ทำความรู้จัก ‘นิโตริ’ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ญี่ปุ่น ที่โด่งดังจน IKEA โค่นไม่ลง!
นิโตริ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์บ้านสัญชาติญี่ปุ่นเปิดสาขาที่ไทยเป็นครั้งแรก ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ถ้าพูดถึงเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านคงนึกถึง IKEA เป็นอันดับแรก บริษัทเฟอร์นิเจอร์สัญชาติสวีเดนที่ครองความนิยมไปทั่วโลก ในขณะที่ญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะ ‘นิโตริ’ (Nitori)
จะเป็นตัวเลือกอันดับแรกของชาวญี่ปุ่นจนมีคำกล่าวว่าแม้แต่ IKEA ก็ยังโค่นไม่ได้เพราะไม่สามารถช่วงชิงความเป็นที่นิยมจากนิโตริไปได้เลยแม้แต่นิด
📌 จึงเป็นที่มาของบทความที่อยากทำความรู้จัก ‘นิโตริ’ ให้มากขึ้น
นิโตริ มาจากชื่อคุณอากิโอะ นิโตริ ผู้ก่อตั้งบริษัทเฟอร์นิเจอร์ในวัย 25 ปี (เมื่อปี 1967) หลังจากเรียนจบ คุณนิโตริได้งานในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง แต่ไม่นานนักก็ถูกไล่ออกทำให้เขาว่างงานอยู่ 6 เดือน
จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหันมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะอย่างน้อยก็ยังดีกว่านั่งนิ่งอยู่เฉย
เขาเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยเงินเพียง 8,000 ดอลลาร์ ซึ่งมาจากการหยิบยืมจากพ่อแม่และเพื่อน ๆ และตัดสินใจตั้งรกรากบริษัทที่เมืองซัปโปโรเพราะมองว่ายังไม่มีคู่แข่งที่ทำร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ในแถบนั้น
แต่ไม่นานก็มีคู่แข่งรายใหญ่เข้ามา หากจะทำให้ธุรกิจอยู่รอดต้องหากลยุทธ์ใหม่ จึงเป็นสาเหตุให้คุณนิโตริตัดสินใจไปศึกษางานด้านธุรกิจที่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกปี 1972
และนั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัท เพราะที่นั่น ‘มีในสิ่งที่ญี่ปุ่นไม่เคยมี’ และเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน
ร้านเฟอร์นิเจอร์เป็นเสมือนศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ทำให้ลูกค้าสามารถสัมผัสเฟอร์นิเจอร์ และเห็นภาพการจัดวางเสมือนอยู่ในบ้านจริง ๆ ซึ่งแตกต่างจากของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ราคายังถูกกว่าถึง 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น!
ที่นั่นมีทั้งสินค้าคุณภาพพรีเมี่ยม รูปแบบการจัดวางเป็นระบบ รวมถึงโทนสีและสไตล์มีผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้คุณนิโตริทึ่งอย่างมากจนถึงกับกล่าวว่า ‘สักวันหนึ่ง ผมจะสร้างร้านค้าแบบนี้ให้ได้’
จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณนิโตริสร้างร้านค้าใหม่ในรูปแบบโดมอลังการชื่อว่า ‘Nango Store’ ในเมืองซัปโปโร ปี 1975 ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกของญี่ปุ่นที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะต้องการฉีกกรอบการนำเสนอสินค้าแบบเดิม ๆ มุ่งเน้นตัวตนของแบรนด์ให้เป็นที่จดจำมากขึ้น
เพื่อจะรู้เรื่อง ‘เครือข่ายธุรกิจค้าปลีก’ (chain store) ให้มากขึ้น คุณนิโตริจึงเรียนรู้กับ Shunichi Atsumi ซึ่งเป็นคุณครูที่คอยสอนเขาเกี่ยวกับนโยบาย การบริหารจัดการร้านค้าให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่เขาได้เรียนรู้คือ เมื่อเราทำธุรกิจแล้วได้กำไร เราก็ควรตอบแทนสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคมด้วย
เขาจึงค่อย ๆ ตั้งเป้าหมายทีละเล็กน้อย ไม่เน้นการเติบโตที่รวดเร็วมากเกินไป แต่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เกิดความประทับใจมากที่สุด
เห็นได้จากการตั้งเป้าหมายใน 30 ปีแรก (ปี 1973 - 2002) วางไว้ที่การขยายร้านค้าทั้งหมด 100 แห่งและยอดขาย 1,000 ล้านเยน
เมื่อทำสำเร็จ จึงก้าวเข้าสู่เป้าหมายใหม่ในอีก 30 ปีต่อจากนี้ (ปี 2003-2032) โดยวางเป้าขยายร้านค้า 3,000 แห่งและยอดขาย 3 ล้านล้านเยน
📌 อีกกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจของนิโตริคือ ‘พัฒนาทรัพยากรมนุษย์’
เขาลงทุนกับการฝึกฝนให้ความรู้พนักงานจนเกิดเป็น ‘ความเชี่ยวชาญ’ ซึ่งนิโตริเป็นหนึ่งในบริษัทที่จ่ายเงินเพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลมากกว่าบริษัทอื่นในญี่ปุ่นถึง 5 เท่า
เพราะเขารู้ดีว่าพนักงานคุณภาพเหล่านี้จะเป็นหัวหอกสำคัญในการนำพาบริษัทไปสู่จุดที่เขาวาดฝันไว้แต่แรกเริ่ม
ที่ญี่ปุ่น นิโตริมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว เรียกได้ว่า ถ้านึกถึงร้านเฟอร์นิเจอร์ต้องนึกถึงนิโตริ
ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะนิโตริเข้าใจวิถีชีวิต ความต้องการ และข้อจำกัดของคนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนเพื่อนรู้ใจ
และด้วยราคาที่จับต้องได้ ทำให้ได้รับความนิยมอันเป็นจุดมุ่งหมายของแบรนด์ที่ต้องการมอบของคุณภาพดีแต่ราคาย่อมเยาว์
สิ่งที่ทำให้นิโตริขายในราคาย่อมเยาว์ได้เป็นเพราะบริษัทดูแลธุรกิจอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ การผลิต การขนส่ง บริการขยาย ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
📌 ด้วยเหตุนี้ ทำให้แม้แต่แบรนด์ดังอย่าง IKEA ก็ไม่สามารถโค่นนิโตริในตลาดญี่ปุ่นได้
ย้อนกลับไปปี 1973 IKEA เริ่มบุกตลาดญี่ปุ่นและภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี ก็ต้องถอยทัพกลับไป แม้ปัจจุบัน IKEA จะกลับมาเปิดสาขาที่ญี่ปุ่นใหม่แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับนิโตริ
ปัจจุบัน นิโตริ มีสัดส่วนฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างและการผลิตกว่า 90% ในต่างประเทศ
มี supplier มากกว่า 770 บริษัท และฐานการผลิตสินค้าถึง 12 ประเทศและภูมิภาค (ส่วนใหญ่มาจากจีน เวียดนาม มาเลเซีย ไทย) และมีจำนวนพนักงานมากกว่า 12,000 คนทั่วโลก
ก่อนจบบทความขอทิ้งท้ายโควทคำพูดของคุณนิโตริสักเล็กน้อย
‘คุณใช้ชีวิตแบบเด็กได้เสมอ ตราบเท่าที่คุณยังคงกระหายความรู้บนโลกใบนี้ แต่คุณจะแก่เร็วขึ้น เมื่อคุณเอาแต่ป้องกันตัวเอง’
แหม่ คมบาดใจเสียจริง
ผู้เขียน: ขัตติยาภรณ์ ด้วงแก้ว Political Analyst, Bnomics
ภาพประกอบ : ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
