7 ก.ย. 2023 เวลา 10:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ประเทศไทย ส่งออกเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ Top 5 ของโลก

🥤 ปี 2564 ประเทศไทยส่งออกเครื่องดื่มประเภทซอฟต์ดริงก์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 50,800 ล้านบาท เป็นอันดับ 5 ของโลก
รองจากออสเตรียที่ส่งออกเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งไทยนับเป็นประเทศเดียวที่ตั้งอยู่นอกทวีปยุโรปแล้วติดอันดับ Top 5 ของโลก
📈 การส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็น 54,900 ล้านบาทในปี 2565 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ประเทศไทยส่งออกเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 7 %
🥤 เครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ ในที่นี่หมายถึง เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจเป็นน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดื่มเสริมอาหาร โดยในยอดการส่งออกของไทยในปี 2565 ประกอบไปด้วย เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม คิดเป็นสัดส่วน 50 % เครื่องดื่มอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง, เครื่องดื่มเสริมอาหาร หรือ Funtional Drink อีกประมาณ 50 %
🏭 อุตสาหกรรมเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ของไทย มีจุดเริ่มต้นมาจากการเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานของบริษัทข้ามชาติ เช่น แบรนด์ Coca-Cola ของสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อตลาดเติบโตขึ้น ทางรัฐบาลไทยจึงส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งเพื่อรองรับการบริโภคในประเทศ และพัฒนาเป็นการผลิตเพื่อส่งออกในช่วงปี 2519
🍶 ทำให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ ทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ โดยอาศัยความได้เปรียบจากต้นทุนแรงงาน และวัตถุดิบทางการเกษตรที่หลากหลาย โดยเฉพาะส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ ก็คือ “น้ำตาล” ที่ประเทศไทยผลิตและส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
รวมไปถึงผัก ผลไม้ และสารอาหารอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม
ทำให้พัฒนาการของการส่งออกเครื่องดื่มของไทยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
🇻🇳 โดยจุดหมายปลายทางของการส่งออกเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ของไทย 5 อันดับแรกในปี 2565 ได้แก่
1. เวียดนาม มูลค่า 15,239 ล้านบาท
2. กัมพูชา มูลค่า 14,097 ล้านบาท
3. เมียนม่า มูลค่า 7,534 ล้านบาท
4. ลาว มูลค่า 3,354 ล้านบาท
5. จีน มูลค่า 3,033 ล้านบาท
สังเกตได้ว่า ประเทศจุดหมายปลายทาง Top 5 ของการส่งออก ล้วนเป็นประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV
แสดงถึงความเชื่อมั่นในเครื่องดื่มแบรนด์สัญชาติไทยของลูกค้าในประเทศเหล่านี้ และการทำการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าเป็นอย่างดี
1
🇪🇺 อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มี 3 ประเทศที่การส่งออกเครื่องดื่มเติบโตอย่างน่าสนใจ มากกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ผู้คนมีรายได้สูงกว่าไทย ได้แก่
1.สหราชอาณาจักร เติบโต 381% และเติบโตต่อเนื่องกว่า 3 ปี
2.มาเลเซีย เติบโต 294%
3.ฝรั่งเศส เติบโต 131% และเติบโตต่อเนื่องกว่า 3 ปี
🥤 ในส่วนของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ในประเทศไทย
มีทั้งโรงงานบริษัทต่างชาติ ที่ไทยเป็นฐานการผลิต เช่น Coca Cola บริษัทสัญชาติอเมริกัน หรือบริษัทไทยขนาดใหญ่เช่น กลุ่ม TCP ที่เป็นเจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง, เรดดี้, สปอนเซอร์, แมนซั่ม
📊 รวมถึงโรงงานบริษัทไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น
บมจ. เสริมสุข (SSC) ผู้ผลิตเครื่องดื่มครบวงจร มีผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำดื่มคริสตัล, เอส โคล่า และชาเขียวโออิชิ
บมจ. โอสถสภา (OSP) ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง M-150, ฉลาม และลิโพ
บมจ. คาราวบาวกรุ๊ป (CHG) ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง
บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) ผู้ผลิตเครื่องดื่มเสริมอาหาร Sappe
1
ซึ่งด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การทำการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน และการขยายตัวของประชากรในตลาดประเทศกลุ่ม CLMV ก็น่าจะกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้การส่งออกเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ของไทยเติบโตต่อไปได้
🧃 แต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น เครื่องดื่มเสริมอาหาร หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพื่อจับกลุ่มตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะตลาดในแถบยุโรป ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้สูง หรือกลุ่มลูกค้าที่หันมาสนใจดูแลสุขภาพ ก็เป็นหนทางในการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
🌏 นอกจากนี้ การใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้น เช่นการพัฒนาเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ ให้เป็น Soft Power คู่กับการท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มความต้องการในตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของไทยได้
ซึ่งหากมองสัดส่วนในการส่งออกเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ของไทยซึ่งอยู่ในอันดับ 5 ของโลก
มีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 7.9 % ของมูลค่าการส่งออกทั้งโลก ซึ่งไม่ทิ้งห่างจากประเทศอื่น ๆ ในอันดับ Top 5 ที่ส่วนใหญ่แล้วมีสัดส่วนไม่ห่างกันมากนัก โดยออสเตรีย ผู้ส่งออกเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์อันดับ 1 ของโลก มีสัดส่วน 12.9 %
📈 หากประเทศไทยสามารถพัฒนาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์
ก็อาจทำให้สามารถกลายเป็นผู้ส่งออกเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์อันดับ 1 ของโลกได้ ในอนาคตอันใกล้..
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุน บทวิเคราะห์ หรือการเสนอขายแต่อย่างใด
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
════════════════════
#เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน
════════════════════
Dime! เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องสนุก เพื่อความสุขอย่างเท่าเทียมของทุกคน
 
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Dime! ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0007-02
ติดตามเราในช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
#การเงิน #การลงทุน #ไดม์ #Dime #Dimeออมได้ลงทุนดี
โฆษณา