจุเป็นครูกลับไปสอนหนังสือที่บ้านเกิด และเพื่อดูแลบิดา-มารดาที่อายุมากขึ้น
.
ความที่ ว.เป็นลูกคนเดียว การได้เป็นข้าราชการของเธอจึงเป็นผลดีต่อบิดา-มารดาที่ได้ใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลยามที่มีเหตุเจ็บไข้ได้ป่วย
ที่ผ่านมาแม้จะอยู่ถึงปี3 แต่ ว.ก็ไม่เคยมีเพื่อนชายที่คบหาเป็นพิเศษ เธอตั้งหน้าตั้งตาเรียนเพียงอย่างเดียว เลิกเรียนก็กลับหอหญิง มุ่งมั่นต่อการอ่านหนังสือ มีคุยกับเพื่อนบ้าง
ในตอนค่ำก็แอบทำของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหอหญิง เช่นต้มถั่วเขียวด้วยเตาไฟฟ้า หรือ....ชงมาม่า
.
ปิดเทอมใหญ่ก็กลับบ้านสักพัก แล้วมาเรียนภาคฤดูร้อน(summer) จากนั้นก็อยู่รอเปิดภาคเรียนใหม่ มีทำกิจกรรมบ้าง ชีวิตวนเวียนอยู่เช่นนี้ แต่เธอก็ไม่เคยเบื่อ
จนกระทั่งขึ้นเทอมปลายของปีที่ 3 ก็มีพี่ปี 4 ที่ชื่อพี่ส.ผ่านเข้ามาในชีวิต พี่ส.ช่างหล่อเหลา มีมัดกล้าม ดูเผิน ๆ นึกว่าพระเอกสมบัติ เมทะนีเสียอีก เพราะทำผมทรงเดียวกัน
.
พี่ส.เรียนคณะวนศาสตร์(เกี่ยวกับป่าไม้) การได้พบกับเธอนับว่าเป็นยิ่งกว่าบุพเพสันนิวาส(การเคยเป็นเนื้อคู่กันในชาติก่อน)เพราะปกติคณะของพี่ส. จะเรียนเอกเทศไม่ได้พบเจอกับคณะอื่นนัก และตึกเรียนอยู่ไกลจากตึกเรียนคณะอื่นคนละทิศคนละทาง ไม่ได้เป็นทางผ่านอีกต่างหาก
.
จนป่านนี้ ว.ก็ยังนึกไม่ออกว่าเจอพี่ ส.ได้อย่างไร รู้เพียงว่าแรกพบพี่ส. ทั้งเธอและพี่ต่างก็รู้สึกราวไฟดูด จากนั้นพี่เขาก็พาตัวเข้ามาในชีวิตของว.อย่างมุ่งมั่น
พี่ส.มีบ้านอยู่ที่จังหวัดหนึ่งใน 3 สมุทร คือ สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม และ สมุทรสาคร ครอบครัวทำสวนผลไม้ พี่ส.เป็นลูกชายคนเล็ก มีพี่สาวหนึ่งคน พี่สาวของพี่ส.ซึ่งไม่ได้เรียนเกษตรเลยแต่เป็นผู้ดูแลสวนผลไม้
.
ว.และพี่ ส.คบหากันได้แค่เทอมเดียวพี่เขาก็เรียนจบ แม้ช่วงเวลาที่คบหากันช่างแสนสั้น แต่ทั้ง 2 ต่างก็รู้ได้ถึง ความผูกพันของหัวใจที่มีต่อกัน
ดังนั้นเมื่อครอบครัวพี่ ส.ส่งเขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2-3 ปี ว.จึงไปส่งพี่เขาด้วยน้ำตาอย่างไม่อายสายตาใครทั้งสิ้น
.
ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พี่ส.ไม่ได้กลับเมืองไทยเลย แต่เขียนจดหมายมาหาเธอทุกวัน ในขณะที่เธอเขียนตอบเขาน้อยมาก เพราะเขียนไม่ออก และเป็นคนที่ไม่ชอบเขียนจดหมาย
.
เทศกาลสำคัญต่าง ๆ เช่นวันเกิดของเธอ วันวาเลนไทน์(วันแห่งความรัก) วันปีใหม่ พี่ส.จะส่งของขวัญชิ้นโตมาให้อย่างสม่ำเสมอ นอกเหนือจากจดหมายที่ส่งรายวันแล้ว
ตอนนี้เธอเรียนจบได้ 2 ปีแล้ว และสอบบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในกทม. เธอยังไม่คิดกลับบ้านเกิดดังความตั้งใจแต่แรก เพราะเธอจะรอพี่ ส.อยู่ที่กรุงเทพ
.
เธอเช่าหอพักใกล้ ๆ โรงเรียนที่เธอสอน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเก็บรวบรวมเงินเดือนที่ได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ส่งกลับไปให้บิดา-มารดาทุกเดือน
โรงเรียนสตรีแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
.
มีนักเรียนราว 800 คน ครูผู้สอนเป็นหญิงเกือบทั้งหมด ส่วนมากอายุ 30 ปีขึ้นและเป็นสว.-โสดเสียมาก ครูชายที่มีไม่ถึง 5 คนก็มีอายุและมีครอบครัวแล้ว เธอจึงเป็นครูที่เด็กที่สุด และด้วยนิสัยเรียบร้อยเป็นคนเงียบ ๆ จึงทำให้ได้รับความเอ็นดูจากครูคนอื่น ๆ เรื่องปัญหาในการทำงานจึงตัดทิ้งไปได้ หากมีใครในโรงเรียนถามเรื่องแฟน ว.ก็จะตอบว่าไม่มี
.
บรรดาครูสาวหลายคนมักจะแนะนำพี่ชาย หรือน้องชาย ไม่ก็หลานชายให้ ว.ได้รู้จัก เผื่อเธอจะสนใจ แต่ ว.มักปฏิเสธอย่างสุภาพ ในหัวใจมีแต่เพียงพี่ ส.เท่านั้น
จดหมายของพี่ส.ทุกฉบับได้รับการเก็บรักษาเป็นอย่างดี ใส่กล่องขนาดกระทัดรัดผูกโบว์สวยงาม จดหมาย...ที่รำพึงรำพันถึงความรักความคิดถึงที่มีต่อเธอ อยากพบเจอเธอเหลือเกิน จดหมายรัก...ที่ทำให้ ว.ทั้งยิ้มทั้งร้องไห้ เมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย "โปรดรอพี่ด้วยความรักและอดทน พี่จะรีบเรียนให้จบ และกลับมาแต่งงานกับน้องให้เร็วที่สุด"
.
เธอก็แสนคิดถึงเขา เธอก็ต้องการเห็นหน้าพี่ ส.เช่นกัน แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะบินไปหาพี่เขาที่อเมริกา ตราบใดที่เธอยังไม่ได้แต่งงานกับเขา ในยุคนั้นอเมริกาช่างห่างไกล ค่าโดยสารแพงมาก ข้าราชการเงินเดือนน้อยแม้จะจบระดับปริญญา การจะบินไป-มาดังเช่นในปัจจุบันเป็นไปได้ยากมาก เพราะยังไม่มี low cost-สายการบินราคาประหยัด
.
เมื่อพี่ ส.เรียนปริญญาโทสำเร็จ พี่ ส.ก็ตัดสินใจเรียนต่อปริญญาเอกทันทียังไม่กลับเมืองไทยตอนนี้ เพราะมีงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ทำการทดลองที่สำคัญที่มีผลกับโลกของเรา การมีรายได้เป็นของตนเองของพี่ ส.ได้ช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านไปด้วย
.
การศึกษาต่อคราวนี้คงใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี เพราะแม้การสอบทางวิชาการจะผ่าน แต่หาก thesis(บทความวิจัย)ยังไม่ผ่านก็ยังไม่จบ พี่ ส. จึงขอให้อดทนรอเขาต่ออีกหน่อย ตอนท้ายของจดหมายมีการตัดพ้อด้วยว่า หาก ว.คอยต่อไปไม่ไหวเขาก็ไม่โกรธเธอแม้แต่น้อย
.
ว.ถึงกับยิ้มเมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ เธอสู้อดทนรอมานับตั้งแต่รู้จัก 3 ปีแล้ว รอต่อไปอีกแค่นี้หรือนานกว่านี้จะเป็นไรเชียว แล้วเธอก็พลันคิดไปถึงงานโฮมฯที่ผ่านมา
ทุกวันที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นับเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งของพวกเรา เพราะเป็นวันที่พวกเรา.......ชาว "ลูกนนทรี" ได้กลับมาเยี่ยมเยือน “บ้านหลังใหญ่”
ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขนร่วมกันอีกครั้ง เป็นวันที่พวกเราเรียกว่า Home Coming day...วันแห่งรักและผูกพัน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า งานโฮมฯ (ตัดตอนมาจากบทความของ ดร. ทิพวัลย์ สีจันทร์)
.
เพื่อนนิสิตหญิงที่เคยอยู่ร่วมหอพักด้วยกันต่างแปลกใจที่ ว.ยังไม่ได้แต่งงาน และแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกที่รู้ว่า 3 ปีมานี้พี่ส.ยังไม่ได้กลับประเทศไทย "หรือแอบไปมีลูกเมียที่โน่นแล้ว" เพื่อนกระเซ้า
.
ว. หัวเราะแม้ภายในใจจะเริ่มหวั่นไหว ทำไมเธอจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน คืนนั้นเมื่อกลับถึงที่พัก เธอจึงรีบเขียนจดหมายไปถาม "เหตุการณ์นี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น" คือคำตอบของพี่ส.
.
แล้วฤดูร้อน-ฤดูฝนและฤดูหนาวก็ผ่านพ้นไปอีก 5 พ.ศ. เป็น 5 ปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน เป็น 5 ปีที่จดหมายรักของพี ส.มีมาบ้าง ไม่มีบ้าง ตอน 3 ปีแรกที่ต่อโทนั้นมีมาทุกวัน จนกล่องใส่จดหมายใบเดิมไม่พอใส่ต้องซื้อเพิ่ม ตอนนี้จดหมายเริ่มกะปริดกะปรอยเหมือนน้ำประปาหน้าแล้ง
.
แต่ ว.ก็ไม่เคยเก็บมาคิดมาก เธอรู้ดีว่าการศึกษาในระดับนี้ยากเย็นเพียงใด ทุกวันนี้นอกจากการเตรียมการสอนในแต่ละวัน หาความรู้เพิ่มเติมในวิชาการต่าง ๆ แล้ว ยัง
มีสิ่งสำคัญที่เธอทำมาหลายปีแล้วนั่นคือ การหยิบจดหมายพี่ ส.มาอ่านซ้ำ และการถักโครเช(Crochet)ผ้าคลุมเตียงลายสับปะรดสีชมพูเมื่อวันแต่งงานมาถึง
โรงเรียนปิดเทอมทุกปี ว.ก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัด เธอไม่เคยปิดบังพ่อ-แม่เรื่องการ
รอคอยพี่ ส. และรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของทั้งคู่แม้จะไม่เอ่ยอะไร
.
บัดนี้พี่ ส. เรียนสำเร็จแล้ว แต่จะยังไม่กลับเมืองไทย เนื่องจากได้งานทำที่นั่น พี่ ส. ขอเวลาอีก 2 ปี คราวนี้จะรีบกลับมาแล้วขอเธอแต่งงานทันที ในระหว่างเวลานี้การเขียนจดหมายจะระงับไปก่อนจนกว่าจะถึงวันที่ใกล้กลับ
.
นับเวลาที่ได้พบเจอพี่ ส.จนบัดนี้คงจะร่วม 9 ปีแล้ว กว่าที่พี่ ส.จะกลับก็คง 10 ปีขึ้น ช่างโง่เขลาอะไรอย่างนี้หนอ เป็นความรักที่ต้องอดทนรออย่างแสนมาราธอนเสียนี่กระไร แต่แล้ววันหนึ่งก่อนที่จะครบ 10 ปีเพียงไม่นาน ว.ก็ได้ให้การต้อนรับเพื่อนที่เคยอยู่หอพักหญิงด้วยกันตอนที่เรียนมหาลัยฯ
.
"เธอยังรอพี่ ส. อยู่หรือ" เพื่อนถาม เรื่องการรอคอยของ ว. เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนนิสิตหญิงที่เคยพักหอเดียวกัน เธอเป็นแบบอย่างของรักแท้ รักมั่นคง รักโค-ต-ร มาราธอนจนเพื่อน ๆ ต้องนับถือ
"พี่ ส.กลับมาถึงเมืองไทยได้พักใหญ่แล้ว" เพื่อนบอก "ถ้าเธอไม่เชื่อ โรงเรียนเลิกเธอไปพิสูจน์ด้วยตัวเองก็ได้ฉันเอารถมา"
ด้วยเหตุนี้ ว.จึงไปบ้านเพื่อนที่อยู่แถวคลองประปา เป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาดกำลังดีมีรั้วรอบ ภายในรั้วปลูกต้นไม้ชนิดต่าง ๆ กำลังเหมาะ หน้าบ้านมีที่จอดรถยนต์ได้ 2 คัน
.
"หลังท้ายสุดที่ทารั้วเขียวเป็นบ้านพี่ ส. เธอไปเองคนเดียวก็แล้วกัน" เพื่อนบอกด้วยท่าทีอึดอัด ในขณะที่ว. ใจเต้นแรงอย่างมีความสุขที่จะได้พบ และต้องการสร้างเซอร์ไพรส์ให้พี่ ส. แม้ภายในส่วนลึกของหัวใจจะนึกน้อยใจที่เขากลับมาเงียบ ๆ ไม่บอก
.
เธอกดกริ่งหน้าบ้าน สักครู่ก็มีหญิงต่างชาติผมสีทองหน้าตาสะสวย ท้องแก่ใกล้คลอดมาเปิดประตูถามแขกผู้มาเยือนด้วยภาษาไทยที่ไม่ชัดนัก ว. ยกมือไหว้เจ้า
ของบ้าน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไหว้ด้วยการไหว้ตอบ ซึ่งแสดงว่าหญิงต่างชาติผู้นี้ได้รับ
คำแนะนำเรื่องขนบประเพณีไทยมาเป็นอย่างดี ว.จึงบอกวัตถุประสงค์
.
พี่ ส.ในชุดลำลองเดินออกมาหลังจากที่หญิงตาน้ำข้าวเข้าไปตาม ทันทีที่พบหน้า ว.อย่างไม่คาดฝัน พี่ ส.หน้าซีดเผือด ตกตะลึงไปเป็นครู่ก่อนจะได้สติแล้วเชิญให้
เธอเข้าไปนั่งในบ้าน แนะนำให้รู้จักกับภรรยาของเขา
.
"แคทเธอลีนใกล้คลอดแล้ว พี่จึงต้องรีบกลับ เพราะค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลที่นั่นแพงมาก ส่วนเรื่องของเราแคทไม่เคยรู้ พี่เสียใจและขอโทษที่ไม่กล้าบอกความจริง เพราะกลัวน้องเสียใจ" พี่ส.พูดเสียงเครือหน้าสลด ไม่กล้าแม้แต่สบตา ว.
.
"มาบอกตอนนี้น้องก็ยังเสียใจอยู่ดี พี่ทำกับน้องอย่างนี้ได้อย่างไร" ว. พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงจนเธอก็ยังแปลกใจตัวเอง "เกือบ 10 ปีมานี้ น้องเฝ้ารอพี่ เฝ้ารัก เฝ้าคิดถึง น้ำตาพร่างพรูจนท่วมใจ ร้องไห้จนเลิกร้อง หัวใจของพี่ทำด้วยอะไร ถึงทำกับน้องได้ลงคออย่างนี้"
.
แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่ ว.พบนั้นทั้งเซอร์ไพรส์ทั้งตกตะลึงจนเธอแทบคุมสติไม่ได้ ตอนนี้เธอไม่มีน้ำตาสักหยด บ่อน้ำตาคงเหือดแห้งไปนานแล้ว เธอลุกขึ้นยืนอย่าง
มั่นคงเดินออกจากบ้านหลังนั้นโดยไม่ไหว้ลา ไม่กล่าวคำใด ๆ ในขณะที่พี่ ส.เอา
แต่เก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก เมียแหม่มของเขานำน้ำดื่มมารับรองแขกก็งง
.
ทันทีที่กลับถึงที่พักพร้อมด้วยเบียร์แช่เย็นเจี๊ยบ ว.ก็เริ่มต้นร้องไห้ให้กับความโง่ของตัวเอง ร้องไปดื่มเบียร์ไป ในชีวิตของเธอซึ่งไม่เคยแตะต้องของมึนเมามาก่อน วันนี้เธอยอมศีลข้อ 5 แตก
.
"แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป" ข้าพเจ้าถาม ตอนนั้นเรานั่งอยู่ที่ร้านอาหารริมท่าน้ำเจ้าพระยาด้วยกัน ว.ยิ้มอย่างขมขื่นพยายามกลั้นน้ำตาอย่างที่สุด ข้าพเจ้าจึงบอกว่าอยากร้องก็ร้อง ขออย่างเดียวอย่า...
"อย่าฆ่าตัวตายใช่ไหม ฉันไม่มีวันทำอะไรโง่ๆอย่างนั้นเพราะเรื่องแค่นี้" ว.พูดต่ออีกว่า "แม้ฉันจะรักพี่ ส.เพียงใด แต่ฉันก็รักตัวเองและรักพ่อ-แม่มากกว่า"
.
ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าพี่ส.หลอกให้เธอรอเขาเนิ่นนานขนาดนี้เพื่ออะไร คำตอบของว.ก็คือ "เพราะเขายังไม่เคยได้ฉันเป็นเมียน่ะซิ พี่เขาจึงต้องหลอกให้ฉันเป็นฝ่ายรับผิดชอบต่อคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ นั้นไปเรื่อย ๆ ด้วยจดหมายรำพันสวาทของเขา
แต่ถึงฉันจะเคยมีอะไรกับเขา ฉันก็ไม่มีวันไปพรากพ่อ-แม่-ลูกเขาหรอกนะ ในเมื่อพี่ส.มีใหม่ได้ ฉันก็มีใหม่ได้เช่นกัน
.
ตอนนี้ฉันหมดสิ้นพันธะสัญญาใจต่อเขาแล้ว สิ้นเวรกันที...สิ้นความไมตรีสัมพันธ์ สิ้นสุดความฝันที่คิดเสมอว่าจะรักกันจนสิ้นชีวา และขออย่าได้พบเจอผู้ชายอย่างนี้อีก แค่ชาตินี้ชาติเดียวก็เกินพอแล้ว"
.
ข้าพเจ้า "เธอจะทำอย่างไรกับจดหมายปึกใหญ่นี้" ว.ทอดสายตาไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเชี่ยวอีกครั้งหนึ่ง พลางยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ยิ้มน้อย ๆ
.
"นี่เป็นแก้วสุดท้ายที่ฉันจะดื่ม ฉันตัดสินใจที่จะกลับบ้านและสานฝันที่ยังไม่ได้ทำเสียที ส่วนจดหมายนี้ตอนแรกก็คิดเหวี่ยงลงเจ้าพระยาให้จบ ๆ ไป แต่จะเป็นการสร้างมลพิษให้แม่น้ำเสียเปล่า ๆ กับเรื่องน้ำเน่าของจดหมายแบบนี้ ฉันจึงตัดสินใจยกให้เธอไปอ่าน เห็นชอบขีด ๆ เขียน ๆ เผื่อว่าวันหนึ่งเธออาจเขียนเรื่องของฉันเป็นนิยายบ้างก็ได้"
.
หลายสิบปีต่อมา...ข้าพเจ้าวางหนึ่งในจดหมายของพี่ ส.ที่อ่านจบลงกับโต๊ะ หวนคิดถึง ว. และเรื่องราวของเธอที่ถูกโซ่ตรวนแห่งรักผูกพันไว้ จนเสียเวลาในวัยสาวไปถึง 10 ปี แม้จะผิดหวังกับรักแรกที่ถูกหักหลังอย่างเจ็บแสบที่สุด แต่ความเข้มแข็งของจิตใจก็ทำให้ว.สามารถผ่านด่านรักสลายนี้มาได้อย่างสง่างาม
.
จนกระทั่งเธอก็ได้พบกับคู่ชีวิตที่แท้จริงในเวลาต่อมา เป็นคุณหมอของโรงพยาบาลประจำจังหวัด คราวนี้เธอใช้เวลาคิดไม่นานนักในการตัดสินใจ เพราะคุณหมอได้รับการการันตีจากบิดา-มารดาของเธอว่าเป็นคนดี
.
ว.ครองรักกับคุณหมออย่างมีความสุข มีลูก มีหลานที่น่ารัก ตราบจนความตายมาพรากเธอไปจากผู้ที่เธอรัก และผู้ที่รักเธอเมื่อไม่นานมานี้
แล้วพี่ส.ล่ะ ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจเรื่องของเขาอีกหลังจากนั้น พี่ส.จะมีใจรักต่อ ว.อย่างแท้จริงไหมหนอ หรือ...รักแท้แพ้ระยะทางที่ห่างไกล
พี่ส.คงเหงาจึงคว้าดอกไม้ใกล้มือมาชมเล่น ในระหว่างเวลาที่สัญญาไว้กับ ว. และคิดว่าเมื่อกลับเมืองไทย แหม่มคงไม่รอเขานานนัก หายไปสักปี-2ปี sheก็คงมีคู่ใหม่ เขาก็สามาถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับ ว.โดยไม่เสียคำพูด
แต่.....จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แคทเธอลีนเกิดตั้งท้องขึ้นมา พี่ส.ก็ต้องรับผิดชอบซึ่งเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชาย
.
แล้วข้าฯล่ะมาเจอปัญหาชีวิตครอบครัวเอาตอนแก่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว สาว 70 รึจะสู้เด็ก 30 ข้าพเจ้ายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดในรวดเดียว วางแก้วไว้กับขอบสะพาน ร้องไห้จนร้องต่อไม่ไหว เตรียมตัวดิ่งลงสู่ผืนน้ำดำมืดเบื้องล่าง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงของ ว.แว่วเข้ามาในจิตสำนึก....
.
"เสียใจทำไม ร้องไห้ทำไม เขาไม่ได้รับรู้และสนใจสักนิด เมื่อเขามีใหม่ได้ เธอก็มีใหม่ได้เช่นกัน เดี๋ยวนี้คนชอบของแปลกเช่นยายแก่อายุ 70 อย่างเธอ มีเยอะแยะ
ขอให้มีเงินก็พอ
เธอก็ไปดูดไขมันให้ดูดีขึ้นไม่ใช่พุงหลามแบบนี้ ไปโมหน้าที่เกาหลีให้อ่อนลงสัก30 ปี เปลี่ยนชื่อใหม่ ทำตัวให้ทันสมัย ไม่ใช่ยายซิ้มโบ๊ะอย่างนี้"
.
"แล้วต้องใช้เงินเท่าใดจ๊ะ" ข้าพเจ้าคิดถึงเงินที่แอบซ่อนไว้ พลันความคิดจะกระโดดน้ำตายก็หายไปกว่าครึ่ง เออขืนตายตอนนี้นางคนใหม่ก็ใช้เงินข้าฯเปรมไปน่ะซี
.
ว. "หลักหลายล้าน"
.
"หา....เสียเงินด้วย เจ็บตัวด้วย Noway(ไม่มีทาง) ฉันเอาเงินก้อนนี้ไปตระเวณหาของอร่อยๆทั่วประเทศไทยที่กำลังโปรโมทกินดีกว่า"
.
หนูนิ
.
ศุกร์นี้พบกับ ล่องไพรชุดที่ 9 เทวรูปชาวอินค่า ภาพปก ภาพวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน – รูปถ่ายของ Dinner .
โฆษณา